xs
xsm
sm
md
lg

ร้อยดวงใจ ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เริ่มแล้วพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ที่ประวัติศาสตร์ของเมืองไทยจะต้องจารึกไว้ พสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งประเทศต่างร่วมร้อยใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อถวายอาลัยพร้อมส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สู่สวรรคาลัยอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ กทม.จัดให้ ปชช.ถวายดอกไม้จันทน์ได้ทั่วถึง คนไทยทั่วทุกสารทิศมุ่งหน้าสู่ กทม.ร่วมพิธี

ในหลวง-ราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ
วานนี้ (14 พ.ย.) เวลา 17.58 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และคุณพลอยไพลิน เจนเซ่น มายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางพระทวารทางทิศใต้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะและเครื่องทองน้อยสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชาวพนักงานประโคม สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ และกลองชนะ ทหารกองเกียรติยศพระศพถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่หน้าพระแท่นราชบัลลังก์นพปฎลมหาเศวตฉัตร
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ปฏิบัติพระราชกิจแทนพระองค์ ถวายพัดรองที่ระลึกงานออกพระเมรุพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แด่สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา และพระราชาคณะสวดศราทธพรต 30 รูป พระสงฆ์ที่จะสดับปกรณ์ 84 รูป เท่าพระชันษา บรรพชิตจีนและญวน 20 รูปแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 แล้ว พระสงฆ์ 30 รูป สวดศราทธพรต จบ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร ถวายพระราชาคณะที่ถวายพระธรรมเทศนา และพระสงฆ์ที่สวดศราทธพรต 30 รูปสดัปกรณ์ พระสงฆ์ทั้งนั้นถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 84 รูปเท่าพระชันษา ขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์ สวดมาติกา จบแล้ว ทรงทอดผ้าไตร ย่ามที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระสงฆ์ 84 รูปสดัปกรณ์ ถวายอนุโมทนาถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วบรรพชิตจีนและญวน 20 รูป ขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์สวดมาติกา จบแล้ว ทรงทอดผ้าไตรและย่ามที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงพระศพ บรรพชิตจีนและญวนสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายพระพรลา จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่แท่นมณฑลสวดพระอภิธรรม
เสร็จสิ้นพระราชพิธีแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จกลับเวลา 20.50 น. เป็นอันเสร็จพิธี
ทั้งนี้ พระอภิธรรมที่สวดนั้นได้มีการมีการสวดไปจนถึงเวลา 24.00 น.

ย้ำรับเสด็จ-ร่วมพระราชพิธีให้แต่งชุดดำ
นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ถือเป็นวันแรกของพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย. 2551 ซึ่งพระราชพิธีวันแรกวันนี้คือ พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ
สำหรับการปฏิบัติตนของประชาชนที่จะเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงประกอบพระราชพิธี ไม่ควรใช้กล้องบันทึกภาพ ไม่ว่าจะเป็นจุดไหนของเส้นทาง นอกจากนี้ ควรแต่งกายสุภาพในชุดดำเพื่อให้สมพระเกียรติ และที่สำคัญ เรื่องการเปล่งเสียงระหว่างเสด็จพระราชดำเนินต้องงดเว้นจากเวลาปกติ เนื่องจากเป็นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ

เตือนห้ามเด็ดดอกไม้รอบสนามหลวง
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กทม. ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการปรับแต่งภูมิทัศน์ประดับดอกไม้ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ตั้งแต่บริเวณซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ ข้างพระแม่ธรณีบีบมวยผม วนรอบสนามหลวงตามเส้นทางริ้วขบวนพระอิสริยยศ ซึ่งกทม.ได้ปรับแต่งภูมิทัศน์ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชราชดำเนินและเส้นทางริ้วขบวนพระอิสริยยศ บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังและสนามหลวง พร้อมทั้งซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ทั้ง 8 ซุ้ม และวัดทั้ง 46 แห่งทั่ว กทม.
นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า การปรับปรุงภูมิทัศน์ในส่วนที่ กทม.รับผิดชอบขณะนี้ดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนที่มารอรับเสด็จฯ และร่วมงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรุณาอย่าเด็ดไม้ดอกไม้ประดับที่ กทม.นำมาจัดแต่งตามจุดต่างๆ และเมื่อประชาชนมารวมตัวกันมากๆ ก็จะมีปัญหาขยะ ดังนั้น โปรดช่วยกันรักษาความสะอาดอย่าทิ้งขยะเกลื่อนกลาด โดยให้วางกองๆ ไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของ กทม.จะเป็นผู้เดินเก็บ เพราะ กทม.จะนำถังขยะที่อยู่โดยรอบท้องสนามหลวงออกไปหมด รวมถึงป้ายจราจร และป้อมตำรวจด้วยเช่นกัน ส่วนปัญหาหาบเร่แผงลอยก็จะให้เจ้าหน้าที่เทศกิจมาตรวจตราอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่โดยเด็ดขาด

