ผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เพื่อทรงยกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งเป็นการประดิษฐานยอดพระเมรุอย่างสมบูรณ์ และถือเป็นการเสร็จสิ้นการสร้างพระเมรุตามโบราณราชประเพณี
เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) เวลา 17.13 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มายังพระที่นั่งทรงธรรม พระเมรุ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อทรงยกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรม วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะกรรมการเฝ้าฯ รับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรมโดยลิฟต์ และประทับพระราชอาสน์ที่มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอำนวยการกราบบังคมทูลรายงาน และเบิกกรรมการสร้างพระเมรุประกอบไปด้วย นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ผู้ออกแบบพระเมรุและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ นายอารักษ์ สังหิตกุล วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้างพระเมรุ และ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิสกุล ผู้รับผิดชอบในการจัดสวน ตกแต่งไม้ดอก ไม้ประดับบริเวณปริมณฑล เข้าเฝ้าฯ
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จลงจากพระที่นั่งทรงธรรมไปยังที่ประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร (โดยลิฟต์) และทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมสัปตปฎลเศวตฉัตร นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ถวายสายสูตรสัปตปฎลเศวตฉัตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถวายพระพระสูตรยกสัปตปฎลขึ้นประดิษฐ์ฐานยอดพระเมรุ เจ้าพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร และดุริยางค์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานสายพระสูตรแก่อธิบดีกรมศิลปากรนำไปผูกไว้ยังเสาบัว
หลังเสร็จพระราชพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เสด็จฯประทับยังรถไฟฟ้าพระที่นั่งเพื่อทอดพระเนตรบริเวณรอบพระเมรุ โดยระหว่างที่เสด็จฯ ทอดพระเนตรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ที่ตามเสด็จ และตลอดทั้งสองข้างทางมีพสกนิกรที่มารอรับเสด็จได้เปล่งเสียงร้องทรงพระเจริญตลอดเวลา
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ มายังพระที่นั่งทรงธรรม ทรงประทับยืนที่ลิฟต์ยกขึ้นทางฐานชาลา เพื่อทอดพระเนตรโถงกลางใหญ่ตั้งพระจิตกาธานขนาดใหญ่สำหรับประดิษฐานพระโกศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกลงมาปรอยๆ รอบสนามหลวงก่อนพระราชพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุตามฤกษ์ศุภมงคล 16.59น. ไปจนถึง 17.29 น.ที่สุดแห่งฤกษ์จะเริ่มขึ้น ประชาชนที่มารอรับเสด็จก็มิได้ย่อท้อ ต่างพากันมาจับจองที่นั่งเฝ้ารับเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อย่างเนืองแน่น
อนึ่งในวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย. 2551 จะมีการฝึกซ้อมใหญ่ทุกริ้วขบวน ในพื้นที่จริงแต่งกายปกติ ซึ่งในการซ้อมครั้งนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีฯ เสด็จพระราชดำเนินร่วมซ้อมในขบวนพระอิสริยยศด้วยในฐานะพระญาติ
ทำพิธีบวงสรวงสดุดีครูช่าง
ก่อนหน้านี้ เวลา 09.09 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พระราชครูวามเทพมุนี ได้ทำพิธีบวงสรวงสักการะสดุดีครูช่าง โดยมี น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและจัดสร้างพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ พิธีบวงสรวงสดุดีครูช่าง ถือฤกษ์ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม นับเป็นวันประเสริฐของเหล่าคณะช่างผู้สร้างพระเมรุ
พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวว่า การจัดพิธีบวงสรวงในช่วงเช้า ก่อนจะมีพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ อันถือเป็นการสิ้นสุดการก่อสร้างนั้น เป็นการขอบคุณครูช่าง ที่อำนวยให้การจัดสร้างพระเมรุและอาคารประกอบสำเร็จลุล่วงด้วยดี และงดงามอย่างสมพระเกียรติ อีกทั้งยังเป็นการขอบคุณครูช่างที่ให้วิทยาการสืบทอดศิลปะของไทย และประการสุดท้ายถือเป็นการส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สู่สวรรคาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศพิธีบวงสรวงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อากาศดี ฟ้าเปิด แดดออก อากาศแจ่มใจ มีลมพัดอย่างต่อเนื่อง
ติวเข้มพิธีถวายดอกไม้จันทน์ 76 จว.
นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหลังเปิดการอบรมการปฏิบัติงานพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯว่า พระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ที่จะจัดขึ้นในทุกจังหวัดนี้จะมีการถ่ายทอดสด พระราชพิธีฯ จากท้องสนามหลวงให้ประชาชนได้ชม และสามารถถวายความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณได้ โดยไม่แตกต่างจากการเดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ ที่กรุงเทพฯ โดยจะจัดขึ้นที่วัดสำคัญของแต่ละจังหวัด
ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้ออกแบบซุ้มเป็นแบบอย่าง มอบให้ทางจังหวัดดำเนินการ เพื่อให้พระราชพิธีนี้มีความสง่างาม สมพระเกียรติ และเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วทั้งประเทศ รูปแบบซุ้มจะคล้ายกับซุ้มรับเสด็จฯ บนถนนราชดำเนินในขณะนี้ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยจัดสรรงบประมาณในการจัดหาดอกไม้จันทน์ ให้จังหวัดละ 60,000 บาท
นอกจากนั้น เพื่อให้การจัดงานเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้ทำหนังสือถึงสำนักพระราชวัง ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่เหมือนกับพระฉายาลักษณ์ที่ตั้งหน้าพระโกศ ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มามอบให้กับเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดทั้ง 75 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้ในพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในแต่ละจังหวัด
ด้านนายจำลอง ยิ่งนึก พนักงานพิเศษฝ่ายพิธีการ สำนักพระราชวัง กล่าวว่า ในการบำเพ็ญกุศลถวายพระศพของแต่ละจังหวัด จะมีพิธีสงฆ์ พิธีสวดพระพุทธมนต์โดยพระราชาคณะ และมีการถวายพระเทศนา ส่วนการถวายดอกไม้จันทน์จะเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 16.30 น.วันที่ 15 พ.ย.เวลาเดียวกับพระราชพิธีฯ ที่กรุงเทพฯ ประชาชนที่มาร่วมงานต้องแต่งกายไว้ทุกข์ และแต่ละจังหวัดจะรวบรวมดอกไม้จันทน์เพื่อทำการเผาจริงในเวลาเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเพลิงจริง.
เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) เวลา 17.13 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต มายังพระที่นั่งทรงธรรม พระเมรุ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อทรงยกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบที่หน้าพระที่นั่งทรงธรรม วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะกรรมการเฝ้าฯ รับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรมโดยลิฟต์ และประทับพระราชอาสน์ที่มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอำนวยการกราบบังคมทูลรายงาน และเบิกกรรมการสร้างพระเมรุประกอบไปด้วย นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ผู้ออกแบบพระเมรุและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุ นายอารักษ์ สังหิตกุล วิศวกรผู้ออกแบบโครงสร้างพระเมรุ และ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิสกุล ผู้รับผิดชอบในการจัดสวน ตกแต่งไม้ดอก ไม้ประดับบริเวณปริมณฑล เข้าเฝ้าฯ
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จลงจากพระที่นั่งทรงธรรมไปยังที่ประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร (โดยลิฟต์) และทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมสัปตปฎลเศวตฉัตร นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ถวายสายสูตรสัปตปฎลเศวตฉัตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถวายพระพระสูตรยกสัปตปฎลขึ้นประดิษฐ์ฐานยอดพระเมรุ เจ้าพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร และดุริยางค์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานสายพระสูตรแก่อธิบดีกรมศิลปากรนำไปผูกไว้ยังเสาบัว
หลังเสร็จพระราชพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เสด็จฯประทับยังรถไฟฟ้าพระที่นั่งเพื่อทอดพระเนตรบริเวณรอบพระเมรุ โดยระหว่างที่เสด็จฯ ทอดพระเนตรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับ น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ที่ตามเสด็จ และตลอดทั้งสองข้างทางมีพสกนิกรที่มารอรับเสด็จได้เปล่งเสียงร้องทรงพระเจริญตลอดเวลา
