อุบลราชธานี - "ยายเนียม พันธ์มณี" ชาวอุบลฯวัย 84 ปีน้ำตาคลอเบ้าเคล้ารอยยิ้ม หลังเห็น"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เป็นนายกฯ เผยประวัติเป็นชาวบ้านม่วงสามสิบ ผู้ปั้นข้าวเหนียวให้แก่ "อภิสิทธิ์" กับมือ พร้อมถอดแหวนสวมนิ้วให้เป็นกำลังใจทำงานการเมืองและภาวนาให้ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ วันนี้ถูกสื่อรุมล้อมจนอ่อนเพลียเข้า รพ. แต่ไม่วายสั่งลูกหลานนิมนต์พระมารับบาตรเป็นสิริมงคลแก่ "อภิสิทธิ์" และให้สีข้าวไว้รอ หากหายป่วยอาจจะนำข้ามามามอบให้แก่ "มาร์ค" ด้วยตนเอง
ที่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 3 บ้านโนนค้อ ต.ม่วง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านของยายเนียม พันธ์มณี หญิงชราวัย 84 ปีผู้ที่มอบแหวนทองเหลืองที่ได้จากวัดพระธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อช่วงที่ยายเนียม มีอายุได้ประมาณ 20 ปี และได้สวมแหวนดังกล่าวมาตลอด
เหตุการณ์วันที่มอบแหวนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น คือวันที่ 8 สิงหาคม 2550 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ไปเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เขต 1 อุบลราชธานี และได้มีการจัดเลี้ยงอาหารเที่ยงที่เถียงนาบ้านม่วง ต.ม่วง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชานี ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านยายเนียม ประมาณ 9 กม. โดยนายอภิสิทธิ์ ได้มานั่งร่วมวงกินข้าวเหนียวกับยายเนียม และเพื่อนบ้านวัยเดียวกัน โดยยายเนียม เป็นคนที่ปั้นข้าวเหนียวให้นายอภิสิทธิ์ กิน พร้อมกับบอกให้กินมากๆ เพราะต้องการให้นายอภิสิทธิ์ แข็งแรงสามารถทำงานให้กับประชาชนได้
ระหว่างนั้นยายเนียม ได้ตัดสินใจถอดแหวนทองเหลืองที่ได้มาจากวัดพระธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อตอนที่คุณยาย ยังเป็นสาวอายุได้ประมาณ 20 ปีออกจากนิ้วแล้วก็มอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ โดยไม่ลังเล เพื่อให้ความศักดิ์สิทธิ์ของแหวนช่วยให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นับจากวันนั้นจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2551 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ดังที่คุณยายเนียม ได้ภาวนาไว้กับแหวนวงดังกล่าวเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
"ระหว่างที่ยายนอนฟังนายอภิสิทธิ์ พูดแถลงข่าวหลังได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงแหวนวงนั้นของยาย ทำให้ยาย ปลื้มปิติเป็นอย่างมากจนลืมอาการป่วยที่ให้นอนซมอยู่มากว่า 10 วันแล้ว" ยายเนียม ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าปะปนรอยยิ้มเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ท่ามกลางผู้คนที่หลากหลายสาขาอาชีพ พร้อมเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมเยือน และผู้สื่อข่าวที่มาขอสัมภาษณ์พร้อมกับขอถ่ายภาพสวยๆ ของยาย
ยายเนียม บอกว่า "เหตุที่ยายเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์ มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนมีลักษณะดีไม่กะล่อน และเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ จะทำตามที่ได้กล่าวกับชาวบ้านไว้ คือ จะดูแลชาวบ้านให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็อยากให้ดูแลชาวบ้าน และหากมีโอกาสยายก็อยากให้แวะมาเยี่ยมยายด้วย เพราะอยากกอด อยากหอมนายอภิสิทธิ์"
เมื่อเพื่อนบ้านและผู้สื่อข่าวถามแหย่ยายเนียมว่านายอภิสิทธิ์ จะจำคุณยายได้หรือ ?? ยายเนียม ตอบกลับทันควันเป็นภาษาพื้นบ้านยืนยันว่า "นายอภิสิทธิ์ จำยายได้แน่นอน เพราะยังได้พูดถึงยายเลย"
สำหรับบรรยากาศที่บ้านของยายเนียม หลังจากที่ "ยายเนียม" เป็นบุคคลที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงก็มีเพื่อนบ้านในระแวกใกล้เคียงที่รู้ข่าวต่างได้แวะมาแสดงความยินดีกับยายกันอย่างคึกคัก รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ม่วงสามสิบ จำนวน 6 นาย มาคอยอำนวยความสะดวกให้แก่กองทัพนักข่าว และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้เดินทางมาเยี่ยมยายเนียม อย่างไม่ขาดสาย
หลังจากที่ยายเนียม ตกเป็นข่าวและถูกสื่อมวลชนจากทุกแขนงมารุมล้อมขอสัมภาษณ์ อาการป่วยของยายเนียม ที่เพิ่งจะหายไปหมาดๆ หลังจากได้เห็นภาพนายอภิสิทธิ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้อาการของยายเนียม ที่มีอาการป่วยจากโรคชราอยู่แล้ว ก็เกิดอาการอ่อนเพลียลงอีก
นายปรเมท ศรีหล้า สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) อุบลราชานี เขต อ.ม่วงสามสิบ ซึ่งเป็นหลานของ ดร.ศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้นำตัวยายเนียม เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลประจำอำเภอม่วงสามสิบ ตั้งแต่กลางดึกคืนที่ผ่านมา (17 ธ.ค.)
