อินเด็กซ์ฝ่าพิษเศรษฐกิจ โตทะลุเป้า 25% แตะ1,543 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ แม้ธ.ค.สูญรายได้ไป 10ล้านบาท มองการเมือง ช่วยใจชื้น แม้ปีหน้าลูกค้ารัดเข็มขัดใช้เงิน เชื่อแผนการจัดการองค์กรใหม่ บวกการเพิ่มนิวบิซิเนสโมเดล ปีหน้าโตได้อีก 25% แน่นอน
นายเกรียงกานต์ กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจน ซี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของอินเด็กซ์ในปีนี้ เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ถึงแม้ว่าในช่วงเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา จากสถานการณ์ทางเมือง จะส่งผลให้ 2 งานต้องเลื่อนออกไป กับคอนเสิร์ต เอสเอ็ม ทาวน์ และคอนเสิร์ต 100 ไพเพอร์ส ส่งผลให้รายได้ช่วงนี้หายไปประมาณ 10 ล้านบาท แต่ภาพรวมรายได้ยังโตอยู่มากกว่า 1,200 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ หรืออยู่ที่ประมาณ 1,543 ล้านบาทในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายเกรียงกานต์ กล่าวว่า เพียงแค่การเมืองนิ่งขึ้น ก็ถือว่าช่วยให้บรรยากาศต่างๆดีขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไร เพียงแต่นิ่งไปก่อนสัก 6 เดือน ก็ถือว่าช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปบ้างแล้ว
โดยในส่วนของธุรกิจรับจัดงานนั้น จากที่มีการสอบถามลูกค้า พบว่า ปีหน้าส่วนใหญ่ลูกค้ายังคงมีเม็ดเงินในการใช้เท่าเดิมอยู่ แต่จะมีการพิจารณาและเลือกใช้สื่อหรือวิธีการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สื่อแมสอาจจะเห็นน้อยลง อีเว้นท์การจัดงานยังมีอยู่ แต่อาจจะเป็นในลักษณะของการจัดที่มีขนาดเล็กลง แต่มีความถี่มากขึ้น จัดเป็นแคมเปญๆไป
ทั้งนี้ในส่วนของอินเด็กซ์ ได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดทีมการขายใหม่ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีอิสระในการหาลูกค้าใหม่เข้ามา ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงแนวทางในการเปิดนิวโมเดล บิซิเนสใหม่อีกอย่างน้อย 1 หน่วย มุ่งไปยังธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้บริษัทฯมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ โดยตั้งเป้าไว้ว่าในปีอย่างน้อยต้องมีการเติบโตที่ 25% เท่าปีนี้ ขณะที่สัดส่วนรายได้กว่า 90% ยังมาจากหน่วยธุรกิจเดิม และอีก 10% มาจากกลุ่มธุรกิจใหม่ คือ ยังดี และที่จะเปิดต้นปี2552 อีก 1 หน่วย ซึ่งการเติบโตที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะมาจากการงานใหม่ๆที่เข้ามา
อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจด้านการผลิตรายการโทรทัศน์นั้น เดิมปีนี้บริษัทฯทำอยู่ 4 รายการ ป้อนให้กับทางทรู 2 รายการ เอ็นบีที 1 รายการ และ ทีพีบีเอสอีก 1 รายการนั้น ปีหน้ามีแผนที่จะเพิ่มอีก 3-4 รายการด้วย ภายใต้การผลิตของหน่วยธุรกิจที่ชื่อ อินเด็กซ์ เทเลวิชั่น
** “ยังดี” ประเดิมคอนเสิร์ตแรกก.พ.ปีหน้า**
นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจน ซี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยธุรกิจที่ชื่อ ยังดี กับการทำธุรกิจด้าน เพอร์ซัลนอล แบรนดิ้ง ให้กับพี่ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค พบว่าที่ผ่านมาหลังเปิดตัว พี่ดี้เริ่มมีการสร้างรายได้เข้ามาบ้างแล้ว กับการแต่งเพลงให้กับคอร์เปอเรตต่างๆ เช่น ไทย ประกันชีวิต และIRPC
โดยปีหน้าการสร้างแบรนด์ให้พี่ดี้ ได้เตรียมแผนที่จะจัดงานใหญ่ 4 งาน คือ 1.คอนเสิร์ต อารมณ์ดี้ ตอน “ทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว” ในวันที่ 7 ก.พ. 2552 ณ ฟาร์มโชคชัย 2. งานคอมเมอดี้โชว์ ไตรมาส2 3.คอนเสิร์ตใหญ่รวมกับศิลปินอื่นๆในไตรมาส3 และ4.คอนเสิร์ต อารมณ์ดี้ ตอน “ทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว ภาค2” อีกครั้งในไตรมาส4 คาดว่าทั้งปี2552นี้ การสร้างแบรนด์ให้พี่ดี้ ยังดีจะมีรายได้ถึง 100 ล้านบาท
ด้านนางสาวศุภวรรณ สุจินดา ผู้จัดการทั่วไป ดูแลหน่วยธุรกิจ ยังดี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปีหน้า ยังดี จะมีลูกค้าเข้ามาใหม่อีก 4-5 ราย ทั้งในกลุ่มศิลปิน เซเลเบตี้ และแมกกาซีน เชื่อว่าภาพรวมรายได้ของยังดีในปีหน้าจะโตเป็นเท่าตัว เทียบกับรายได้ที่มาจากพี่ดี้ในปีหน้า
นายเกรียงกานต์ กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจน ซี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของอินเด็กซ์ในปีนี้ เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ถึงแม้ว่าในช่วงเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา จากสถานการณ์ทางเมือง จะส่งผลให้ 2 งานต้องเลื่อนออกไป กับคอนเสิร์ต เอสเอ็ม ทาวน์ และคอนเสิร์ต 100 ไพเพอร์ส ส่งผลให้รายได้ช่วงนี้หายไปประมาณ 10 ล้านบาท แต่ภาพรวมรายได้ยังโตอยู่มากกว่า 1,200 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ หรืออยู่ที่ประมาณ 1,543 ล้านบาทในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายเกรียงกานต์ กล่าวว่า เพียงแค่การเมืองนิ่งขึ้น ก็ถือว่าช่วยให้บรรยากาศต่างๆดีขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไร เพียงแต่นิ่งไปก่อนสัก 6 เดือน ก็ถือว่าช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปบ้างแล้ว
โดยในส่วนของธุรกิจรับจัดงานนั้น จากที่มีการสอบถามลูกค้า พบว่า ปีหน้าส่วนใหญ่ลูกค้ายังคงมีเม็ดเงินในการใช้เท่าเดิมอยู่ แต่จะมีการพิจารณาและเลือกใช้สื่อหรือวิธีการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สื่อแมสอาจจะเห็นน้อยลง อีเว้นท์การจัดงานยังมีอยู่ แต่อาจจะเป็นในลักษณะของการจัดที่มีขนาดเล็กลง แต่มีความถี่มากขึ้น จัดเป็นแคมเปญๆไป
ทั้งนี้ในส่วนของอินเด็กซ์ ได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดทีมการขายใหม่ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีอิสระในการหาลูกค้าใหม่เข้ามา ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงแนวทางในการเปิดนิวโมเดล บิซิเนสใหม่อีกอย่างน้อย 1 หน่วย มุ่งไปยังธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่ยังทำให้บริษัทฯมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ โดยตั้งเป้าไว้ว่าในปีอย่างน้อยต้องมีการเติบโตที่ 25% เท่าปีนี้ ขณะที่สัดส่วนรายได้กว่า 90% ยังมาจากหน่วยธุรกิจเดิม และอีก 10% มาจากกลุ่มธุรกิจใหม่ คือ ยังดี และที่จะเปิดต้นปี2552 อีก 1 หน่วย ซึ่งการเติบโตที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะมาจากการงานใหม่ๆที่เข้ามา
อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจด้านการผลิตรายการโทรทัศน์นั้น เดิมปีนี้บริษัทฯทำอยู่ 4 รายการ ป้อนให้กับทางทรู 2 รายการ เอ็นบีที 1 รายการ และ ทีพีบีเอสอีก 1 รายการนั้น ปีหน้ามีแผนที่จะเพิ่มอีก 3-4 รายการด้วย ภายใต้การผลิตของหน่วยธุรกิจที่ชื่อ อินเด็กซ์ เทเลวิชั่น
** “ยังดี” ประเดิมคอนเสิร์ตแรกก.พ.ปีหน้า**
นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจน ซี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของหน่วยธุรกิจที่ชื่อ ยังดี กับการทำธุรกิจด้าน เพอร์ซัลนอล แบรนดิ้ง ให้กับพี่ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค พบว่าที่ผ่านมาหลังเปิดตัว พี่ดี้เริ่มมีการสร้างรายได้เข้ามาบ้างแล้ว กับการแต่งเพลงให้กับคอร์เปอเรตต่างๆ เช่น ไทย ประกันชีวิต และIRPC
โดยปีหน้าการสร้างแบรนด์ให้พี่ดี้ ได้เตรียมแผนที่จะจัดงานใหญ่ 4 งาน คือ 1.คอนเสิร์ต อารมณ์ดี้ ตอน “ทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว” ในวันที่ 7 ก.พ. 2552 ณ ฟาร์มโชคชัย 2. งานคอมเมอดี้โชว์ ไตรมาส2 3.คอนเสิร์ตใหญ่รวมกับศิลปินอื่นๆในไตรมาส3 และ4.คอนเสิร์ต อารมณ์ดี้ ตอน “ทุ่งหญ้า สายลม และนมวัว ภาค2” อีกครั้งในไตรมาส4 คาดว่าทั้งปี2552นี้ การสร้างแบรนด์ให้พี่ดี้ ยังดีจะมีรายได้ถึง 100 ล้านบาท
ด้านนางสาวศุภวรรณ สุจินดา ผู้จัดการทั่วไป ดูแลหน่วยธุรกิจ ยังดี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปีหน้า ยังดี จะมีลูกค้าเข้ามาใหม่อีก 4-5 ราย ทั้งในกลุ่มศิลปิน เซเลเบตี้ และแมกกาซีน เชื่อว่าภาพรวมรายได้ของยังดีในปีหน้าจะโตเป็นเท่าตัว เทียบกับรายได้ที่มาจากพี่ดี้ในปีหน้า