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ มายังพระที่นั่งทรงธรรม ทรงประทับยืนที่ลิฟต์ยกขึ้นทางฐานชาลา เพื่อทอดพระเนตรโถงกลางใหญ่ตั้งพระจิตกาธานขนาดใหญ่สำหรับประดิษฐานพระโกศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกลงมาปรอยๆ รอบสนามหลวงก่อนพระราชพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุตามฤกษ์ศุภมงคล 16.59น. ไปจนถึง 17.29 น.ที่สุดแห่งฤกษ์จะเริ่มขึ้น ประชาชนที่มารอรับเสด็จก็มิได้ย่อท้อ ต่างพากันมาจับจองที่นั่งเฝ้ารับเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อย่างเนืองแน่น
อนึ่งในวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย. 2551 จะมีการฝึกซ้อมใหญ่ทุกริ้วขบวน ในพื้นที่จริงแต่งกายปกติ ซึ่งในการซ้อมครั้งนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีฯ เสด็จพระราชดำเนินร่วมซ้อมในขบวนพระอิสริยยศด้วยในฐานะพระญาติ
ทำพิธีบวงสรวงสดุดีครูช่าง
ก่อนหน้านี้ เวลา 09.09 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พระราชครูวามเทพมุนี ได้ทำพิธีบวงสรวงสักการะสดุดีครูช่าง โดยมี น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบและจัดสร้างพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ พิธีบวงสรวงสดุดีครูช่าง ถือฤกษ์ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม นับเป็นวันประเสริฐของเหล่าคณะช่างผู้สร้างพระเมรุ
พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวว่า การจัดพิธีบวงสรวงในช่วงเช้า ก่อนจะมีพิธียกสัปตปฎลเศวตฉัตรยอดพระเมรุ อันถือเป็นการสิ้นสุดการก่อสร้างนั้น เป็นการขอบคุณครูช่าง ที่อำนวยให้การจัดสร้างพระเมรุและอาคารประกอบสำเร็จลุล่วงด้วยดี และงดงามอย่างสมพระเกียรติ อีกทั้งยังเป็นการขอบคุณครูช่างที่ให้วิทยาการสืบทอดศิลปะของไทย และประการสุดท้ายถือเป็นการส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สู่สวรรคาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศพิธีบวงสรวงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อากาศดี ฟ้าเปิด แดดออก อากาศแจ่มใจ มีลมพัดอย่างต่อเนื่อง
ติวเข้มพิธีถวายดอกไม้จันทน์ 76 จว.
นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหลังเปิดการอบรมการปฏิบัติงานพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯว่า พระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ที่จะจัดขึ้นในทุกจังหวัดนี้จะมีการถ่ายทอดสด พระราชพิธีฯ จากท้องสนามหลวงให้ประชาชนได้ชม และสามารถถวายความจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณได้ โดยไม่แตกต่างจากการเดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ ที่กรุงเทพฯ โดยจะจัดขึ้นที่วัดสำคัญของแต่ละจังหวัด
ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้ออกแบบซุ้มเป็นแบบอย่าง มอบให้ทางจังหวัดดำเนินการ เพื่อให้พระราชพิธีนี้มีความสง่างาม สมพระเกียรติ และเป็นหนึ่งเดียวกันทั่วทั้งประเทศ รูปแบบซุ้มจะคล้ายกับซุ้มรับเสด็จฯ บนถนนราชดำเนินในขณะนี้ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยจัดสรรงบประมาณในการจัดหาดอกไม้จันทน์ ให้จังหวัดละ 60,000 บาท
นอกจากนั้น เพื่อให้การจัดงานเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้ทำหนังสือถึงสำนักพระราชวัง ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอัญเชิญพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่เหมือนกับพระฉายาลักษณ์ที่ตั้งหน้าพระโกศ ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มามอบให้กับเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดทั้ง 75 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำไปใช้ในพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในแต่ละจังหวัด
ด้านนายจำลอง ยิ่งนึก พนักงานพิเศษฝ่ายพิธีการ สำนักพระราชวัง กล่าวว่า ในการบำเพ็ญกุศลถวายพระศพของแต่ละจังหวัด จะมีพิธีสงฆ์ พิธีสวดพระพุทธมนต์โดยพระราชาคณะ และมีการถวายพระเทศนา ส่วนการถวายดอกไม้จันทน์จะเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 16.30 น.วันที่ 15 พ.ย.เวลาเดียวกับพระราชพิธีฯ ที่กรุงเทพฯ ประชาชนที่มาร่วมงานต้องแต่งกายไว้ทุกข์ และแต่ละจังหวัดจะรวบรวมดอกไม้จันทน์เพื่อทำการเผาจริงในเวลาเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเพลิงจริง.