xs
xsm
sm
md
lg

ค่าระหว่าง ‘ระดับปัญญาวุฒิ-ชาติมนตรี’ กับ ‘ชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์’

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

หากนับความมั่งมี มั่งคั่งไหนเลยตระกูลระดับปัญญาวุฒิ , ชาติมนตรี กับ ตระกูลชินวัตร และวงศ์สวัสดิ์ จะเปรียบเทียบกันติด แต่หากนับ 'วิถีแห่งชีวิต' ทั้งในยามมีชีวิตอยู่และจากลาไปอย่างไม่มีวันกลับ ทั้งระดับปัญญาวุฒิ และชาติมนตรี กลับสูงส่งสุดที่คนตระกูลชินวัตรต่อให้รวมกับวงศ์สวัสดิ์ก็ไม่อาจจะเทียบเท่าได้แม้แต่เศษเสี้ยว

จากวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ถึงวันนี้ 14 ตุลาคม 2551 ครบรอบ 7 วันพอดีของเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมของประชาชนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 4 ร้อยกว่าคน พร้อมๆ กับงานพระราชทานเพลิงศพของ “น้องโบว์” น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และพ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ สารวัตรจ๊าบ ผ่านพ้นไปอย่างยิ่งใหญ่ สังคมไทยคงได้ตระหนักอะไรบางอย่าง...

บางอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธว่า ครอบครัวที่สูญเสียคนที่รักทั้งสอง น้องโบว์ และ สารวัตรจ๊าบนั้นต่างเป็นคนที่มีจิตใจที่มุ่งมั่นกระทำทุกอย่างด้วยความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

สำหรับตระกูลชินวัตร และวงศ์สวัสดิ์ พฤติกรรมที่ผ่านมาถึงตรงนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย!

ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งชินวัตร และวงศ์สวัสดิ์ ต่างก็มีส่วนร่วมต่อวันที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำอย่างหฤโหดต่อประชาชน

คนหนึ่งอยู่ต่างประเทศแต่มีอิทธิพลต่อการตัดสินของ “น้องเขย” ที่คุมอำนาจบริหารสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมอย่างไรก็ได้เปิดทางให้เข้าไปแถลงนโยบายในรัฐสภาเพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจอย่างสมบูรณ์

บางอย่างจึงไม่อาจปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์นั้นทำทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีเพียงเพื่อตัวเองและวงศาคณาญาติให้ได้อำนาจมาเท่านั้น!

น้องโบว์จากครอบครัวเล็กๆ มีคุณพ่อจินดา และคุณแม่คอยทะนุถนอมสั่งสอนเลี้ยงดู เธอเป็นพี่สาวของน้อง 2 คน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะบริหารธุรกิจ ทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัว ความจริงไม่มีความเดือดร้อนอะไรเลยที่น้องโบว์ต้องพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ตำรวจใช้เป็นสนามประลองอาวุธทำลายล้างประชาชนในวันนั้น...กระทั่งตัวตาย

“ป๊าได้มีโอกาสบอกกับหลายๆ คนเกี่ยวกับเจตนารมณ์หรือจุดประสงค์ของโบว์ที่ไปพันธมิตรฯ ปะป๊ารู้ว่าโบว์ทำเพื่อชาติ พระมหากษัตริย์ และพวกพ้องพันธมิตรฯ ของพวกเรา ก็จะสู้ต่อไปนะ” นี่เป็นคำไว้อาลัยจากคุณพ่อจินดาต่อลูกสาว

ขณะที่ สารวัตรจ๊าบ พ่อของลูก 3 คน ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการ์ดของพันธมิตรฯด้วยความภาคภูมิใจ นางเพ็ญพิมล ใสงาม ภรรยาของ พ.ต.ท.เมธี บอกว่า สามีของเธอเป็นคนที่มีอุดมการณ์และมุ่งมั่นทุ่มเท รักความเป็นธรรม และความถูกต้องเป็นอย่างมาก

ชีวิตการงานของสารวัตรจ๊าบ จบการศึกษาจากโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 46 (นรต.46) ตำแหน่งสุดท้าย คือ สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองบุรีรัมย์

จากนั้นเป็นตำรวจนายเวรให้ พล.ต.ต.ประพัฒน์ ศิริวัฒน์ อดีต ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ก่อนตัดสินใจลาออก เมื่อเดือนตุลาคมปี 2548 เพื่อมาทำการเมืองภาคประชาชนตามอุดมการณ์ของตัวเอง...กระทั่งตัวตาย

หันมาดู ชินวัตร และวงศ์สวัสดิ์ เป็นอย่างไรบ้าง?

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต่างมีประวัติหน้าที่การงานเลิศเลอ ประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน ธุรกิจ และการเมือง โดยสุดปลายฝันได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งสองคน

พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมชาย มีลูกๆ ที่ต่างเติบโตมาท่ามกลางกองเงินกองทอง แต่ละคนมีทรัพย์สิน หุ้น และเงินที่พ่อและแม่โอนและซุกไว้เพื่ออำพรางหลีกเลี่ยงกฎหมายมากมายเหลือคณานับ ได้ชื่อว่ามีธุรกิจหมื่นล้านตั้งแต่ยังไม่พ้นวุฒิภาวะ แต่...ไม่ปรากฏเกียรติประวัติอะไรที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม นอกจากความภาคภูมิใจแต่ละปีจะคุยโวโอ้อวดต่อกันว่าติดอันดับเศรษฐีอายุน้อยแค่ไหน อย่างไร

พ.ต.ท.ทักษิณ และภรรยา พจมาน ชินวัตร ปัจจุบันถูกออกหมายจับด้วยข้อกล่าวหาทุจริต คอร์รัปชัน ไม่กล้ามาสู้คดีกลับหนีหมายจับขอลี้ภัยที่อังกฤษกลายเป็นบุคคลที่ไร้แผ่นดินจะอยู่โดยปริยาย

ส่วนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กำลังจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนบงการ สั่งการ เจตนาฆ่าประชาชนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมกับคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.และอื่นๆ ก่อนหน้านี้อีก

บั้นปลายของทั้งชินวัตร และวงศ์สวัสดิ์ จะจบอย่างไรอนาคตในไม่ช้าเวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบ ...

ขณะที่วันนี้ที่เป็นจริงก็คือ น้องโบว์ และสารวัตรจ๊าบ กลายเป็นบุคคลที่สังคมจะจดจำไปตราบนานเท่านาน

คำไว้อาลัยส่วนหนึ่งของน้องสาวน้องโบว์ซึ่งบอกเล่าถึงพี่สาวผู้ล่วงลับเอาไว้ว่า...

“หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เธอไม่ได้เป็นเพียงคนบางคน ของคนบางกลุ่มอีกต่อไป แต่เธอจะเป็นคนสำคัญของคนหลายๆ กลุ่ม “From now on, she will be SOMEONE for all”

เธอจะเป็นทั้งเพื่อน, ทั้งพี่, ทั้งน้อง, ทั้งลูก, ทั้งหลาน ของคนหลายพัน หลายแสน หรือแม้แต่หลายล้าน...”


บัดนี้หลายคนได้พิสูจน์กับตัวเองแล้ว...

ส่วนคนชื่อ ทักษิณ และสมชาย หลัง 7 ตุลาคมเป็นต้นมานั้น มีชีวิตอยู่ก็ไม่ต่างกับตาย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตรงกันข้ามกับประโยคดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง...

สิ้นเชิง!


**ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อกhttp://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น