ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ลูกชายการ์ดพันธมิตรฯชุมพรร้องขอความเป็นธรรมต่อเหตุการณ์ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมจนพ่อขาขาด ย้อนถาม "ทำไมถึงทำร้ายประชาชนได้ถึงขนาดนี้" แต่ยืนยันพร้อมยืนเคียงข้างร่วมเคลื่อนไหวกับ พธม.ต่อ ขณะที่ "แม่วีรชน" สุดสะเทือนใจลูกชายถูกอาวุธตำรวจได้รับบาดเจ็บ ขณะยืนเป็นแนวหน้าชุมนุมไล่ "รัฐบาลทายทาอสูร" หน้ารัฐสภา ลั่น "แม่ภูมิใจในตัวลูก ขอให้เข้มแข็ง จะตามไปยืนแถวหน้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ" วันพฤหัสบดีนี้
นายจักรกฤษ กูลแก้ว อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/12 ถ.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร บุตรชายของนายธัญญา กูลแก้ว อายุ 45 ปี ผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาดหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมด้วยการใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าใสกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อเช้าวานนี้ (7 ต.ค.) เปิดเผยว่า นายธัญญา กูลแก้ว อายุ 45 ปี หรือที่รู้จักกันในนาม "แจ๊คชุมพร" ที่ได้รับบาดเจ็บจากการนำกำลังเข้าสลายการชุมนุมของตำรวจที่หน้ารัฐสภานั้นเป็นพ่อของตนเอง ซึ่งได้เคลื่อนไหวในนามกลุ่มพันธมิตรฯชุมพร ร่วมกับนายสุนทร รักค์รงษ์ แกนนำพันธมิตรฯ ชุมพร และผู้ประสานงานพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ มาตั้งแต่ต้นแล้วจนได้รับการยอมรับให้เป็นการ์ดของพันธมิตรฯ ชุมพร
"ต่อมาพ่อผมได้ร่วมกับแกนนำระดมพลพาสมาชิกพันธมิตรฯชุมพรไปสบทบกับพันธมิตรฯส่วนกลางที่หน้ารัฐสภา แต่พอเดินทางไปถึงก็เจอตำรวจนำกำลังเข้าสลายชุมนุมพอดี จึงทำให้ได้รับอันตราถึงขาขาด จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมและความยุติธรรมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำร้ายประชาชนถึงขนาดนี้ ในส่วนตัวแล้ว ขณะนี้ยังติดต่อกับพ่อที่บาดเจ็บขาขาดไม่ได้ ทราบเพียงว่ายังนอนสลบไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล หากพ่อต้องถูกตัดขาทิ้ง ครอบครัวจะลำบากมากเพราะพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว จึงอยากฝากถามว่าเรื่องนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตาม ครอบครัวผมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวเคียงข้างกลุ่มพันธมิตรฯต่อไป" นายจักรกฤษ กล่าว
ด้าน จ.ส.ต.ชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเองได้เดินทางไปเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาลมาแล้ว ได้สอบถามหมอทราบว่าผู้บาดเจ็บมีอาการหนักมาก และจากการที่ได้ดูบาดแผลแล้วไม่น่าจะเกิดจากกระสุนแก๊สน้ำตา สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่านายธัญญา ผู้บาดเจ็บนั้น ได้เดินทางมาอยู่กับพันธมิตรที่กรุงเทพฯ หลายวัน โดยทำหน้าที่เป็นการ์ดและ "นักรบลูกเสด็จเตี่ยชุมพร" จนเป็นที่รู้จักในกลุ่มพันธมิตร เป็นอย่างดี และเดินทางกลับไปชุมพร เพื่อระดมมวลชนเข้ามาสบทบกับกลุ่มพันธมิตรฯที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจนได้รับบาดเจ็บขาชาดดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ตนได้ประสานให้ลูกชายและภรรยาของผู้บาดเจ็บเพื่อเดินทางมาเยี่ยมดูอาการของนายธัญญา ผู้บาดเจ็บรายนี้แล้ว
'แม่วีรชน'ร่วม พธม.สุดทนลูกชายเจ็บ
วันเดียวกัน นางเรียม ทวนทอง อายุ 55 ปี ชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้เดินทางมาที่ลานประวัติศาสตร์หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ และแจ้งกับคณะทำงานพันธมิตรฯสงขลาว่า ตนได้ดูข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา และพบว่าลูกชายของตน คือ นายดุสิต แซ่อื้อ อายุ 28 ปี ซึ่งเดินทางไปร่วมชุมนุมหน้ารัฐสภาถูกระเบิดไม่ทราบชนิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ หลังทราบข่าวจึงได้ออกมาติดตามข่าวอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นห่วงลูกชายรวมทั้งพี่น้องพันธมิตรฯคนอื่นๆ
"ลูกชายเดินทางไปร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ปกติเขาจะเป็นคนที่ติดตามข่าวการเมืองมาโดยตลอด และมีจิตใจสาธารณะรักความเป็นธรรม ทนไม่ได้ที่รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความไม่เป็นธรรมและล้มเหลวมาโดยตลอด ก่อนไปก็บอกกับแม่ว่าลูกจะไปยืนแถวหน้าสุดเพื่อประท้วงรัฐบาลทรราชชุดนี้" นางเรียม กล่าว
นางเรียม กล่าวต่อว่า ครอบครัวของตนมีอาชีพประกอบการค้าขายอาหารตามสั่ง มีรายได้ไม่มากนักในแต่ละวัน แต่ก็ยังสละเวลาไปร่วมมือกันชุมนุมประท้วง แสดงความไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ และไม่เคารพการแสดงออกของประชาชน
"อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเห็นใจประชาชนบ้าง คุณเข้าไปประชุมสภาพอถูกตัดน้ำตัดไฟเปิดแอร์ไม่ได้คุณก็มาบ่นว่าร้อน มาดูประชาชนบ้างสิว่า เขามีความเป็นอยู่กันอย่างไร หรือลืมไปแล้วว่าคุณก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง คุณลืมกำพืดของคุณ และลืมประชาชนไม่เคยสนใจใยดีประชาชน" นางเรียม กล่าว
นางเรียม กล่าวอีกว่า ตนจะเดินทางไปเยี่ยมอาการลูกชายในวันที่ 8 ต.ค.นี้หลังจากไปดูอาการลูกชายแล้วก็จะไปร่วมแรงร่วมใจกับพี่น้องพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่รัฐบาลมือเปื้อนเลือดชุดนี้ด้วย
"ถ้าลูกได้ยินเสียงนี้ขอให้ลูกเข้มแข็ง แม่กำลังจะเดินทางไปและจะไปอยู่แถวหน้าสุดเหมือนที่ลูกเคยทำ แม่ภูมิใจในตัวลูกและจะไปร่วมกับพี่น้องพันธมิตรฯชุมนุมจนกว่ารัฐบาลชุดนี้จะออกไป" นางเรียม กล่าว