ในที่สุด “1 พฤศจิกายน–ม็อบเสื้อแดง” ที่รวมพลังอย่างยิ่งใหญ่ ของ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)” ก็ผ่านพ้นสมหวังดังใจที่ “โหมโรง” กันมานาน กับการจัดรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” โดยแน่นอน ที่นำเอาอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น “จุดขาย” นับว่าเป็น “การเมือง-การตลาด” ที่ต้องยอมรับความจริงว่า “ชาญฉลาด!”
การจัดรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2” ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ได้รับการโปรโมตอย่างมหาศาลทั้งจากกลุ่ม นปช.เอง กลุ่มที่ติดอยู่ “หมู่บ้าน 111” ของอดีตพรรคไทยรักไทย ตลอดจนรายการโทรทัศน์ “ความจริงวันนี้” ที่ออกอากาศประโคมข่าวประชาสัมพันธ์แทบทุกวันทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11)
แต่ที่ช่วย “ประโคมข่าว-โหมโรง-กระพือ” ให้การจัดงานในครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่า “พวกเราสื่อฯ” นี่เองแหละ ที่ช่วย นปช.และกลุ่มแกนนำพรรคพลังประชาชน ที่เป็น “หัวหอก” สำคัญในการจัดกิจกรรมนี้ ด้วยการ “รายงาน-วิเคราะห์” อย่างต่อเนื่องทุกวัน ตลอดจน “สื่อวิทยุ-สื่อโทรทัศน์” ก็ช่วยพวกเขาไปด้วย โดยที่ทั้ง “นปช.-พรรคพลังประชาชน” และ “นายใหญ่-นายหญิง” ไม่ต้องควักเงินเสียค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ “แม้แต่บาทแดงเดียว!”
นั่นล่ะ ถึงต้องชมว่า “ชาญฉลาด” เนื่องด้วยความจริงที่เราต้องยอมรับกันว่า “แกนนำ” ของพรรคไทยรักไทยเดิม จนมาเป็น “พรรคพลังประชาชน” และแตกกิ่งก้านสาขามาเป็น “กลุ่มนปช.” นั้น “การเมือง-การตลาด” ซึ่งเป็น “การเมืองยุคใหม่” ที่ “พวกเขา” ถูกฝึกมาจนเป็น “มืออาชีพ” ดังนั้น “การสร้างภาพ” การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ จึงขอย้ำว่า “สุดยอด!” ที่ไม่มีพรรคการเมืองใด สามารถ “คิดค้น” เองได้ แม้กระทั่ง “กลุ่มพันธมิตรฯ” ก็ตาม
แต่ “การเมือง-การตลาด” ที่ “พวกเขา” มีฝีมือล้ำเลิศนั้น ต้องยอมรับว่า หนึ่ง มีทีมดี สอง มีการจัดกิจกรรมดี สาม มีการเตรียมการวางแผนทั้งเชิงยุทธศาสตร์และเชิงกลยุทธ์อย่างเป็นระเบียบแบบแผน สี่ “เงินทุนหนา” และห้า มีอำนาจและพลังรัฐอยู่ในมือ
จากเหตุผลทั้ง 5 ข้อข้างต้น ก็ต้องขอบอกว่า “เยี่ยมยอด” แต่ว่าไปแล้ว ในทางกลับกัน เท่ากับเป็น “การแบ่งแยก” และแน่นอน “สร้างความแตกแยก” ให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย และเป็น “การสร้างภาพ” ที่ได้ผลว่าเมื่อมี “ม็อบพันธมิตรฯ-เสื้อเหลือง” ก็จะมี “ม็อบนปช.-เสื้อแดง” ที่ “แยกขั้ว-แยกเขี้ยว” เข้าหากัน
