หลังจากที่ทราบว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้จำคุก 2 ปี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่พาครอบครัวหนีหมายจับไปอังกฤษ ก็ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีว่า
ศาลที่ตัดสินคดีวันนี้เป็นศาลสำหรับนักการเมือง ไม่ใช่ศาลปกติทั่วไป นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเรียกร้องความเป็นเอกภาพในชาติด้วยการระบุว่า ประชาธิปไตยของไทยเดินมาถึงทางแยก อยากเรียกร้องให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ให้เสรีภาพแก่ชาวไทยเพื่อแสดงพลังแห่งประชาธิปไตย พวกมีการศึกษาน้อยและยากจนเข้าใจประชาธิปไตยดีกว่าผู้ที่ได้รับการศึกษาที่ดีกว่าซะอีก
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มั่นใจว่าจะอยู่ในอังกฤษต่อได้ แม้เพิ่งถูกศาลออกหมายจับใหม่ เพราะอังกฤษเป็นชาติประชาธิปไตยสมบูรณ์ ไม่มีทางที่จะถูกส่งตัวกลับ เพราะศาลไทยเป็นศาลการเมือง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเปรียบเทียบชะตากรรมของตนเองกับทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เขาเพิ่งขายไปว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรักษาจิตวิญญาณการต่อสู้ไว้อย่างเหนียวแน่น
มิใช่เพียงคดีนี้เท่านั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถที่จะยอมรับได้ แม้คดีที่ศาลอาญาตัดสินจำคุกคุณหญิงพจมาน เป็นเวลา 3 ปี ข้อหาหลบเลี่ยงการเสียภาษี รวมทั้งให้การเท็จเป็นเวลา 3 ปี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ทั้งที่คำพิพากษาทั้ง 2 คดี ผู้พิพากษาได้เขียนคำพิพากษาบอกถึงคำฟ้อง คำแก้ต่าง และคำวินิจฉัยของศาลไว้อย่างกระจะกระจ่าง
ดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะยอมรับได้ก็แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสมัยที่วินิจฉัยให้เขาพ้นจากข้อหาซุกหุ้น 4 เสียง แล้วนำไปรวมกับอีก 4 เสียงที่มีความเห็นไม่รับพิจารณาเพื่อเอาชนะ 7 เสียงที่เห็นว่า เขาซุกหุ้นจริงๆ เท่านั้นเอง
เป็นการยอมรับคำวินิจฉัยที่เขาก็ยอมรับเองว่า เขาซุกหุ้นจริงๆ แต่เป็นเพียงความบกพร่องโดยสุจริต
ก่อนหน้าที่จะมีคำตัดสินของศาลอาญาคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เลี่ยงภาษี และคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระหยิ่มยิ้มย่องฮึกห้าวเหิมหาญยิ่งนัก เพราะพรรคพลังประชาชนที่เขาสนับสนุนอยู่ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้นายสมัคร สุนทรเวช ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรี
อำนาจบริหารที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าย่อมอยู่ในฐานะที่เขาบอกได้ใช้ฟัง
อำนาจนิติบัญญัติที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานรัฐสภาอยู่ ก็อยู่ในฐานะที่เขาสามารถสั่งการได้
เหลืออยู่ก็แต่อำนาจฝ่ายตุลาการ
เขาคิดว่า ไม่น่าจะหนักแรง ไม่น่าจะเกินมือ
ด้วยเหตุนี้นี่เอง เขาจึงเดินทางกลับประเทศด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่อง พร้อมกับประกาศว่าจะต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัว และครอบครัวในกระบวนการยุติธรรม
ผ่านไปเพียงคดีเดียวที่นางเมียร้ายของเขาถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ทั้งครอบครัวก็เผ่นไปอังกฤษ และให้ร้ายศาลสถิตยุติธรรมว่า เป็นศาลการเมือง!
คดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เลี่ยงภาษีเป็นคดีที่ คตส.ตรวจสอบแล้วส่งให้อัยการพิจารณา อัยการส่งฟ้องแล้วศาลชั้นต้นก็พิจารณาตัดสิน
คดีที่ดินรัชดาฯ คตส.ตรวจสอบเสร็จส่งให้อัยการพิจารณา อัยการส่งฟ้องแล้วศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิจารณาและตัดสินออกมาในที่สุด
ไม่มีตรงไหนที่การเมืองจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย
และการเมืองที่มีอำนาจอยู่ก็คือ พรรคพลังประชาชนที่ตั้งขึ้นมาด้วยการสนับสนุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ทั้งนายสมัคร สุนทรเวช ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ล้วนเป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกได้ใช้ฟังทั้งสิ้น
แต่คำพิพากษาไม่เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เนื่องจากเขาไม่สามารถที่จะแทรกแซงการพิจารณาอรรถคดีของศาลนั่นเอง ไม่ว่าจะศาลใดก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ความมุ่งมั่นของพวกเขาจึงอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ได้ ทั้งที่รู้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เขาพ้นผิดนี้ นำมาซึ่งการต่อต้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อย่างแข็งขัน และในที่สุดนายสมัคร สุนทรเวช ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป
การออกมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 150 วันก่อน และต่อมาจนถึงวันนี้ก็เนื่องมาจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ถือดีว่ามีเสียงข้างมากในสภาฯ และเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างรีบด่วนที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวพ้นผิด พวกเขาจึงไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ ทั้งสิ้น
มาถึงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยิ่งไปกันใหญ่ แทนที่เขาจะศึกษาบทเรียนจากนายสมัคร สุนทรเวช กลับพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ ทั้งที่เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงทุกวันนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกคัดค้านอย่างหนัก ประชาชนแสดงออกว่าไม่ยอมรับทุกหัวระแหง ซ้ำมีคดีความที่มองเห็นอนาคตได้ว่าเขาอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน
แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นวาระรีบด่วน และสำคัญก่อนที่เขาจะพ้นจากตำแหน่งไป
ถ้าหากสามารถเขียนในรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขใหม่ได้ว่า“บรรดาคดีความต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยา ตลอดรวมทั้งลูกๆ ทั้งที่พิจารณาตัดสินแล้ว ทั้งที่กำลังพิจารณาอยู่ในศาลให้จำหน่ายออกจากสารบบของศาล อัยการ หรือแม้กระทั่งสำนักงาน ป.ป.ช.”เขาก็จะเขียนทันที
รัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้กระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตยเลย เว้นเสียแต่พวกที่ทุจริตซื้อสิทธิ ขายเสียงเท่านั้นที่จะต้องถูกลงโทษ ได้รับใบเหลือง ใบแดง หรือแม้กระทั่งถูกยุบพรรค ผู้ที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เห็นมีใครเขาเดือดร้อนเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 นี้เลย
บทเรียนที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้รับน่าจะทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ถือเป็นบทเรียน
แต่เปล่าเลย
บทเรียนไม่ได้มีไว้สอนคนหน้าด้าน บทเรียนไม่ได้มีไว้สอนคนเอาแต่ได้อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่อย่างใด
เหตุและผลใช้ไม่ได้กับคนหน้าด้านจริงๆ
ศาลที่ตัดสินคดีวันนี้เป็นศาลสำหรับนักการเมือง ไม่ใช่ศาลปกติทั่วไป นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเรียกร้องความเป็นเอกภาพในชาติด้วยการระบุว่า ประชาธิปไตยของไทยเดินมาถึงทางแยก อยากเรียกร้องให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ให้เสรีภาพแก่ชาวไทยเพื่อแสดงพลังแห่งประชาธิปไตย พวกมีการศึกษาน้อยและยากจนเข้าใจประชาธิปไตยดีกว่าผู้ที่ได้รับการศึกษาที่ดีกว่าซะอีก
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มั่นใจว่าจะอยู่ในอังกฤษต่อได้ แม้เพิ่งถูกศาลออกหมายจับใหม่ เพราะอังกฤษเป็นชาติประชาธิปไตยสมบูรณ์ ไม่มีทางที่จะถูกส่งตัวกลับ เพราะศาลไทยเป็นศาลการเมือง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเปรียบเทียบชะตากรรมของตนเองกับทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เขาเพิ่งขายไปว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรักษาจิตวิญญาณการต่อสู้ไว้อย่างเหนียวแน่น
มิใช่เพียงคดีนี้เท่านั้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถที่จะยอมรับได้ แม้คดีที่ศาลอาญาตัดสินจำคุกคุณหญิงพจมาน เป็นเวลา 3 ปี ข้อหาหลบเลี่ยงการเสียภาษี รวมทั้งให้การเท็จเป็นเวลา 3 ปี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ทั้งที่คำพิพากษาทั้ง 2 คดี ผู้พิพากษาได้เขียนคำพิพากษาบอกถึงคำฟ้อง คำแก้ต่าง และคำวินิจฉัยของศาลไว้อย่างกระจะกระจ่าง
ดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะยอมรับได้ก็แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสมัยที่วินิจฉัยให้เขาพ้นจากข้อหาซุกหุ้น 4 เสียง แล้วนำไปรวมกับอีก 4 เสียงที่มีความเห็นไม่รับพิจารณาเพื่อเอาชนะ 7 เสียงที่เห็นว่า เขาซุกหุ้นจริงๆ เท่านั้นเอง
เป็นการยอมรับคำวินิจฉัยที่เขาก็ยอมรับเองว่า เขาซุกหุ้นจริงๆ แต่เป็นเพียงความบกพร่องโดยสุจริต
ก่อนหน้าที่จะมีคำตัดสินของศาลอาญาคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เลี่ยงภาษี และคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระหยิ่มยิ้มย่องฮึกห้าวเหิมหาญยิ่งนัก เพราะพรรคพลังประชาชนที่เขาสนับสนุนอยู่ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้นายสมัคร สุนทรเวช ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกรัฐมนตรี
อำนาจบริหารที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าย่อมอยู่ในฐานะที่เขาบอกได้ใช้ฟัง
อำนาจนิติบัญญัติที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานรัฐสภาอยู่ ก็อยู่ในฐานะที่เขาสามารถสั่งการได้
เหลืออยู่ก็แต่อำนาจฝ่ายตุลาการ
เขาคิดว่า ไม่น่าจะหนักแรง ไม่น่าจะเกินมือ
ด้วยเหตุนี้นี่เอง เขาจึงเดินทางกลับประเทศด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่อง พร้อมกับประกาศว่าจะต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัว และครอบครัวในกระบวนการยุติธรรม
ผ่านไปเพียงคดีเดียวที่นางเมียร้ายของเขาถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ทั้งครอบครัวก็เผ่นไปอังกฤษ และให้ร้ายศาลสถิตยุติธรรมว่า เป็นศาลการเมือง!
คดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เลี่ยงภาษีเป็นคดีที่ คตส.ตรวจสอบแล้วส่งให้อัยการพิจารณา อัยการส่งฟ้องแล้วศาลชั้นต้นก็พิจารณาตัดสิน
คดีที่ดินรัชดาฯ คตส.ตรวจสอบเสร็จส่งให้อัยการพิจารณา อัยการส่งฟ้องแล้วศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิจารณาและตัดสินออกมาในที่สุด
ไม่มีตรงไหนที่การเมืองจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย
และการเมืองที่มีอำนาจอยู่ก็คือ พรรคพลังประชาชนที่ตั้งขึ้นมาด้วยการสนับสนุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ทั้งนายสมัคร สุนทรเวช ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ล้วนเป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกได้ใช้ฟังทั้งสิ้น
แต่คำพิพากษาไม่เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เนื่องจากเขาไม่สามารถที่จะแทรกแซงการพิจารณาอรรถคดีของศาลนั่นเอง ไม่ว่าจะศาลใดก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ความมุ่งมั่นของพวกเขาจึงอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ได้ ทั้งที่รู้ว่าความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เขาพ้นผิดนี้ นำมาซึ่งการต่อต้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อย่างแข็งขัน และในที่สุดนายสมัคร สุนทรเวช ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป
การออกมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อ 150 วันก่อน และต่อมาจนถึงวันนี้ก็เนื่องมาจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ถือดีว่ามีเสียงข้างมากในสภาฯ และเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างรีบด่วนที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวพ้นผิด พวกเขาจึงไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ ทั้งสิ้น
มาถึงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยิ่งไปกันใหญ่ แทนที่เขาจะศึกษาบทเรียนจากนายสมัคร สุนทรเวช กลับพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ ทั้งที่เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงทุกวันนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกคัดค้านอย่างหนัก ประชาชนแสดงออกว่าไม่ยอมรับทุกหัวระแหง ซ้ำมีคดีความที่มองเห็นอนาคตได้ว่าเขาอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน
แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นวาระรีบด่วน และสำคัญก่อนที่เขาจะพ้นจากตำแหน่งไป
ถ้าหากสามารถเขียนในรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขใหม่ได้ว่า“บรรดาคดีความต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และภริยา ตลอดรวมทั้งลูกๆ ทั้งที่พิจารณาตัดสินแล้ว ทั้งที่กำลังพิจารณาอยู่ในศาลให้จำหน่ายออกจากสารบบของศาล อัยการ หรือแม้กระทั่งสำนักงาน ป.ป.ช.”เขาก็จะเขียนทันที
รัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้กระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตยเลย เว้นเสียแต่พวกที่ทุจริตซื้อสิทธิ ขายเสียงเท่านั้นที่จะต้องถูกลงโทษ ได้รับใบเหลือง ใบแดง หรือแม้กระทั่งถูกยุบพรรค ผู้ที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เห็นมีใครเขาเดือดร้อนเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 นี้เลย
บทเรียนที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้รับน่าจะทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ถือเป็นบทเรียน
แต่เปล่าเลย
บทเรียนไม่ได้มีไว้สอนคนหน้าด้าน บทเรียนไม่ได้มีไว้สอนคนเอาแต่ได้อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่อย่างใด
เหตุและผลใช้ไม่ได้กับคนหน้าด้านจริงๆ