ญาติ-คนบุรีรัมย์เศร้ารับศพ "พ.ต.ท.เมธี" ภรรยาเผยสามีภูมิใจใน"พันธมิตรฯ"มาก

บุรีรัมย์ - ภรรยา-ญาติพี่น้องและชาวบุรีรัมย์เศร้ารอรับศพ "พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี" หรือ "สารวัตรจ๊าบ" วีรชนนักต่อสู้ภาคประชาชน ผู้ประสานงานและหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯภาคอีสานกลับบ้านเกิด หลังเสียชีวิตในเหตุระเบิดรถจิ๊ปเชโรกีที่หน้าที่ทำการพรรคชาติไทย เผยตั้งบำเพ็ญกุศลและจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ ที่วัดกลางพระอารามหลวง บุรีรัมย์ "ภรรยา" เผยสามีเป็นคนดีมาก เป็นที่รักของทุกคนเพราะมีนิสัยทุ่มเททำงาน-มีอุดมการณ์สูง อีกทั้งยังภาคภูมิใจมากในความเป็นพันธมิตรฯ และการได้ทำหน้าที่หัวหน้าการ์ดพร้อมเป็นครูฝึกการ์ดพันธมิตรฯ

วานนี้ (8 ต.ค.) เวลา 14.00 น.ที่สำนักงานเมธีการบัญชี ตั้งอยู่เลขที่ 1/4 - 6 ชุมชนเทศบาล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ "สารวัตรจ๊าบ" ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดบุรีรัมย์ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯภาคอีสาน และน้องเขยนายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถยนต์จิ๊ปเชโรกี ระหว่างที่รัฐบาลใช้กำลัง ตชด.ยิงแก๊สน้ำตาและระเบิดสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่บริเวณหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้นบรรยากาศเต็มไป ด้วยความโศกเศร้า

บรรดาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และประชาชน ที่ทราบข่าวการเสียชีวิต ของ พ.ต.ท.เมธี ต่างเดินทางมาที่บ้านพักดังกล่าว เพื่อแสดงความเสียใจต่อนางสาวเพ็ญพิมล ใสงาม อายุ 41 ปี ภรรยา พ.ต.ท.เมธี และครอบครัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกคนยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจต่อจากสูญเสียอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

ทั้งนี้ ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พ.ต.ท.เมธี นั้นเป็นคนที่มีอุดมการณ์และมุ่งมั่นทุ่มเท รักความเป็นธรรมและความถูกต้องเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าการ์ด (ฝ่ายรักษาความปลอดภัย) ของกลุ่มพันธมิตรฯจากภาคอีสาน ซึ่ง พ.ต.ท.เมธี ได้นำเครือข่ายพันธมิตรฯบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อร่วมชุมนุมที่อยู่เป็นประจำ พร้อมยังทำหน้าที่เป็นครู ฝึกการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมอีกด้วย

นางเพ็ญพิมล ใสงาม อายุ 41 ปี ภรรยา พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ซึ่งยังอยู่ในอาการโศกเศร้า เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า สามีเป็นคนดีมากเป็นที่รักของทุกคนเนื่องจากมีนิสัยทุ่มเททำงานและมีอุดมการณ์สูง และสามียังรู้สึกภาคภูมิใจกับการได้ทำหน้าที่หัวหน้าการ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯมาก โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่บ้านที่ จ.บุรีรัมย์ จะเดินทางไปร่วมชุมนุม รวมทั้งฝึกและนำกลุ่มการ์ดไปรักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมตลอด ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ที่มีการจัดชุมนุมหรือ เปิดเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ

ล่าสุดเดินทางจากบ้านไปเมื่อวันที่ 6 ต.ค.โดยโทรศัพท์กลับมาคุยกับตน หลังเกิดเหตุตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดสลายกลุ่มผู้ชุมนุม บอกว่า "ชาวบุรีรัมย์จะใจดำไม่ยอมไปร่วมชุมนุมเลยหรือ" พร้อมบอกให้แจ้งข่าวแก่เครือข่ายพันธมิตรฯ บุรีรัมย์เพื่อนัดรวมพลที่กรุงเทพฯ ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ประมาณ 4 โมงเย็นวันที่ 7 ต.ค.สามียังโทรศัพท์หาตนเพื่อสอบถามว่าเดินทางถึงไหนแล้ว

เมื่อเดินทางถึงกรุงเทพฯในช่วงค่ำวันเดียวกันก็ไม่สามารถติดต่อสามีได้อีกเลย จนทราบข่าวว่าผู้ที่ถูกระเบิดในรถยนต์ที่บริเวณหน้าพรรคชาติไทยนั้น อาจเป็นสามีตน ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างแน่ชัดแล้วเพราะสามีไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย โดยนายการุณ ใสงาม พี่ชาย พร้อมด้วยพี่สาวและลูกชายของ พ.ต.ท.เมธี กำลังเดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯเพื่อนำกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.บุรีรัมย์

สำหรับพิธีศพนั้นตนและญาติจะประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ กับการที่สามีภาคภูมิใจมากในความเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดกลางพระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ส่วนจะฌาปนกิจวันไหนต้องรอปรึกษากับญาติอีกครั้ง

ด้านนายวีระพล โสภา ที่ปรึกษาเครือข่ายการเมืองภาคประชาชน ซึ่งเป็นผู้ร่วมทำงานการเมืองภาคประชาชนกับ พ.ต.ท.เมธี เปิดเผยว่า ตน กับ พ.ต.ท.เมธี เริ่มทำการเมืองภาคประชาชนร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2550 ซึ่ง พ.ต.ท.เมธี เป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ และความมุ่งมั่นอย่างสูง การจากไปในครั้งนี้ตนไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่น่าจะเป็นความจงใจมากกว่า จากเหตุการณ์ที่ภาครัฐใช้ความรุนแรงในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลจะทำให้เหตุการณ์บานปลาย และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้

อนึ่ง พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ปัจจุบันอายุ 39 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ บ.โนนเจริญ ต.ตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ สมรส กับนางเพ็ญพิมล ใสงาม น้องสาวนายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ มีบุตร 3 คน เป็นชาย 1 คน อายุ 13 ปี และหญิง 2 คน อายุ 8 ขวบ และ 3 ขวบ พ.ต.ท.เมธี จบการศึกษาจากโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่น 46 (นรต.46) ตำแหน่งสุดท้าย คือ สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองบุรีรัมย์

เป็นตำรวจนายเวรให้ พล.ต.ต.ประพัฒน์ ศิริวัฒน์ อดีต ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ก่อนตัดสินใจลาออก เมื่อเดือนตุลาคมปี 2548 เพื่อมาทำการเมืองภาคประชาชนตามอุดมการณ์ของตัวเอง และร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยถือเป็นแกนนำเครือข่ายพันธมิตรฯ คนสำคัญของ จ.บุรีรัมย์