ทั้งนี้ การชุมนุมทั้งที่เมืองทองธานีครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองที่ผ่านมานั้น เขาวิพากษ์วิจารณ์กันลั่นสนั่นเมืองว่า ต้องใช้ “งบประมาณไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท” ในการจัดกิจกรรมเช่นนั้น และคงไม่สำคัญเท่ากับ “จัดคน!” พูดง่ายๆ คือ “จ้างมา!” น่าจะไม่ต่ำกว่า 300-400 บาทต่อหัว ส่วนที่เหลือก็ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ดำเนินรายการ แนวร่วม สถานที่ และค่าอาหาร ค่าวงดนตรี เป็นต้น
ทุกองค์กร สถาบันต่างๆ เฝ้าจับตาดูด้วยความรอคอยว่า “1 พฤศจิกายน” นปช.จะสามารถจัดรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” ได้อย่างสมราคาคุยหรือไม่ ทั้งในกรณีของจำนวนผู้ชุมนุม ตลอดจน “โฟนอิน” เข้ามาจากฮ่องกง ของคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งว่าไปแล้ว หลายๆ ฝ่ายต่าง “ฟันธง” ล่วงหน้าเลยว่า นปช.สามารถทำได้จริงสมราคาคุย กล่าวคือ จำนวนผู้มาชุมนุมมากถึง 7-80,000 คน “สี่แดงพรึบ!” กับการโทรศัพท์เข้ามาของคุณทักษิณ ชินวัตร
ถามว่า จำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมที่เป็น “แฟนคลับ” ของคุณทักษิณ และคณะนั้น น่าจะมีจำนวนมากถึงหลักหลายหมื่น แต่อย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน 20,000 คน นอกเหนือจากนั้น เป็น “การระดม-ว่าจ้าง” มาเกือบทั้งสิ้น ดังที่กล่าวไม่แล้วว่า “งานนี้ต้องไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท!” คำตอบคือ “แน่นอน!”
“เป้าหมาย” สำคัญของกิจกรรม “รวมพล” ในครั้งนี้ หนึ่ง “แสดงพลัง-อวดบารมี” ว่า ยังมีผู้คนประชาชนจำนวนมากสนับสนุน สอง “ต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร” เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า ถ้ามีการยึดอำนาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทางกลุ่ม นปช. (จริงๆ แล้วคือหมู่มวลสมาชิก) “แฟนคลับทักษิณ” ทั้งนั้น สามารถรวมพลังระดมประชาชนหลักแสนออกมาปะทะกับกองทัพได้ทันที
ในกรณีข้อหนึ่งและข้อสองนั้น เป็นการ “ข่มขู่-อวดศักดา-เกทับบลัฟ” กับ “ฝ่ายตรงข้าม : กองทัพ-พันธมิตรฯ” ว่า “อย่าได้อหังการเด็ดขาด!” เนื่องด้วยปัจจุบันนี้ “กลุ่มเสื้อแดง” มี “พลังมวลชน” จำนวนมาก ทั้งนี้ ถ้าเราลองนึกตรึกตรองดีๆ เท่ากับว่า “การรวมพลังสีแดง” ในครั้งนี้ เพื่อ “ส่อนัย-ส่งสัญญาณ” ชัดเจนว่า “แฟนคลับทักษิณ” มีจำนวนมากพอที่พร้อมเปิดศึกได้ทุกเมื่อ และที่สำคัญนอกเหนือไปจากนั้นคือ “ประชาชนแตกแยกเรียบร้อย” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า “แบ่งฝักฝ่าย” กันเป็นที่เรียบร้อยระหว่างคนไทยด้วยกันเอง “พวกทักษิณ-ไม่ใช่พวกทักษิณ!”
สาม แน่นอนดังคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า คุณทักษิณ ชินวัตร ยัง “แผ่นเสียงตกร่อง!” ที่ปฏิเสธ “กระบวนการยุติธรรม-ระบบศาล” และ “ไม่ยอมรับผิด” โดยฟ้องประชาชนว่า “ถูกกลั่นแกล้ง-ถูกรังแก” พร้อมทั้งป่าวประกาศตะโกนว่า “ข้าฯ บริสุทธิ์” ทำนองว่า สถานการณ์ทั้งหมดถูกวางแผนกำจัดอำนาจตนเองและครอบครัว จาก “คณะยึดอำนาจ” พูดง่ายๆ ก็หมายความว่า “ตนเองดี ความชั่วเป็นของคนอื่น”
พร้อมทั้ง “โอดโอย!” ถึงความยากลำบากของตนเองและครอบครัว ตลอดจน “ระบายความในใจ” ว่า ปัจจุบันอยู่ในสภาวะเช่นไร ทั้งๆ ที่ยังมีเงินสดและทรัพย์สินอยู่ต่างแดน น่าจะหลัก 40,000-50,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่มีคนใกล้ชิดคุณทักษิณ แอบเอามือป้องปากว่ามีเงินสดหลักทรัพย์หลักเกือบแสนล้านบาท
สี่ “ประทับ-เตือนความจำ” กับบรรดาแฟนคลับ และสังคมไทย ด้วยการมีภาพเสียงปรากฏสู่สาธารณชน ซึ่งถือว่าเป็น “การตลาด” เตือนความทรงจำกับคนไทยไม่ให้ลืม “บทบาท-ความคิด” ของเขาตลอดเวลา ทั้งๆ ที่มีกลุ่มประชาชน 2 กลุ่มที่มีทั้งเกลียดและรัก แต่ในทางการเมืองถือว่าสัมฤทธิผลอย่างมาก
เราคงจำได้กับคำว่า “คิดถึง” ที่เป็นการตอกย้ำว่า “คิดถึงบ้าน” แถมถามด้วยว่า “คิดถึงผมมั้ย?” เท่ากับเป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน
ห้า การที่คุณทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึง ความคิดถึงประเทศไทย แต่ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ภายใน 10 ปี จะมีก็เพียงแต่ “พระบารมี” และ “พระเมตตา” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้คุณทักษิณ กลับบ้านได้
หรือไม่ก็ “พลังประชาชน” เท่านั้น เท่ากับว่า “ถ้าไม่ใช่ในหลวง ประชาชน ที่สนับสนุนคุณทักษิณ ก็สามารถนำกลับบ้านได้!”
จากทั้งสองประเด็นนั้น ถ้าจะคิดแบบเลยเถิด แน่นอน ประชาชนระดับล่างนั้น อาจคิดไม่ลึกซึ้ง โดยอาจไปตีความกันเองก็ได้ว่า ไม่สามารถกลับบ้านได้เพราะในหลวงไม่ทรงให้กลับ กรณีนี้ “อันตราย-ลึกซึ้งมาก!” หรือไม่ก็ประชาชนสามารถระดมพลัง “ถวายฎีกา” ถวายในหลวงเพื่อให้ “พระราชทานอภัยโทษ” ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มกระบวนการแล้ว!
ในกรณีข้อห้านี้ ต้องบอกว่า “หมิ่นเหม่” ที่สุด ในการฟ้องประชาชนหรืออาจจาบจ้วงถึง “พลังประชาชน” ในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เขาได้กลับมามีอำนาจอย่างเดิมหรือมากกว่าเดิม
เราอย่าลืมว่า “เหตุการณ์ 1 พฤศจิกายน” นี้ มีนัยสำคัญทางการเมืองมหาศาล ตลอดจนได้ถูกนำไปเผยแพร่จากสำนักข่าวต่างประเทศไปทั่วโลก เหมือนกับเป็น “การแสดงพลัง-แสดงความบริสุทธิ์-ถูกกลั่นแกล้ง-ลำบาก” และ “โยนความผิด!” ไปให้กับ “สถาบันตุลาการ” และอาจเลยเถิดไปถึง “สถาบันเบื้องสูง!”
พูดง่ายๆ คือ นักธุรกิจการเมืองคนนี้ “ลึกซึ้งละเอียดอ่อน” ที่สุด ที่สามารถจัดกิจกรรมเช่นนี้ด้วยบรรลุเป้าหมายหลายประการ ทำนอง “ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว!”
แต่ที่ทุกฝ่ายต่างวิพากษ์วิจารณ์กันให้แซดว่า “พลังสีแดง” ส่งสัญญาณอะไรหรือปล่าวกับลัทธิใดหรือไม่ ที่ต่อต้านทุกสถาบันในอดีต โดยเฉพาะจีนกับรัสเซีย!
การจัดรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 2” ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ได้รับการโปรโมตอย่างมหาศาลทั้งจากกลุ่ม นปช.เอง กลุ่มที่ติดอยู่ “หมู่บ้าน 111” ของอดีตพรรคไทยรักไทย ตลอดจนรายการโทรทัศน์ “ความจริงวันนี้” ที่ออกอากาศประโคมข่าวประชาสัมพันธ์แทบทุกวันทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11)
แต่ที่ช่วย “ประโคมข่าว-โหมโรง-กระพือ” ให้การจัดงานในครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่า “พวกเราสื่อฯ” นี่เองแหละ ที่ช่วย นปช.และกลุ่มแกนนำพรรคพลังประชาชน ที่เป็น “หัวหอก” สำคัญในการจัดกิจกรรมนี้ ด้วยการ “รายงาน-วิเคราะห์” อย่างต่อเนื่องทุกวัน ตลอดจน “สื่อวิทยุ-สื่อโทรทัศน์” ก็ช่วยพวกเขาไปด้วย โดยที่ทั้ง “นปช.-พรรคพลังประชาชน” และ “นายใหญ่-นายหญิง” ไม่ต้องควักเงินเสียค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ “แม้แต่บาทแดงเดียว!”
นั่นล่ะ ถึงต้องชมว่า “ชาญฉลาด” เนื่องด้วยความจริงที่เราต้องยอมรับกันว่า “แกนนำ” ของพรรคไทยรักไทยเดิม จนมาเป็น “พรรคพลังประชาชน” และแตกกิ่งก้านสาขามาเป็น “กลุ่มนปช.” นั้น “การเมือง-การตลาด” ซึ่งเป็น “การเมืองยุคใหม่” ที่ “พวกเขา” ถูกฝึกมาจนเป็น “มืออาชีพ” ดังนั้น “การสร้างภาพ” การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ จึงขอย้ำว่า “สุดยอด!” ที่ไม่มีพรรคการเมืองใด สามารถ “คิดค้น” เองได้ แม้กระทั่ง “กลุ่มพันธมิตรฯ” ก็ตาม
แต่ “การเมือง-การตลาด” ที่ “พวกเขา” มีฝีมือล้ำเลิศนั้น ต้องยอมรับว่า หนึ่ง มีทีมดี สอง มีการจัดกิจกรรมดี สาม มีการเตรียมการวางแผนทั้งเชิงยุทธศาสตร์และเชิงกลยุทธ์อย่างเป็นระเบียบแบบแผน สี่ “เงินทุนหนา” และห้า มีอำนาจและพลังรัฐอยู่ในมือ
จากเหตุผลทั้ง 5 ข้อข้างต้น ก็ต้องขอบอกว่า “เยี่ยมยอด” แต่ว่าไปแล้ว ในทางกลับกัน เท่ากับเป็น “การแบ่งแยก” และแน่นอน “สร้างความแตกแยก” ให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย และเป็น “การสร้างภาพ” ที่ได้ผลว่าเมื่อมี “ม็อบพันธมิตรฯ-เสื้อเหลือง” ก็จะมี “ม็อบนปช.-เสื้อแดง” ที่ “แยกขั้ว-แยกเขี้ยว” เข้าหากัน