เตรียมดอกไม้จันทน์ 5 แสนดอก
ในวันที่ 15 พ.ย.51 กทม.จะเปิดให้ประชาชนร่วมถวายดอกไม้จันทน์ส่งเสด็จพระองค์สู่สวรรคาลัย ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น.โดยช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน ก็หยุดให้เข้าถวายดอกไม้จันทน์ และเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับแล้ว ก็จะเปิดให้ประชาชนเข้าถวายดอกไม้จันทน์อีกครั้ง โดยกทม.ได้เตรียมดอกไม้จันทน์จำนวน 5 แสนดอกไว้บริการประชาชนที่ท้องสนามหลวง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว และสำหรับผู้ที่จะมาเฝ้ารอรับเสด็จสามารถจับจองที่นั่งได้ด้านหลังแนวรั้วเหล็กสีเหลืองหรือบริเวณฝั่งขวามือของถนน และหากรู้สึกไม่สบายก็สามารถเข้ารับบริการได้ที่เต็นท์พยาบาลที่มีอยู่ตามจุดต่างๆ โดยรอบสนามหลวงทั้งในส่วนของ กทม.และหน่วยงานอื่นๆ

ทุ่มงบ 4 ล้าน เนรมิตสวนสวรรค์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประดับประดาบริเวณโดยรอบสนามหลวง และเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินตั้งแต่วังสวนจิตรลดา ถนนราชดำเนินใน สนามหลวง สวนหย่อม สนามไชย ท่าเตียน และรอบพระบรมมหาราชวัง กทม.ได้ใช้ต้นไม้ประมาณ 5 แสนต้น ใช้งบดำเนินการ 4 ล้านบาท ซึ่งต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับที่ กทม.นำมาใช้ในการนี้ มีทั้งกล้วยไม้ขาว-ม่วง บานไม่รู้โรย ดาวกระจาย แววมยุรา ผักเสี้ยนฝรั่ง โดยการปรับแต่งรอบต้นมะขามและเสาไฟเป็นช่อระย้าจะเน้นดอกไม้สีขาว ซึ่งเป็นสีที่แสดงความบริสุทธิ์ แสดงออกถึงความอาลัยของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระองค์ท่าน ซึ่งในการดูแลรักษาเจ้าหน้าที่จะฉีดพ่นน้ำ และซ่อมแซมต้นไม้ตลอดเวลาจนแล้วเสร็จงานพระราชพิธี และจะเก็บไว้ให้ประชาชนชื่นชมความงดงามของต้นไม้ที่ตบแต่งไปจนถึงสิ้นเดือนนี้

ปชช.แห่จับจองพื้นที่รับเสด็จฯ
สำหรับบรรยากาศที่ท้องสนามหลวงและโดยรอบเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเริ่มคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่วานนี้ โดยมีพสกนิกรชาวไทยที่พร้อมใจกันแต่งชุดดำมาชื่นชมความงดงามของพระเมรุ พร้อมทั้งมาจับจองพื้นที่เฝ้ารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จพระราชดำเนินบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
คุณยายอำนวย อุณหดิลก วัย 76 ปี ซึ่งได้เดินทางมาจากจังหวัดตากตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อมาร่วมถวายสักการะพระศพ และร่วมงานพระราชพิธีครั้งสำคัญซึ่งคุณยายอำนวยได้มาจับจองพื้นที่บริเวณหน้าศาลฎีกาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา (14 พ.ย.) และจะอาศัยที่ดังกล่าวเป็นที่หลับนอนในคืนนี้ด้วยเช่นกัน คุณยายอำนวยกล่าวว่า ลูกๆไม่ยอมให้มาหรอกเพราะเห็นว่ามาคนเดียวและยายแก่แล้ว แต่ยายอยากมาร่วมงานครั้งนี้
ด้านคุณลุงเปล่ง สุขสะดม วัย 69 ปี ซึ่งจับจองที่นั่งบริเวณหน้าศาลหลักเมือง กล่าวว่า ลุงมาจากลพบุรีคนเดียวตั้งแต่ตี 5 เพื่อมาจับจองพื้นที่รอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์และร่วมในงานสำคัญครั้งนี้ ไม่ว่าแดดจะร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่นเพราะถ้าลุกไปคงต้องเสียที่นั่งแน่และคืนนี้ลุงก็จะนอนตรงนี้เช่นกัน และก่อนหน้านี้ลุงก็เคยมาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 ณ เมรุมาศ ท้องสนามหลวง รวมถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนีด้วยเช่นกัน

