ผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ขอความร่วมมือบริษัทที่นำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศ ต้องรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรภายในประเทศด้วยในราคาไม่ต่ำกว่ากก.ละ 55 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมตั้งทีมงานติดตามการรับซื้ออย่างใกล้ชิด
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนกาแฟว่า ได้กำหนดให้บริษัทที่นำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศ คือ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ท จำกัด และ บริษัท ซาร่าลี คอฟฟี่ แอนด์ที จำกัด ต้องรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรตามสัญญาที่ทำไว้กับกรมวิชาการเกษตรในราคา กก.ละ 55 บาท เพื่อเป็นการแก้ปัญหาราคาเมล็ดกาแฟตกต่ำ ซึ่งปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่ กก.ละ 47.87 บาท และอาจขอให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น หากราคาตลาดสูงขึ้น
สำหรับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ บริษัทที่ต้องการนำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ที่ไทยต้องเปิดตลาดปีละ 23,000 ตัน หากนำเข้าเท่าใด ก็ต้องรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร จำนวน 1 เท่า หรือ 2 เท่าของปริมาณที่นำเข้าจริง เพราะผลผลิตที่จะออกมาในปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณ 55,794 ตัน เพิ่มขึ้น 10.61% ขณะที่ความต้องการใช้มี 68,000 ตัน เพิ่มขึ้น 10% ผลผลิตที่ออกมาจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ และเงื่อนไขเช่นนี้ก็ไม่กระทบกับการประกอบธุรกิจ แต่เป็นการขอความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
“ตอนนี้ราคาเมล็ดการแฟในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากการเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ที่ทำให้กระทบต่อการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ และเมล็ดกาแฟก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 47.87 บาท/กก. ทำให้ต้องมีแผนออกมารองรับ การขอให้บริษัทนำเข้าต้องซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรในราคาที่กำหนด 55 บาท/กก. เพื่อไม่ให้เกษตรกรขาดทุน จากที่มีต้นทุนเฉลี่ยกก.ละ 39-50 บาท”นายยรรยงกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวได้ผล จะมีการแต่ตั้งคณะทำงานเพื่อเป็นกลไกกำกับดูแลและติดตามการซื้อขายในพื้นที่ ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานการค้าภายในจังหวัด ผู้ประกอบการ เกษตรกร และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้กรมวิชาการเกษตรเป็นฝ่ายเลขานุการ
สำหรับปริมาณการใช้กาแฟในประเทศ โดยโรงงานผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปรายใหญ่ มีความต้องการใช้ดังนี้ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ท จำกัด 40,000 ตัน บริษัท เขาช่องอุตสาหกรรม (1979 ) จำกัด 15,000-18,000 ตัน บริษัท ซาร่าลี คอฟฟี่ แอนด์ที จำกัด 7,000 ตัน และอื่นๆ ประมาณ 3,000 ตัน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนกาแฟว่า ได้กำหนดให้บริษัทที่นำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศ คือ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ท จำกัด และ บริษัท ซาร่าลี คอฟฟี่ แอนด์ที จำกัด ต้องรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรตามสัญญาที่ทำไว้กับกรมวิชาการเกษตรในราคา กก.ละ 55 บาท เพื่อเป็นการแก้ปัญหาราคาเมล็ดกาแฟตกต่ำ ซึ่งปัจจุบันราคาเฉลี่ยที่ กก.ละ 47.87 บาท และอาจขอให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น หากราคาตลาดสูงขึ้น
สำหรับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ บริษัทที่ต้องการนำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ที่ไทยต้องเปิดตลาดปีละ 23,000 ตัน หากนำเข้าเท่าใด ก็ต้องรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร จำนวน 1 เท่า หรือ 2 เท่าของปริมาณที่นำเข้าจริง เพราะผลผลิตที่จะออกมาในปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณ 55,794 ตัน เพิ่มขึ้น 10.61% ขณะที่ความต้องการใช้มี 68,000 ตัน เพิ่มขึ้น 10% ผลผลิตที่ออกมาจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ และเงื่อนไขเช่นนี้ก็ไม่กระทบกับการประกอบธุรกิจ แต่เป็นการขอความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
“ตอนนี้ราคาเมล็ดการแฟในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากการเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ที่ทำให้กระทบต่อการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ และเมล็ดกาแฟก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 47.87 บาท/กก. ทำให้ต้องมีแผนออกมารองรับ การขอให้บริษัทนำเข้าต้องซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรในราคาที่กำหนด 55 บาท/กก. เพื่อไม่ให้เกษตรกรขาดทุน จากที่มีต้นทุนเฉลี่ยกก.ละ 39-50 บาท”นายยรรยงกล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวได้ผล จะมีการแต่ตั้งคณะทำงานเพื่อเป็นกลไกกำกับดูแลและติดตามการซื้อขายในพื้นที่ ประกอบด้วย ผู้แทนสำนักงานการค้าภายในจังหวัด ผู้ประกอบการ เกษตรกร และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้กรมวิชาการเกษตรเป็นฝ่ายเลขานุการ
สำหรับปริมาณการใช้กาแฟในประเทศ โดยโรงงานผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปรายใหญ่ มีความต้องการใช้ดังนี้ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ท จำกัด 40,000 ตัน บริษัท เขาช่องอุตสาหกรรม (1979 ) จำกัด 15,000-18,000 ตัน บริษัท ซาร่าลี คอฟฟี่ แอนด์ที จำกัด 7,000 ตัน และอื่นๆ ประมาณ 3,000 ตัน