“ควอลิตี้พลัสฯ” ผนึก “มีเดียเลิฟเวอร์” รุกบริหารจัดการการตลาด-โฆษณา ในช่วงข่าวต้นชั่วโมงสื่อวิทยุ ของกองทัพบก-กองทัพเรือ รวม 147 สถานี ยอมรับหาลูกค้าช่วงนี้ยากแต่มั่นใจประสบการณ์ เผยปีหน้าไม่มีการขยายธุรกิจใหญ่ๆหวังประคองตัว
นางฉันทนา ฉันทสกุลเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ พลัส เอเจนซี่ จำกัด ในเครือ บริษัท พาวเวอร์พลัส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจวางแผนและซื้อสื่อโฆษณา ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า บริษัทฯตกลงเป็นพันธมิตรกับทางบริษัท มีเดีย เลิฟเวอร์ จำกัด ซึ่งบริหารงานโดยนางทิพสราวัล ธีรพงษ์พันธ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานในการบริหารการขายการโฆษณาในช่วงข่าวต้นชั่วโมง ของคลื่นวิทยุกองทัพบก 126 สถานี และอีก 21 สถานีของกองทัพเรือ ในลักษณะวิทยุเน็ตเวิร์ค รวมแล้ว147 สถานี
โดยบริษัทควอลิตี้ฯจะเข้ามารับผิดชอบในการทำการตลาด การหาลูกค้าลงโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าว โดยจะเริ่มเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ก็ได้ทำการร่วมงานและเริ่มหาลูกค้าลงโฆษณาบ้างแล้ว
นางฉันทนา กล่าวว่า สาเหตุที่มาเป็นพันธมิตรกับมีเดียเลิฟเวอร์และรุกตลาดสื่อวิทยุนั้น เนื่องจากว่า ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ธุรกิจต่างๆได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้น และยอดขายที่ลดลง ทำให้ต้องลดต้นทุนในส่วนของการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะสื่อทีวีที่มีต้นทุนสูงและการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง
ขณะที่สื่อวิทยุนั้น เป็นสื่อที่น่าสนใจ เพราะมีราคาค่าสปอตที่ต่ำกว่าสื่อทีวีและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งในวงกว้างและเฉพาะกลุ่ม แต่บริษัทฯไม่มีสัมปทานสื่อคลื่นวิทยุอยู่ในมือ จึงต้องมาร่วมมือกับทางบริษัท มีเดียเลิฟเวอร์ฯในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อก่อนนี้บริษัทฯเคยบริหารสื่อวิทยุมาแล้วเหมือนกัน จึงเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจนี้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม นางฉันทนา ยอมรับว่า การหาลูกค้าเพื่อลงโฆษณาในระยะนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการ ทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลงตัว ปัญหากำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงอันเนื่องมาจากการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้การตัดสินใจซื้อสื่อแต่ละครั้งของลูกค้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีสื่อที่ให้เลือกหลากหลาย
แต่บริษัทฯเองก็ยังมีจุดเด่นตรงที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานมากกว่า 20 ปี จึงมีคอนเน็คชั่นและช่องทางในการทำตลาดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับลูกค้าเก่าๆที่ทำธุรกิจกันอยู่ สามารถต่อยอดไปยังสื่อวิทยุที่เข้าบริหารการตลาดในครั้งนี้ได้ ซึ่งลูกค้ารายใหม่ๆที่ได้มาในปีนี้เช่น แบงก์กรุงศรีอยุธยา หรือ ทีทีแอนด์ที เป็นต้น ขณะที่ลูกค้าเก่าๆเช่น แปรงสีฟันเบอร์แมน เครืออังกฤษตรางู เป็นต้น
สำหรับแผนการตลาดปีหน้านั้น นอกจากการร่วมมือกับทางมีเดียเลิฟเวอร์แล้วบริษัทฯคงจะไม่มีการขยายธุรกิจอะไรมากนัก เราะจะยึด 2 แนวทางหลักคือ 1.พัฒนาธุรกิจเดิมให้ดีที่สุด เพื่อประคองและรักษาฐานลูกค้าเก่าและระดับรายได้เอาไว้ 2.การพัฒนากับพันธมิตรอย่างมีเดียเลิฟเวอร์ต่อนื่องเพื่อสร้างฐานที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ
นางฉันทนา ฉันทสกุลเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ พลัส เอเจนซี่ จำกัด ในเครือ บริษัท พาวเวอร์พลัส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจวางแผนและซื้อสื่อโฆษณา ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ว่า บริษัทฯตกลงเป็นพันธมิตรกับทางบริษัท มีเดีย เลิฟเวอร์ จำกัด ซึ่งบริหารงานโดยนางทิพสราวัล ธีรพงษ์พันธ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานในการบริหารการขายการโฆษณาในช่วงข่าวต้นชั่วโมง ของคลื่นวิทยุกองทัพบก 126 สถานี และอีก 21 สถานีของกองทัพเรือ ในลักษณะวิทยุเน็ตเวิร์ค รวมแล้ว147 สถานี
โดยบริษัทควอลิตี้ฯจะเข้ามารับผิดชอบในการทำการตลาด การหาลูกค้าลงโฆษณาในช่วงเวลาดังกล่าว โดยจะเริ่มเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ก็ได้ทำการร่วมงานและเริ่มหาลูกค้าลงโฆษณาบ้างแล้ว
นางฉันทนา กล่าวว่า สาเหตุที่มาเป็นพันธมิตรกับมีเดียเลิฟเวอร์และรุกตลาดสื่อวิทยุนั้น เนื่องจากว่า ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ธุรกิจต่างๆได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้น และยอดขายที่ลดลง ทำให้ต้องลดต้นทุนในส่วนของการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะสื่อทีวีที่มีต้นทุนสูงและการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง
ขณะที่สื่อวิทยุนั้น เป็นสื่อที่น่าสนใจ เพราะมีราคาค่าสปอตที่ต่ำกว่าสื่อทีวีและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งในวงกว้างและเฉพาะกลุ่ม แต่บริษัทฯไม่มีสัมปทานสื่อคลื่นวิทยุอยู่ในมือ จึงต้องมาร่วมมือกับทางบริษัท มีเดียเลิฟเวอร์ฯในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อก่อนนี้บริษัทฯเคยบริหารสื่อวิทยุมาแล้วเหมือนกัน จึงเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจนี้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม นางฉันทนา ยอมรับว่า การหาลูกค้าเพื่อลงโฆษณาในระยะนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายประการ ทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลงตัว ปัญหากำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงอันเนื่องมาจากการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้การตัดสินใจซื้อสื่อแต่ละครั้งของลูกค้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีสื่อที่ให้เลือกหลากหลาย
แต่บริษัทฯเองก็ยังมีจุดเด่นตรงที่อยู่ในธุรกิจนี้มานานมากกว่า 20 ปี จึงมีคอนเน็คชั่นและช่องทางในการทำตลาดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับลูกค้าเก่าๆที่ทำธุรกิจกันอยู่ สามารถต่อยอดไปยังสื่อวิทยุที่เข้าบริหารการตลาดในครั้งนี้ได้ ซึ่งลูกค้ารายใหม่ๆที่ได้มาในปีนี้เช่น แบงก์กรุงศรีอยุธยา หรือ ทีทีแอนด์ที เป็นต้น ขณะที่ลูกค้าเก่าๆเช่น แปรงสีฟันเบอร์แมน เครืออังกฤษตรางู เป็นต้น
สำหรับแผนการตลาดปีหน้านั้น นอกจากการร่วมมือกับทางมีเดียเลิฟเวอร์แล้วบริษัทฯคงจะไม่มีการขยายธุรกิจอะไรมากนัก เราะจะยึด 2 แนวทางหลักคือ 1.พัฒนาธุรกิจเดิมให้ดีที่สุด เพื่อประคองและรักษาฐานลูกค้าเก่าและระดับรายได้เอาไว้ 2.การพัฒนากับพันธมิตรอย่างมีเดียเลิฟเวอร์ต่อนื่องเพื่อสร้างฐานที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