นิวส์เปเปอร์ไดเรค โอดปีหน้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยซบ ตลาดนิวส์เปเปอร์ ออน ดีมานด์ โตลดจาก 60%เหลือ 20% ระบุไทยยังรั้งบัลลังก์นิวส์เปเปอร์ ออน ดีมานด์ อันดับ 1 ของโลก ล่าสุดทุ่มเม็ดเงินเพิ่ม 10% จากปีก่อน หวังปั้มจำนวนลูกค้าเพิ่ม
นายแพทริค เอ.เม็นฮอน ผู้อำนวยการ บริษัท นิวส์เปเปอร์ไดเรค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ เอ็นดีไอ/NDI ผู้ได้ไลเซ่นส์หนังสือพิมพ์ทั่วโลกกว่า 800 ฉบับ มาจัดพิมพ์จำหน่ายในลักษณะ พริ้นท์ ออน ดีมานด์ เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ปัจจุบันรูปแบบการจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมีอัตราการเติบโตที่สูงมาก โดยตลาดดังกล่าวในระดับโลก พบว่า ปี 2550 มีจำนวนพิมพ์เติบโต 2.57% ต่อวัน หรือกว่า 532 ล้านฉบับต่อวัน ซึ่งไทย ถือเป็นประเทศที่มีอัตราจำหน่ายหนังสือพิมพ์รูปแบบพริ้นท์ ออน ดีมานด์ มากที่สุดในโลก
โดยตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในประเทศไทย ปี 2549 จนถึงปีนี้ มียอดพิมพ์เฉลี่ยเติบโตขึ้น 60% ซึ่งส่วนสำคัญมาจาก อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ยังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติทั่วโลก โดยจากจำนวนนักท่องเที่ยวเหล่านี้เชื่อว่าต่างก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ในประเทศของตน แต่บางครั้งหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว ไม่สามารถสู้ค่าขนส่งได้ บริษัทฯจึงเห็นโอกาส จึงได้เจรจาขอไลเซ่นส์จากจำนวนหนังสือพิมพ์ทั่วโลกกว่า 800 ฉบับ
ทั้งนี้ในจำนวนดังกล่าวมี 250 ฉบับ จากหลายๆประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา เข้ามาพิมพ์จำหน่ายในประเทศไทย ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ในบริการที่ชื่อ “นิวส์เปเปอร์ไดเร็ค” ตอบสนองความต้องการของผู้อ่านต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีหนังสือพิมพ์จากไทยด้วยอีก 7 ฉบับ คือ Asia News, Bangkok Post, GuRu Entertainment, Pattaya People Weekly, Phuket Post, Post Today และ The Nation โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนหน้า แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนในการขนส่งแล้ว ถือว่าถูกกว่า 10-20% เทียบกับการนำเข้าหนังสือพิมพ์จากยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯ มี 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.ร้านค้ารีเทล สัดส่วน 60% เช่น เอเชียบุ๊กส์, บีทูเอส 2.ลูกค้าทั่วไป สัดส่วน 25% เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ สายการบินต่างๆ สถานทูต โรงพยาบาล และ 3.โรงแรม สัดส่วน 15% ซึ่งทั้ง 3 กลุ่ม ถือเป็นตัวกลางที่จะสั่งซื้อหนังสือพิมพ์มาจำหน่ายและให้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งนี้มองว่าในปีหน้าบริษัทฯจะทุ่มงบการตลาดเพิ่มจากปีนี้อีก 10% สำหรับเข้าไปเจาะกลุ่มฐานลูกค้าเหล่านี้ให้เพิ่มมากขึ้น หรือต้องมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยรวมประมาณ 20% เพราะแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยเริ่มได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
ส่วนภาพรวมของการเติบโตด้านจำนวนพิมพ์แล้ว ปีหน้าคาดว่าจะโตเพียง 20% อย่างไรก็ตามไทยยังถือเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ ออน ดีมานด์ มากที่สุดในโลก โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับ 2
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทฯดูแลไลเซ่นส์ใน 3 ประเทศ คือ ไทย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา พบว่า ความต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ ออน ดีมานด์ นี้ มีมากขึ้น 1 ล้านฉบับต่อวัน แบ่งออกเป็น กลุ่มพริ้นท์ 50% และกลุ่มล๊อกอินเข้าไปอ่านในเว็บไซต์อีก 50% โดยแนวโน้มของกลุ่มพริ้นท์ ปีหน้าคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 20% ซึ่งเมื่อรวมรายได้จาก 3 ประเทศนี้เข้าด้วยกันแล้วพบว่า สามารถสร้างรายได้อยู่ในสัดส่วนประมาณ 15% ของนิวส์เปเปอร์ไดเรค ในระดับโกลบอล
นายแพทริค เอ.เม็นฮอน ผู้อำนวยการ บริษัท นิวส์เปเปอร์ไดเรค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ เอ็นดีไอ/NDI ผู้ได้ไลเซ่นส์หนังสือพิมพ์ทั่วโลกกว่า 800 ฉบับ มาจัดพิมพ์จำหน่ายในลักษณะ พริ้นท์ ออน ดีมานด์ เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ปัจจุบันรูปแบบการจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมีอัตราการเติบโตที่สูงมาก โดยตลาดดังกล่าวในระดับโลก พบว่า ปี 2550 มีจำนวนพิมพ์เติบโต 2.57% ต่อวัน หรือกว่า 532 ล้านฉบับต่อวัน ซึ่งไทย ถือเป็นประเทศที่มีอัตราจำหน่ายหนังสือพิมพ์รูปแบบพริ้นท์ ออน ดีมานด์ มากที่สุดในโลก
โดยตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ในประเทศไทย ปี 2549 จนถึงปีนี้ มียอดพิมพ์เฉลี่ยเติบโตขึ้น 60% ซึ่งส่วนสำคัญมาจาก อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ยังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติทั่วโลก โดยจากจำนวนนักท่องเที่ยวเหล่านี้เชื่อว่าต่างก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ในประเทศของตน แต่บางครั้งหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว ไม่สามารถสู้ค่าขนส่งได้ บริษัทฯจึงเห็นโอกาส จึงได้เจรจาขอไลเซ่นส์จากจำนวนหนังสือพิมพ์ทั่วโลกกว่า 800 ฉบับ
ทั้งนี้ในจำนวนดังกล่าวมี 250 ฉบับ จากหลายๆประเทศ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา เข้ามาพิมพ์จำหน่ายในประเทศไทย ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ในบริการที่ชื่อ “นิวส์เปเปอร์ไดเร็ค” ตอบสนองความต้องการของผู้อ่านต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีหนังสือพิมพ์จากไทยด้วยอีก 7 ฉบับ คือ Asia News, Bangkok Post, GuRu Entertainment, Pattaya People Weekly, Phuket Post, Post Today และ The Nation โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนหน้า แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนในการขนส่งแล้ว ถือว่าถูกกว่า 10-20% เทียบกับการนำเข้าหนังสือพิมพ์จากยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯ มี 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.ร้านค้ารีเทล สัดส่วน 60% เช่น เอเชียบุ๊กส์, บีทูเอส 2.ลูกค้าทั่วไป สัดส่วน 25% เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ สายการบินต่างๆ สถานทูต โรงพยาบาล และ 3.โรงแรม สัดส่วน 15% ซึ่งทั้ง 3 กลุ่ม ถือเป็นตัวกลางที่จะสั่งซื้อหนังสือพิมพ์มาจำหน่ายและให้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งนี้มองว่าในปีหน้าบริษัทฯจะทุ่มงบการตลาดเพิ่มจากปีนี้อีก 10% สำหรับเข้าไปเจาะกลุ่มฐานลูกค้าเหล่านี้ให้เพิ่มมากขึ้น หรือต้องมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยรวมประมาณ 20% เพราะแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยเริ่มได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
ส่วนภาพรวมของการเติบโตด้านจำนวนพิมพ์แล้ว ปีหน้าคาดว่าจะโตเพียง 20% อย่างไรก็ตามไทยยังถือเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ ออน ดีมานด์ มากที่สุดในโลก โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับ 2
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทฯดูแลไลเซ่นส์ใน 3 ประเทศ คือ ไทย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา พบว่า ความต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ ออน ดีมานด์ นี้ มีมากขึ้น 1 ล้านฉบับต่อวัน แบ่งออกเป็น กลุ่มพริ้นท์ 50% และกลุ่มล๊อกอินเข้าไปอ่านในเว็บไซต์อีก 50% โดยแนวโน้มของกลุ่มพริ้นท์ ปีหน้าคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 20% ซึ่งเมื่อรวมรายได้จาก 3 ประเทศนี้เข้าด้วยกันแล้วพบว่า สามารถสร้างรายได้อยู่ในสัดส่วนประมาณ 15% ของนิวส์เปเปอร์ไดเรค ในระดับโกลบอล