สตูล - การค้าชายแดนสตูลทรุดฮวบ หลังประเทศมาเลเซีย มีการประกาศใช้หนังสือเดินทางข้ามฝากเข้า-ออกทั้งสองประเทศ ผู้ว่าฯสตูลเร่งเดินเครื่องเจรจามาเลเซียก่อนฟื้นฟูให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยไม่กระทบความสัมพันธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้( 1 ธ.ค.)นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมนายชูศักดิ์ มณีชยางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นายกอบจ.สตูล และคณะหัวหน้าส่วนราชการออกตรวจพื้นที่และตลาดนัดชายแดนไทย-มาเลเซีย ทางด้านด่านวังประจัน ต.วังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ที่มีนักท่องเที่ยวบางตาไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน หลังประเทศมาเลเซียมีการประกาศใช้หนังสือเดินทางข้ามฝากเข้า-ออกทั้งสองประเทศ ทำให้ตลาดนัดตามแนวเขตชายแดนมีรายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกันนี้ นายสยุมพร ผวจ.สตูล และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมรับฟังปัญหาของ ชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าที่ทำอาชีพค้าขายแถวด่านวังประจัน
นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.สตูล กล่าวว่า ตั้งแต่ประเทศมาเลเซียได้มีการตรวจเข้มการเข้าออกระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงและบางตา ผสมกับช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ บวกกับประชากรตกงานกันมากขึ้น จึงทำให้นักท่องเที่ยว และนักชอปปิ้งไม่ได้เดินทางเข้ามาเหมือนก่อน และทำให้ชาวมาเลเซียไม่ได้เข้ามาเที่ยวชม และซื้อของฝั่งประเทศไทย และนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย ข้ามไปเที่ยวฝั่งมาเลเซียไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ของประเทศมาเลเซียคุมเข้มอย่างมาก
ส่วนทางด้านนักท่องเที่ยวฝั่งไทยที่มีนักท่องเที่ยวจากแถว จ.ภูเก็ต ระนอง ชุมพร และกรุงเทพฯ ที่มาเที่ยวแถวด่านวังประจันชายแดนไทย-มาเลเซีย ลดน้อยลงจากเมื่อก่อนมาก และเมื่อก่อนมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากับรถบัสทัวร์ในวันศุกร์ เสาร์ มีประมาณ 10 ถึง 50 คัน แต่เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวต่างจังหวัดต่างๆ ที่เข้ามาเที่ยวกับรถบัสทัวร์ลดลงเหลือ 2-3 คันเท่านั้น
“การเดินทางมาพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่เขตชายแดนวังประจัน ระหว่างอำเภอควนโดน และรัฐปะลิส และฟื้นฟูการค้าชายแดน ในบริเวณพื้นที่ตรงนี้ได้ยังไงบ้าง และในช่วงเวลาที่ผ่านมาการค้าขายแถวชายแดนได้ซบเซาลงมาก ต่างกับเมื่อหลายปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมและซื้อของกันเยอะ”นายสยุมพรกล่าวและว่า
ดังนั้น จังหวัดสตูล จึงเริ่มจากการพัฒนาทางจราจรการเดินทางไปมาให้แก่ผู้ขายและผู้ซื้อให้สะดวก และจัดพื้นที่ให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศทั้งผู้ขาย และผู้ซื้อได้สะดวกเดินทางเข้าออกกันได้ โดยมีระยะทางเพียงแค่ 3 กิโลเมตร และสนับสนุนการค้าชายแดนทั้งสองด้านให้คึกคักมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะจัดให้มีการค้าขายบริเวณชายแดนเพิ่มขึ้นโดยให้มีทุกวัน จากเมื่อก่อนที่มีเพียงแค่วันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น พร้อมกับมีการรักษาระดับความสัมพันธ์ที่ดี ในระดับท้องถิ่นและระดับอำเภอ กับเจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศ เช่น ทางด้านอำเภอ และทางด้านด่านตรวจต่างๆ ดังนั้นจึงจะมีการพัฒนาด่านทั้งสองด้านให้มีความพร้อมยิ่งขึ้น
“ขณะเดียวกันจะมีการปรับอาคารในการขายของ จัดระเบียบของพ่อค้าแม่ค้า ฝั่งประเทศไทยให้สะอาด และสะดวกให้สำหรับผู้เดินทางเข้ามา พร้อมกับเรื่องเอกสารในการเดินทาง โดยไม่ต้องทำหนังสือในการเดินทาง เพียงแค่ใช้บัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น เพื่อจะได้เดินทางเข้าเที่ยวชม ฝั่งมาเลเซีย ส่วนทางมาเลเซียก็จะให้ทำเหมือนกับประเทศไทยเช่นกัน ไม่ถึงขั้นยุ่งยากเพียงแค่ทำเอกสารง่ายๆ ในการเดินทางเข้ามาเที่ยวชมฝั่งไทย ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะนำไปพูดคุยกับคณะเจ้าหน้าที่รัฐปะลิส ต่อไป ” นายสยุมพร กล่าว