ทั้งนี้ การชุมนุมทั้งที่เมืองทองธานีครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองที่ผ่านมานั้น เขาวิพากษ์วิจารณ์กันลั่นสนั่นเมืองว่า ต้องใช้ “งบประมาณไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท” ในการจัดกิจกรรมเช่นนั้น และคงไม่สำคัญเท่ากับ “จัดคน!” พูดง่ายๆ คือ “จ้างมา!” น่าจะไม่ต่ำกว่า 300-400 บาทต่อหัว ส่วนที่เหลือก็ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ดำเนินรายการ แนวร่วม สถานที่ และค่าอาหาร ค่าวงดนตรี เป็นต้น
ทุกองค์กร สถาบันต่างๆ เฝ้าจับตาดูด้วยความรอคอยว่า “1 พฤศจิกายน” นปช.จะสามารถจัดรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” ได้อย่างสมราคาคุยหรือไม่ ทั้งในกรณีของจำนวนผู้ชุมนุม ตลอดจน “โฟนอิน” เข้ามาจากฮ่องกง ของคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งว่าไปแล้ว หลายๆ ฝ่ายต่าง “ฟันธง” ล่วงหน้าเลยว่า นปช.สามารถทำได้จริงสมราคาคุย กล่าวคือ จำนวนผู้มาชุมนุมมากถึง 7-80,000 คน “สี่แดงพรึบ!” กับการโทรศัพท์เข้ามาของคุณทักษิณ ชินวัตร
ถามว่า จำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมที่เป็น “แฟนคลับ” ของคุณทักษิณ และคณะนั้น น่าจะมีจำนวนมากถึงหลักหลายหมื่น แต่อย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน 20,000 คน นอกเหนือจากนั้น เป็น “การระดม-ว่าจ้าง” มาเกือบทั้งสิ้น ดังที่กล่าวไม่แล้วว่า “งานนี้ต้องไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท!” คำตอบคือ “แน่นอน!”
“เป้าหมาย” สำคัญของกิจกรรม “รวมพล” ในครั้งนี้ หนึ่ง “แสดงพลัง-อวดบารมี” ว่า ยังมีผู้คนประชาชนจำนวนมากสนับสนุน สอง “ต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร” เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า ถ้ามีการยึดอำนาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทางกลุ่ม นปช. (จริงๆ แล้วคือหมู่มวลสมาชิก) “แฟนคลับทักษิณ” ทั้งนั้น สามารถรวมพลังระดมประชาชนหลักแสนออกมาปะทะกับกองทัพได้ทันที
ในกรณีข้อหนึ่งและข้อสองนั้น เป็นการ “ข่มขู่-อวดศักดา-เกทับบลัฟ” กับ “ฝ่ายตรงข้าม : กองทัพ-พันธมิตรฯ” ว่า “อย่าได้อหังการเด็ดขาด!” เนื่องด้วยปัจจุบันนี้ “กลุ่มเสื้อแดง” มี “พลังมวลชน” จำนวนมาก ทั้งนี้ ถ้าเราลองนึกตรึกตรองดีๆ เท่ากับว่า “การรวมพลังสีแดง” ในครั้งนี้ เพื่อ “ส่อนัย-ส่งสัญญาณ” ชัดเจนว่า “แฟนคลับทักษิณ” มีจำนวนมากพอที่พร้อมเปิดศึกได้ทุกเมื่อ และที่สำคัญนอกเหนือไปจากนั้นคือ “ประชาชนแตกแยกเรียบร้อย” หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า “แบ่งฝักฝ่าย” กันเป็นที่เรียบร้อยระหว่างคนไทยด้วยกันเอง “พวกทักษิณ-ไม่ใช่พวกทักษิณ!”