ร้อยใจร่วมส่งเสด็จครั้งสุดท้าย
ที่บริเวณท้องสนามหลวง รอบมลฑลพิธี มีประชาชนชาว กทม.และต่างจังหวัดมาร่วมส่งเสด็จและถวายอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กันอย่างล้นหลาม โดย นางยุพา โตสุวรรณ เกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เดินทางมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา และตั้งใจจะอยู่จนส่งเสด็จในวันที่ 15 นี้ด้วย
“เสียใจมากต่อการจากไปของพระองค์ท่าน ระลึกอยู่เสมอว่าพระองค์ท่านมีพระเมตตาต่อประชาชนคนไทยแค่ไหน โดยเฉพาะ มูลนิธิแพทย์อาสาฯ ที่ทำให้เห็นถึงความตั้งใจของพระองค์ในการเดินทางไปเยือนถิ่นทุรกันดาร ได้เห็นความตั้งใจของพระองค์ และชอบเวลาที่คณะแพทย์อาสาฯ ร้องเพลงประจำจังหวัด แล้วพระองค์ท่านทรงติอย่างตรงไปตรงมา เพราะก็บอกว่าเพราะ พร้อมเพรียงก็บอกว่าพร้อมเพรียง รวมทั้งมูลนิธิต่างๆ ที่พระองค์ตั้งขึ้นเพื่อเด็กด้อยโอกาส ทำให้ซาบซึ้งในความเสียสละของพระองค์”
ส่วน คุณลุงสนอง ภู่ยอดยิ่ง เกษตรกรจากจังหวัดนครปฐม ที่แม้จะมีอายุ 74 ปีแล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงยืนยันว่า จะมาร่วมถวายอาลัยทุกวันกระทั่งพิธีแล้วเสร็จ
“เสียใจและเสียดายที่พระองค์ท่านจากไป แต่ก็จะขอทำความดีถวายพระองค์ท่าน ผมอายุมากแล้ว ตลอดทั้งชีวิตที่เหลือนี้จะขอถือศีล คิดดี พูดดี ทำดี ถวายพระองค์ท่านที่ทรงทำเพื่อประชาชนคนไทยเสมอมา”
นางนวรัตน์ ปรีเปรม เดินทางมาจากลาดกระบัง เพื่อมาร่วมถวายอาลัยด้วย โดยนอกจากมีงานหลักเป็นแม่บ้านแล้ว เธอยังขอดำเนินรอยตามสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วยการทำงานเป็นอาสาสมัครของศูนย์วิทยุในเครือข่ายพันธมิตรของศูนย์ร่วมด้วยช่วยกัน
“ประทับใจพระจริยาวัตรของพระองค์ท่าน ที่ทรงเมตตาต่อประชาชนผู้ยากไร้เสมอมา ดิฉันตั้งใจกับตัวเองว่าจะขอทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และจะขอช่วยงานด้านอาสาสมัครให้มากเท่าที่จะทำได้ โดยยึดพระองค์เป็นต้นแบบของการทำงานเพื่อคนอื่นๆ ในสังคม”

พระเมรุงดงามดั่งสรวงสวรรค์
ขณะเดียวกัน บรรดาประชาชนที่มาร่วมงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพในครั้งนี้ ทุกคนต่างตะลึงกับความงดงามของพระเมรุที่เตรียมพร้อมสำหรับงานพระราชพิธีในครั้งนี้ โดยรอบๆ บริเวณมีการปลูกไม้ดอกหลากสีสันงดงามตระการตายิ่งนัก จนทำให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มางานนั้นต่างเดินชมรอบๆ พระเมรุพร้อมถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์กันอย่างเนืองแน่นไปหมด
นางลออ นานวัน แม่บ้านจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวอย่างชื่นชมพระเมรุว่า “รู้สึกว่าที่นี่เหมือนสวรรค์เลย เป็นบุญตาเหลือเกินที่ได้มาเห็น และดิฉันตั้งใจจะมาร่วมถวายอาลัย ส่งเสด็จอีกในวันที่ 15 และ 16 พ.ย.นี้ด้วย”
ไม่ต่างกันนัก กับ ดวงเดือน ชาตะรัตน์ ข้าราชการบำนาญที่มาไกลจากจังหวัดสงขลา ซึ่งเผยว่า “ความงดงามของพระเมรุนี้ ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี เชื่อว่าชาตินี้ทั้งชาติดิฉันคงไม่ได้เห็นที่ไหนสวยงามแบบนี้อีกแล้ว และอยากขอให้เก็บบริเวณพระราชพิธีไว้อย่างนี้ตลอดไป”

