เอเอฟพี/รอยเตอร์ – มือระเบิดฆ่าตัวตายกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ จุดระเบิดภายในสำนักงานของพรรคฝ่ายค้านหลักในเมืองอนุราธปุระ เมืองพุทธเก่าแก่ทางภาคเหนือของศรีลังกาเมื่อวานนี้(6) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน รวมทั้งนายพลเกษียณราชการคนหนึ่ง คาดสาเหตุเกิดจากกองทัพศรีลังการุกคืบใกล้ถึงฐานที่มั่นหลักของกลุ่มกบฏทางภาคเหนือ
“กลุ่มปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลมเป็นผู้ลงมือจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน และบาดเจ็บอีกราว 80 คน” บริเกเดีย อุทัย นานายักการา โฆษกฝ่ายทหารกล่าว
แรงระเบิดทำให้พลตรีชนกา เปเรรา ซึ่งเป็นหัวหน้าสาขาพรรคยูไนเต็ด เนชั่นแนล ปาร์ตี้ (ยูเอ็นพี) เสียชีวิตพร้อมกับภรรยา ในระหว่างเข้าร่วมพิธีเปิดสำนักงานของพรรค แต่ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าการระเบิดครั้งนี้มุ่งเป้าหมายที่เขาโดยตรงใช่หรือไม่
ทั้งนี้ เปเรราเป็นนายทหารเกษียณราชการซึ่งมีชื่อเสียงจากการมีส่วนในรบชนะกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬครั้งสำคัญๆ รวมทั้งเหตุการณ์โจมตีและสังหารกลุ่มกบฏถึง 200 คนในปี 1996 โดยกองทัพสูญเสียทหารไปเพียง 1 นาย
โดยทางการแล้วพรรคยูเอ็นพีสนับสนุนการจัดการเจรจากับกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ และกล่าวว่าการที่รัฐบาลใช้แนวทางเชิงรุกอยู่ในขณะนี้เป็นไปเพื่อจุดมุ่งหมายทางการเมือง
ก่อนหน้านี้ ในยุคของนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมาสิงเห จากพรรคยูเอ็นพี ศรีลังกาและกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬได้เปิดการเจรจาสันติภาพโดยมีนอร์เวย์เป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2002 ทว่าในท้ายที่สุดข้อตกลงดังกล่าวก็ล้มไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารบกของศรีลังกาก็กล่าวว่า กองทัพจวนจะเข้าทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏในเมืองคิลินอชชิ ทางภาคเหนือได้แล้ว โดยสามารถรุกคืบเข้าไปจนอยู่ห่างจากฐานที่มั่นแห่งนั้นเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
คิลินอชชินั้นถือเป็นเมืองหลวงในทางการเมืองของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและผู้ประสานการเจรจาสันติภาพหลายครั้ง การเข้าควบคุมพื้นที่ในคิลินอชชิครั้งนี้จึงอาจเป็นการทำลายกลุ่มกบฏครั้งใหญ่ หลังจากที่พวกเขาลุกขึ้นจับอาวุธต่อต้านรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 1972 และเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพสิทธิของชนกลุ่มน้อย และต่อมาได้ขอแยกตัวเป็นรัฐอิสระในชื่ออีแลม
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านการทหารก็ได้เตือนว่ากลุ่มกบฏซึ่งมีชือเสียงในเรื่องการโจมตีแบบฆ่าตัวตาย อาจเข้าโจมตีสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างขึ้นได้เช่นกัน หากกองทัพรุกคืบขึ้นไปทางเหนือมากขึ้น
อนุราธปุระ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของศรีลังกา ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ โดยที่มีซากโบราณสถานเก่าแก่อยู่มากมาย ทว่าในปัจจุบันได้กลายเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญของฝ่ายทหาร ในการส่งกำลังบำรุงเข้าสู่เขตสู้รบทางตอนเหนือของประเทศ
“กลุ่มปลดปล่อยพยัคฆ์ทมิฬอีแลมเป็นผู้ลงมือจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 คน และบาดเจ็บอีกราว 80 คน” บริเกเดีย อุทัย นานายักการา โฆษกฝ่ายทหารกล่าว
แรงระเบิดทำให้พลตรีชนกา เปเรรา ซึ่งเป็นหัวหน้าสาขาพรรคยูไนเต็ด เนชั่นแนล ปาร์ตี้ (ยูเอ็นพี) เสียชีวิตพร้อมกับภรรยา ในระหว่างเข้าร่วมพิธีเปิดสำนักงานของพรรค แต่ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าการระเบิดครั้งนี้มุ่งเป้าหมายที่เขาโดยตรงใช่หรือไม่
ทั้งนี้ เปเรราเป็นนายทหารเกษียณราชการซึ่งมีชื่อเสียงจากการมีส่วนในรบชนะกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬครั้งสำคัญๆ รวมทั้งเหตุการณ์โจมตีและสังหารกลุ่มกบฏถึง 200 คนในปี 1996 โดยกองทัพสูญเสียทหารไปเพียง 1 นาย
โดยทางการแล้วพรรคยูเอ็นพีสนับสนุนการจัดการเจรจากับกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ และกล่าวว่าการที่รัฐบาลใช้แนวทางเชิงรุกอยู่ในขณะนี้เป็นไปเพื่อจุดมุ่งหมายทางการเมือง
ก่อนหน้านี้ ในยุคของนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมาสิงเห จากพรรคยูเอ็นพี ศรีลังกาและกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬได้เปิดการเจรจาสันติภาพโดยมีนอร์เวย์เป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2002 ทว่าในท้ายที่สุดข้อตกลงดังกล่าวก็ล้มไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารบกของศรีลังกาก็กล่าวว่า กองทัพจวนจะเข้าทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏในเมืองคิลินอชชิ ทางภาคเหนือได้แล้ว โดยสามารถรุกคืบเข้าไปจนอยู่ห่างจากฐานที่มั่นแห่งนั้นเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
คิลินอชชินั้นถือเป็นเมืองหลวงในทางการเมืองของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและผู้ประสานการเจรจาสันติภาพหลายครั้ง การเข้าควบคุมพื้นที่ในคิลินอชชิครั้งนี้จึงอาจเป็นการทำลายกลุ่มกบฏครั้งใหญ่ หลังจากที่พวกเขาลุกขึ้นจับอาวุธต่อต้านรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 1972 และเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพสิทธิของชนกลุ่มน้อย และต่อมาได้ขอแยกตัวเป็นรัฐอิสระในชื่ออีแลม
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ด้านการทหารก็ได้เตือนว่ากลุ่มกบฏซึ่งมีชือเสียงในเรื่องการโจมตีแบบฆ่าตัวตาย อาจเข้าโจมตีสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างขึ้นได้เช่นกัน หากกองทัพรุกคืบขึ้นไปทางเหนือมากขึ้น
อนุราธปุระ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของศรีลังกา ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ โดยที่มีซากโบราณสถานเก่าแก่อยู่มากมาย ทว่าในปัจจุบันได้กลายเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญของฝ่ายทหาร ในการส่งกำลังบำรุงเข้าสู่เขตสู้รบทางตอนเหนือของประเทศ