สาม แน่นอนดังคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า คุณทักษิณ ชินวัตร ยัง “แผ่นเสียงตกร่อง!” ที่ปฏิเสธ “กระบวนการยุติธรรม-ระบบศาล” และ “ไม่ยอมรับผิด” โดยฟ้องประชาชนว่า “ถูกกลั่นแกล้ง-ถูกรังแก” พร้อมทั้งป่าวประกาศตะโกนว่า “ข้าฯ บริสุทธิ์” ทำนองว่า สถานการณ์ทั้งหมดถูกวางแผนกำจัดอำนาจตนเองและครอบครัว จาก “คณะยึดอำนาจ” พูดง่ายๆ ก็หมายความว่า “ตนเองดี ความชั่วเป็นของคนอื่น”
พร้อมทั้ง “โอดโอย!” ถึงความยากลำบากของตนเองและครอบครัว ตลอดจน “ระบายความในใจ” ว่า ปัจจุบันอยู่ในสภาวะเช่นไร ทั้งๆ ที่ยังมีเงินสดและทรัพย์สินอยู่ต่างแดน น่าจะหลัก 40,000-50,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่มีคนใกล้ชิดคุณทักษิณ แอบเอามือป้องปากว่ามีเงินสดหลักทรัพย์หลักเกือบแสนล้านบาท
สี่ “ประทับ-เตือนความจำ” กับบรรดาแฟนคลับ และสังคมไทย ด้วยการมีภาพเสียงปรากฏสู่สาธารณชน ซึ่งถือว่าเป็น “การตลาด” เตือนความทรงจำกับคนไทยไม่ให้ลืม “บทบาท-ความคิด” ของเขาตลอดเวลา ทั้งๆ ที่มีกลุ่มประชาชน 2 กลุ่มที่มีทั้งเกลียดและรัก แต่ในทางการเมืองถือว่าสัมฤทธิผลอย่างมาก
เราคงจำได้กับคำว่า “คิดถึง” ที่เป็นการตอกย้ำว่า “คิดถึงบ้าน” แถมถามด้วยว่า “คิดถึงผมมั้ย?” เท่ากับเป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน
ห้า การที่คุณทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึง ความคิดถึงประเทศไทย แต่ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ภายใน 10 ปี จะมีก็เพียงแต่ “พระบารมี” และ “พระเมตตา” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้คุณทักษิณ กลับบ้านได้
หรือไม่ก็ “พลังประชาชน” เท่านั้น เท่ากับว่า “ถ้าไม่ใช่ในหลวง ประชาชน ที่สนับสนุนคุณทักษิณ ก็สามารถนำกลับบ้านได้!”
จากทั้งสองประเด็นนั้น ถ้าจะคิดแบบเลยเถิด แน่นอน ประชาชนระดับล่างนั้น อาจคิดไม่ลึกซึ้ง โดยอาจไปตีความกันเองก็ได้ว่า ไม่สามารถกลับบ้านได้เพราะในหลวงไม่ทรงให้กลับ กรณีนี้ “อันตราย-ลึกซึ้งมาก!” หรือไม่ก็ประชาชนสามารถระดมพลัง “ถวายฎีกา” ถวายในหลวงเพื่อให้ “พระราชทานอภัยโทษ” ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มกระบวนการแล้ว!
ในกรณีข้อห้านี้ ต้องบอกว่า “หมิ่นเหม่” ที่สุด ในการฟ้องประชาชนหรืออาจจาบจ้วงถึง “พลังประชาชน” ในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เขาได้กลับมามีอำนาจอย่างเดิมหรือมากกว่าเดิม
เราอย่าลืมว่า “เหตุการณ์ 1 พฤศจิกายน” นี้ มีนัยสำคัญทางการเมืองมหาศาล ตลอดจนได้ถูกนำไปเผยแพร่จากสำนักข่าวต่างประเทศไปทั่วโลก เหมือนกับเป็น “การแสดงพลัง-แสดงความบริสุทธิ์-ถูกกลั่นแกล้ง-ลำบาก” และ “โยนความผิด!” ไปให้กับ “สถาบันตุลาการ” และอาจเลยเถิดไปถึง “สถาบันเบื้องสูง!”
พูดง่ายๆ คือ นักธุรกิจการเมืองคนนี้ “ลึกซึ้งละเอียดอ่อน” ที่สุด ที่สามารถจัดกิจกรรมเช่นนี้ด้วยบรรลุเป้าหมายหลายประการ ทำนอง “ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว!”
แต่ที่ทุกฝ่ายต่างวิพากษ์วิจารณ์กันให้แซดว่า “พลังสีแดง” ส่งสัญญาณอะไรหรือปล่าวกับลัทธิใดหรือไม่ ที่ต่อต้านทุกสถาบันในอดีต โดยเฉพาะจีนกับรัสเซีย!