ชาวไทยมุสลิมสวดดูอาร์ขอพรถวาย
วานนี้ (14 พ.ย.) ที่มัสยิดดำรงอิสลาม ต.ปลายโพงพาง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ชาวไทยมุสลิมได้ร่วมกันประกอบพิธีละหมาด สวดดูอาร์ขอพรพระอัลเลาะห์ ถวายแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่มีต่อผู้ด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร เมื่อครั้งเสด็จมายัง จ.สมุทรสงคราม เมื่อปี 2530
เช่นเดียวกับชาวไทยมุสลิมที่ จ.ตรัง ที่พร้อมใจร่วมละหมาดถวายแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และร่วมกันไว้ทุกข์เป็นเวลา 3 วัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อชาวไทยทุกศาสนา

สื่อนอกติดตามรายงานข่าว
สื่อมวลชนต่างประเทศจำนวนมาก อาทิ สำนักข่าวเอเอฟพี, สำนักข่าวบลูมเบิร์ก, สำนักข่าวเอพี, สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย, โทรทัศน์บีบีซี, โทรทัศน์แชนเนลนิวส์เอเชีย พากันติดตามเสนอข่าวงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยพูดถึงแง่มุมต่างๆ ทั้งความงดงามตระการตาของพระเมรุ และ ความพร้อมใจกันส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยของประชาชนชาวไทย
แชนเนลนิวส์เอเชียเล่าถึงความสวยงามของพระเมรุ ณ มณฑลพระราชพิธีท้องสนามหลวง โดยบอกว่า เมื่อมองดูใกล้ๆ พระเมรุ จะเห็นกระจกสีชิ้นเล็กๆ ที่สะท้อนแสงแวววับดุจเพชรพลอย ตลอดจนหุ้มด้วยทอง ซึ่งเมื่อมองดูไกลๆ ก็เหมือนกับเป็นใบไม้ทองคำ
นอกจากนั้น แชนเนลนิวส์เอเชีย ยังให้ความสนใจกับราชรถ โดยเฉพาะพระมหาพิชัยราชรถ ที่มีมีน้ำหนักเกือบ 13,000 กิโลกรัม และใช้ทหารลากจำนวนกว่า 200 คน ขณะที่เอเอฟพีพูดถึงขบวนพระอิสริยยศที่จะมีทหารเข้าร่วมเกือบ 6,000 คน
เอเอฟพีรายงานว่า ถนนหนทางในกรุงเทพฯที่เคยคับคั่งสับสน วานนี้กลับลดความจอแจลงอย่างมาก ผู้คนที่โดยสารรถไฟลอยฟ้าส่วนใหญ่ต่างสวมเสื้อผ้าสีดำ และสถานที่ต่างๆ ที่ชักธงชาติก็พากันลดธงลงครึ่งเสา
สำนักข่าวเอเอฟพียังสัมภาษณ์ วัชระ สมเสน ผู้ค้าหาบเร่ขายอาหารวัย 39 ซึ่งกล่าวว่า ตัวเองสวมชุดดำก็เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรู้สึกปีติซาบซึ้งมากที่คนไทยส่วนใหญ่ต่างพากันแต่งดำในวันนี้เช่นกัน
ขณะที่สำนักข่าวเบอร์นามาชี้ว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอพระองค์นี้ ทรงได้รับความเคารพเทิดทูนจากสังคมไทย จากการที่พระองค์ทรงอุทิศตนตลอดพระชนมายุให้แก่งานด้านศิลปะ, สังคมสงเคราะห์, และการศึกษา โดยที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ขององค์การและมูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ 63 แห่ง
สื่อต่างประเทศเหล่านี้ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องที่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและรัฐบาล มีการยุติลงชั่วคราวในระหว่างงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพคราวนี้
บีบีซีอ้างนักวิเคราะห์หลายรายที่กล่าวว่า ระหว่างงานพระราชพิธีน่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แห่งการหยุดพักของความปั่นป่วนผันผวนทางการเมืองในประเทศไทย
ขณะที่สำนักข่าวบลูกเบิร์ก อ้างคำพูดของ ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิจัยอาคันตุกะแห่งสถาบันเพื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ในสิงคโปร์ ที่กล่าวว่า รัฐบาลไทยนั้นย่อมมีแรงจูงใจมากมายที่จะเน้นย้ำถึงความสงบในช่วงเวลาแห่งงานพระราชพิธีนี้ "รัฐบาลไทยทุกๆ ชุดต่างพยายามทำแต้มด้วยการประกาศความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์"
บลูกเบิร์กยังสัมภาษณ์ ธาโมรา ฟิเชล นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ ที่กล่าวว่า "นักการเมืองทุกๆ คนต่างต้องการให้ถูกมองว่าจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว" ฟิเชลซึ่งมีผลงานการศึกษาเรื่องงานศพต่างๆ ในประเทศไทยบอกต่อไปว่า "ไม่มีใครหรอกที่ต้องการให้ถูกมองว่าไม่จงรักภักดี"
กำลังโหลดความคิดเห็น