หลังแพทย์ตรวจอาการของยายเนียม แล้วพบมีอาการไข้และมีความดันโลหิตสูง จึงให้นอนพักรักษาตัวอยู่ให้ห้องพักคนไข้พิเศษ และงดเยี่ยม เพื่อให้ยายเนียม ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ต่อมาเมื่อช่วงวานนี้ (18 ธ.ค.) ลูกหลานของยายเนียม และเพื่อนบ้านได้นิมนต์พระจำนวน 9 รูป จากวัดบ้านโนนค้อ ให้มารับบาตรที่บ้านพักของยายเนียม เพื่อให้ยายเนียม หายจากอาการป่วย รวมทั้งให้เป็นสิริมงคลแก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งการนิมนต์พระมารับบาตรดังกล่าว เป็นคำสั่งของยายเนียม ที่ได้สั่งลูกหลานทุกคนให้ทำก่อนที่คุณยาย จะเดินทางเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยายเนียม ยังได้สั่งให้ลูกหลานนำเอาข้าวเปลือกในยุ้งฉางไปสีไว้ให้ด้วย โดยบอกว่า "เมื่อยาย หายจากอาการป่วยแล้วอาจจะนำข้าวไปมอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ ที่กรุงเทพฯด้วย"
สำหรับยายเนียม พันธ์มณี สมัยเป็นสาว เคยเป็น "หมอลำคู่หมอลำกลอน" มาก่อน โดยมีสามีเป็นผู้นำเหตุการณ์บ้านเมืองในแต่ละยุคมาเขียนเป็นคำร้องลงในบทกลอนที่ใช้รำ (ร้อง) ทำให้ยายเนียม ได้รับการซึมซับเหตุการณ์บ้านเมืองจากการประกอบอาชีพ จึงทำให้ยายเนียม สนใจเรื่องราวของบ้านเมืองมาโดยตลอด และมีความนิยมชมชอบในพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเป็นพรรคเก่าแก่ที่มีจุดยื่นมั่นคง ยายเนียม จึงเป็น "แฟนพันธุ์แท้" มาจนปัจจุบัน.
ที่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 3 บ้านโนนค้อ ต.ม่วง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านของยายเนียม พันธ์มณี หญิงชราวัย 84 ปีผู้ที่มอบแหวนทองเหลืองที่ได้จากวัดพระธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อช่วงที่ยายเนียม มีอายุได้ประมาณ 20 ปี และได้สวมแหวนดังกล่าวมาตลอด
เหตุการณ์วันที่มอบแหวนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น คือวันที่ 8 สิงหาคม 2550 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ไปเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เขต 1 อุบลราชธานี และได้มีการจัดเลี้ยงอาหารเที่ยงที่เถียงนาบ้านม่วง ต.ม่วง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชานี ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านยายเนียม ประมาณ 9 กม. โดยนายอภิสิทธิ์ ได้มานั่งร่วมวงกินข้าวเหนียวกับยายเนียม และเพื่อนบ้านวัยเดียวกัน โดยยายเนียม เป็นคนที่ปั้นข้าวเหนียวให้นายอภิสิทธิ์ กิน พร้อมกับบอกให้กินมากๆ เพราะต้องการให้นายอภิสิทธิ์ แข็งแรงสามารถทำงานให้กับประชาชนได้
ระหว่างนั้นยายเนียม ได้ตัดสินใจถอดแหวนทองเหลืองที่ได้มาจากวัดพระธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อตอนที่คุณยาย ยังเป็นสาวอายุได้ประมาณ 20 ปีออกจากนิ้วแล้วก็มอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ โดยไม่ลังเล เพื่อให้ความศักดิ์สิทธิ์ของแหวนช่วยให้นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นับจากวันนั้นจนถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2551 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ดังที่คุณยายเนียม ได้ภาวนาไว้กับแหวนวงดังกล่าวเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
"ระหว่างที่ยายนอนฟังนายอภิสิทธิ์ พูดแถลงข่าวหลังได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงแหวนวงนั้นของยาย ทำให้ยาย ปลื้มปิติเป็นอย่างมากจนลืมอาการป่วยที่ให้นอนซมอยู่มากว่า 10 วันแล้ว" ยายเนียม ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าปะปนรอยยิ้มเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ท่ามกลางผู้คนที่หลากหลายสาขาอาชีพ พร้อมเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมเยือน และผู้สื่อข่าวที่มาขอสัมภาษณ์พร้อมกับขอถ่ายภาพสวยๆ ของยาย
ยายเนียม บอกว่า "เหตุที่ยายเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์ มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนมีลักษณะดีไม่กะล่อน และเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ จะทำตามที่ได้กล่าวกับชาวบ้านไว้ คือ จะดูแลชาวบ้านให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็อยากให้ดูแลชาวบ้าน และหากมีโอกาสยายก็อยากให้แวะมาเยี่ยมยายด้วย เพราะอยากกอด อยากหอมนายอภิสิทธิ์"
เมื่อเพื่อนบ้านและผู้สื่อข่าวถามแหย่ยายเนียมว่านายอภิสิทธิ์ จะจำคุณยายได้หรือ ?? ยายเนียม ตอบกลับทันควันเป็นภาษาพื้นบ้านยืนยันว่า "นายอภิสิทธิ์ จำยายได้แน่นอน เพราะยังได้พูดถึงยายเลย"
สำหรับบรรยากาศที่บ้านของยายเนียม หลังจากที่ "ยายเนียม" เป็นบุคคลที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงก็มีเพื่อนบ้านในระแวกใกล้เคียงที่รู้ข่าวต่างได้แวะมาแสดงความยินดีกับยายกันอย่างคึกคัก รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ม่วงสามสิบ จำนวน 6 นาย มาคอยอำนวยความสะดวกให้แก่กองทัพนักข่าว และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้เดินทางมาเยี่ยมยายเนียม อย่างไม่ขาดสาย
หลังจากที่ยายเนียม ตกเป็นข่าวและถูกสื่อมวลชนจากทุกแขนงมารุมล้อมขอสัมภาษณ์ อาการป่วยของยายเนียม ที่เพิ่งจะหายไปหมาดๆ หลังจากได้เห็นภาพนายอภิสิทธิ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้อาการของยายเนียม ที่มีอาการป่วยจากโรคชราอยู่แล้ว ก็เกิดอาการอ่อนเพลียลงอีก
นายปรเมท ศรีหล้า สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) อุบลราชานี เขต อ.ม่วงสามสิบ ซึ่งเป็นหลานของ ดร.ศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้นำตัวยายเนียม เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลประจำอำเภอม่วงสามสิบ ตั้งแต่กลางดึกคืนที่ผ่านมา (17 ธ.ค.)
หลังแพทย์ตรวจอาการของยายเนียม แล้วพบมีอาการไข้และมีความดันโลหิตสูง จึงให้นอนพักรักษาตัวอยู่ให้ห้องพักคนไข้พิเศษ และงดเยี่ยม เพื่อให้ยายเนียม ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ต่อมาเมื่อช่วงวานนี้ (18 ธ.ค.) ลูกหลานของยายเนียม และเพื่อนบ้านได้นิมนต์พระจำนวน 9 รูป จากวัดบ้านโนนค้อ ให้มารับบาตรที่บ้านพักของยายเนียม เพื่อให้ยายเนียม หายจากอาการป่วย รวมทั้งให้เป็นสิริมงคลแก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งการนิมนต์พระมารับบาตรดังกล่าว เป็นคำสั่งของยายเนียม ที่ได้สั่งลูกหลานทุกคนให้ทำก่อนที่คุณยาย จะเดินทางเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
นอกจากนี้ ยายเนียม ยังได้สั่งให้ลูกหลานนำเอาข้าวเปลือกในยุ้งฉางไปสีไว้ให้ด้วย โดยบอกว่า "เมื่อยาย หายจากอาการป่วยแล้วอาจจะนำข้าวไปมอบให้แก่นายอภิสิทธิ์ ที่กรุงเทพฯด้วย"
สำหรับยายเนียม พันธ์มณี สมัยเป็นสาว เคยเป็น "หมอลำคู่หมอลำกลอน" มาก่อน โดยมีสามีเป็นผู้นำเหตุการณ์บ้านเมืองในแต่ละยุคมาเขียนเป็นคำร้องลงในบทกลอนที่ใช้รำ (ร้อง) ทำให้ยายเนียม ได้รับการซึมซับเหตุการณ์บ้านเมืองจากการประกอบอาชีพ จึงทำให้ยายเนียม สนใจเรื่องราวของบ้านเมืองมาโดยตลอด และมีความนิยมชมชอบในพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเป็นพรรคเก่าแก่ที่มีจุดยื่นมั่นคง ยายเนียม จึงเป็น "แฟนพันธุ์แท้" มาจนปัจจุบัน.