รอยเตอร์ - ศาลสูงสุดของรัสเซียตัดสินชี้ขาดวานนี้ (1 ต.ค.) ว่าพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 รวมทั้งพระราชินีและพระโอรสพระธิดาอีก 5 พระองค์ เป็นเหยื่อของการกดขี่ในยุคโซเวียต นับเป็นชัยชนะเชิงสัญลักษณ์สำหรับพวกนิยมกษัตริย์ที่เห็นว่า คำพิพากษาคราวนี้จะช่วยตอกย้ำยุคสมัยแห่งการเปื้อนเลือดในอดีตของแดนหมีขาว
ทั้งนี้พระเจ้าซาร์พร้อมพระมเหสีและโอรสธิดา ถูกทหารกองทัพปฏิวัติบอลเชวิคประหารสิ้นพระชนม์เมื่อปี 1918 ทว่าไม่เคยทรงได้รับการยอมรับจากทางการว่า ทรงเป็นเหยื่อของยุคปฏิวัติดังกล่าว ไม่เหมือนกับกรณีประชาชนนับสิบๆ ล้านที่ต้องทนทุกข์จากการฟ้องร้องกล่าวโทษในยุคโซเวียต
เมื่อปีที่แล้ว ศาลสูงสุดยังพิพากษาว่าเนื่องจากสมาชิกพระราชวงศ์เหล่านี้ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมใดๆ จึงไม่อาจตัดสินให้สถานภาพว่าเป็นเหยื่อการกดขี่ได้
แต่ในที่สุด ศาลสูงก็ได้พิจารณาคำอุทธรณ์ของฝ่ายทายาทราชวงศ์โรมานอฟ และได้เปลี่ยนคำพิพากษา รวมทั้งยอมให้พระเจ้าซาร์และพระราชินีตลอดจนพระโอรสธิดาเหล่านี้ได้รับการกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา
ทั้งนี้พระเจ้าซาร์พร้อมพระมเหสีและโอรสธิดา ถูกทหารกองทัพปฏิวัติบอลเชวิคประหารสิ้นพระชนม์เมื่อปี 1918 ทว่าไม่เคยทรงได้รับการยอมรับจากทางการว่า ทรงเป็นเหยื่อของยุคปฏิวัติดังกล่าว ไม่เหมือนกับกรณีประชาชนนับสิบๆ ล้านที่ต้องทนทุกข์จากการฟ้องร้องกล่าวโทษในยุคโซเวียต
เมื่อปีที่แล้ว ศาลสูงสุดยังพิพากษาว่าเนื่องจากสมาชิกพระราชวงศ์เหล่านี้ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมใดๆ จึงไม่อาจตัดสินให้สถานภาพว่าเป็นเหยื่อการกดขี่ได้
แต่ในที่สุด ศาลสูงก็ได้พิจารณาคำอุทธรณ์ของฝ่ายทายาทราชวงศ์โรมานอฟ และได้เปลี่ยนคำพิพากษา รวมทั้งยอมให้พระเจ้าซาร์และพระราชินีตลอดจนพระโอรสธิดาเหล่านี้ได้รับการกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา