เอเอฟพี - นายใหญ่ไอเอ็มเอฟเรียกร้องทั่วนานาชาติร่วมกันคุมเข้มตลาดการเงิน ภายหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เล่นงานเศรษฐกิจโลก
โดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่ากองทุนฯ พร้อมดำเนินมาตรการที่จำเป็นหากได้รับมอบหมาย และว่าขณะนี้โลกกำลังเผชิญ 'ภาวะอนาธิปไตย' เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1944 และเป็นจุดเริ่มต้นการก่อตั้งไอเอ็มเอฟภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สเตราส์-คาห์นซึ่งเคยดำรงตำแหน่งขุนคลังแดนน้ำหอมด้วยกล่าวว่า โลกต้องการสถาบันที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับประกันมาตรฐานระบบการเงิน และว่าภายหลังจากการจัดการกับวิกฤตเฉพาะหน้า นานาประเทศควรหาข้อสรุปที่จำเป็นจากสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องควบคุมสถาบันและตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด โดยมาตรการปฏิรูปมีความสำคัญจำเป็นต่อการรับประกันอนาคตของเศรษฐกิจโลก
"หากเรายังนิ่งเฉย โลกอาจต้องเผชิญหลุมพรางที่ลึกไม่มีที่สิ้นสุด นั่นคือ การที่ทางการต้องคอยช่วยเหลือพวกผู้จัดการไร้ความสามารถและนักเก็งกำไรโลภมาก"
สเตราส์-คาห์นสำทับว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะต้องเผชิญภาวะชะลอตัวรุนแรงและเรื้อรัง นอกจากนั้น ยุโรปและประเทศกำลังพัฒนาจะประสบปัญหาหนักจากต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้น
"แต่เศรษฐกิจที่แท้จริงจะไม่ถึงขั้นพังทลาย ค่าเงินไม่ทรุดลง ธนาคารกลางสามารถจัดการกับวิกฤตการเงินได้" เขาพยายามมองในแง่ดี
กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟเห็นด้วยกับแผนฟื้นระบบการเงินสหรัฐฯ ของรัฐมนตรีคลังแฮงก์ พอลสัน แต่ตั้งข้อสังเกตว่านั่นควรเป็นก้าวแรกของการเคลื่อนไหวทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งต้องคำนึงถึงบริบทที่กว้างขึ้น
สัปดาห์ที่แล้ว พอลสัน และเบน เบอร์นันกีประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เสนอแผนการที่ให้กระทรวงคลังใช้เงิน 700,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสินทรัพย์เน่าเสียที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย จากพวกสถาบันการเงินที่มีปัญหา โดยแผนการนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาอเมริกัน
โดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่ากองทุนฯ พร้อมดำเนินมาตรการที่จำเป็นหากได้รับมอบหมาย และว่าขณะนี้โลกกำลังเผชิญ 'ภาวะอนาธิปไตย' เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1944 และเป็นจุดเริ่มต้นการก่อตั้งไอเอ็มเอฟภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สเตราส์-คาห์นซึ่งเคยดำรงตำแหน่งขุนคลังแดนน้ำหอมด้วยกล่าวว่า โลกต้องการสถาบันที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับประกันมาตรฐานระบบการเงิน และว่าภายหลังจากการจัดการกับวิกฤตเฉพาะหน้า นานาประเทศควรหาข้อสรุปที่จำเป็นจากสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องควบคุมสถาบันและตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด โดยมาตรการปฏิรูปมีความสำคัญจำเป็นต่อการรับประกันอนาคตของเศรษฐกิจโลก
"หากเรายังนิ่งเฉย โลกอาจต้องเผชิญหลุมพรางที่ลึกไม่มีที่สิ้นสุด นั่นคือ การที่ทางการต้องคอยช่วยเหลือพวกผู้จัดการไร้ความสามารถและนักเก็งกำไรโลภมาก"
สเตราส์-คาห์นสำทับว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะต้องเผชิญภาวะชะลอตัวรุนแรงและเรื้อรัง นอกจากนั้น ยุโรปและประเทศกำลังพัฒนาจะประสบปัญหาหนักจากต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้น
"แต่เศรษฐกิจที่แท้จริงจะไม่ถึงขั้นพังทลาย ค่าเงินไม่ทรุดลง ธนาคารกลางสามารถจัดการกับวิกฤตการเงินได้" เขาพยายามมองในแง่ดี
กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟเห็นด้วยกับแผนฟื้นระบบการเงินสหรัฐฯ ของรัฐมนตรีคลังแฮงก์ พอลสัน แต่ตั้งข้อสังเกตว่านั่นควรเป็นก้าวแรกของการเคลื่อนไหวทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งต้องคำนึงถึงบริบทที่กว้างขึ้น
สัปดาห์ที่แล้ว พอลสัน และเบน เบอร์นันกีประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เสนอแผนการที่ให้กระทรวงคลังใช้เงิน 700,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสินทรัพย์เน่าเสียที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย จากพวกสถาบันการเงินที่มีปัญหา โดยแผนการนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาอเมริกัน