รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งฮวบฮาบกว่า 10 ดอลลาร์ หรือเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ระดับ 96 เหรียญต่อบาร์เรลเมื่อวันจันทร์ (29) ก่อนจะมีแรงดีดกลับขึ้นมา 1 เหรียญกว่าในวันอังคาร (30) ภายหลังจากสมาชิกสภาสหรัฐฯ ลงมติล้มแผนกอบกู้ภาคเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ของคณะรัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช
เมื่อวันจันทร์ (29) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ฉบับส่งมอบเดือนพฤศจิกายนร่วงลงมา 10.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายระหว่างวัน ดิ่งลงมาอยู่ที่ 95.04 เหรียญ ซึ่งถือเป็นราคาที่ทรุดลงครั้งใหญ่ที่สุดเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2003 ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เพื่อการส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลงไป 9.56 ดอลลาร์ อยู่ที่ 93.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมาระหว่างการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันอังคาร(30) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดมีแรงดีดกลับขึ้นมา 1.10 ดอลลาร์ ขึ้นสู่ระดับ 97.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 10.15 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 17.15 น. เมืองไทย) ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนก็พุ่งขึ้น 1.42 ดอลลาร์ อยู่ที่ 95.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันจันทร์ (29) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ ฉบับส่งมอบเดือนพฤศจิกายนร่วงลงมา 10.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายระหว่างวัน ดิ่งลงมาอยู่ที่ 95.04 เหรียญ ซึ่งถือเป็นราคาที่ทรุดลงครั้งใหญ่ที่สุดเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2003 ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เพื่อการส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลงไป 9.56 ดอลลาร์ อยู่ที่ 93.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมาระหว่างการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันอังคาร(30) สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดมีแรงดีดกลับขึ้นมา 1.10 ดอลลาร์ ขึ้นสู่ระดับ 97.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 10.15 น.จีเอ็มที (ตรงกับ 17.15 น. เมืองไทย) ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอนก็พุ่งขึ้น 1.42 ดอลลาร์ อยู่ที่ 95.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล