“รสนา” ตราหน้า “ปรีชา” รัฐมนตรีสีดำ พัวพันทุจริตยาสธ.ชัดเจน จวก “สมชาย” ไม่ใช้วิจารณญาณเลือกคนดีมีความสามารถทำงาน สงสัยมาตามโควตาหรือไม่ แพทย์ชนบทเซ็ง "เป็ดเหลิม" ไปที่ไหนก็สร้างความวุ่นวายทุกที่ เสียเวลา ไม่มีรัฐมนตรียังดีกว่า ชี้ตัวเร่งรัฐบาลพังไว
นางรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา ( ส.ว. ) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้ทำการตรวจสอบการคอรัปชั่นเรื่องการทุจริตยาและเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขจนกระทั่งนายรักเกียรติ สุขธนะรมว.สาธารณสุขต้องโทษจำคุก 15 ปีตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเนื่องจากการรับสินบน 5 ล้านบาทจากบริษัทยา กล่าวถึงกรณีที่โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายสมชาย 1 จัดสรรให้นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.พรรคพลังประชาชน จังหวัดเลย มานั่งตำแหน่งรมช.มหาดไทย ซึ่งมีความเกี่ยวกันกับกรณีทุจริตจัดซื้อยา และเวชภัณฑ์ เนื่องจากในขณะนั้นทำหน้าที่เป็นเลขนุการ นายรักเกียรติ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดว่า นายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและตุลาการควรที่จะมีการตรวจสอบผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศโดยใช้วิจารณญาณไม่ใช่เลือกใครก็ได้มาอยู่ร่วมในคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่ควรเลือกผู้ที่มีประวัติที่ประชาชนตั้งข้อสงสัย
ทั้งนี้ กรณีของนายปรีชา คณะกรรมการชุดของนายธงทอง จันทรางศุ ได้ชี้มูลว่ามีความผิดจริง แม้จะยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูลแต่ก็ถือว่ารัฐมนตรีรายนี้มีรอยด่างพร้อมที่ไม่สมควรอยู่ในครม.ชุดนี้
“หากนายสมชายไม่ได้เลือกผู้มาเป็นรัฐมนตรีตามโควตาก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบกว่านี้ คนที่เอาเข้ามาในรัฐบาลอาจทำให้รัฐบาลชุดใหม่ขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่ก็เป็นไปได้ว่าครม.อาจไม่แคร์ เพราะตั้งใจจะอยู่แค่เดือนหรือ 2 เดือนหรือไม่ จึงไม่สนใจคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี อีกทั้งประเทศไทยคงไม่ไร้เท่าใบพุทราที่จะไม่มีคนดีมีความสามารถมาทำงาน”นางรสนากล่าว
นางรสนา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2547-2548 ตนได้เข้าแจ้งกองปราบปรามเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ดำเนินการฟ้องคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตยา 4 ราย ที่คณะกรรมการชุดของนายธงทอง จันทรางศุ ชี้มูล ซึ่ง 1 ในนั้น มีชื่อนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุขอยู่ด้วย ซึ่งจนกระทั่งบัดนี้เรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
“ดังนั้น นายปรีชา ไม่ใช่แค่รัฐมนตรีสีเทา แต่เป็นรัฐมนตรีสีดำ แม้ว่าในเชิงกฎหมายจะยังไม่มีการตัดสินความผิด แต่แท้จริงแล้วข้อมูลหลักฐานชี้ชัดว่ามีส่วนพัวพันและมีความผิดอย่างแน่นอนแต่ไม่มีใครทำอะไร คุณหญิงสุดารัตน์ที่เป็นรมว.สาธารณสุข ป.ป.ช.หรือแม้แต่ตำรวจไม่มีใครดำเนินการเอาผิดใดๆกระบวนการกลไกหยุดนิ่งหมด”นางรสนากล่าว
นางรสนา กล่าวด้วยว่า นักการเมืองทุกวันนี้ ไม่เคยมีจริยธรรม หรือมารยาททางการเมือง ยุคนี้หากคำสั่งศาลตัดสินก็ไม่ยอมรับความผิด ทั้งๆ ที่ผู้ที่มาบริหารประเทศควรจะมีจริยธรรมสูงกว่าบุคคลเท่าไปด้วยซ้ำ แต่สังคมไทยไม่เคยมองตรงจุดนี้
ขณะที่ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ผอ.โรงพยาบาลหลังสวน จ.ชุมพร ที่ปรึกษาชมรมแพทย์ชนบท และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบทในสมัยนายรักเกียรติ สุทธนะ เป็นรมว.สธ.และเกิดกรณีการทุจริตยา กล่าวว่า นายปรีชา ถือเป็นคนสนิทเป็นเลขานุการนายรักเกียรติ ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่ามีส่วนพัวพันกับการทุจริตและมีความผิดแน่นอน แต่สาวไม่ถึงตัวของนายปรีชา อย่างไรก็ตามการกลับมาเป็นรมช.มหาดไทย ถือว่าไม่มีความสง่างาม และไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากมีประวัติที่ไม่ดี จึงควรที่จะมีการพิจารณาตนเอง
“รัฐบาลชุดนี้คาดว่าจะมีอายุสั้นจึงไม่น่าจะเข้าไปทุจริตถึงขนาดเป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตามขอฝากไว้ว่า แม้เรื่องจากผ่านมาเกือบ 10 ปี แต่คนสาธารณสุขก็ไม่ลบลืมง่ายๆ ทุกคนจำได้หมด การเมืองทุกวันนี้ไม่สามารถสร้างความหวังให้กับประชาชนได้อยู่แล้ว ขอให้อยู่ให้ดี ถ้าประชาชนทนไม่ไหวก็จะลุกขึ้นมาขับไล่ทั้งหมด”นพ.ยงยศกล่าว
นพ.ยงยศ กล่าวถึงร.ต.อ.นายเฉลิม อยู่บำรุง ที่จะมาเป็นรมว.สาธารณสุขด้วยว่า การให้ร.ต.อ.เฉลิม มาเป็นรมว.สาธารณสุข ถือเป็นความล้มเหลว เนื่องจากที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิมได้ทำให้ทุกคนประจักษ์แล้วว่า หากรัฐบาลใดให้ร.ต.อ.เฉลิมเข้าร่วม รัฐบาลนั้นเจ๊งทุกรัฐบาล เพราะร.ต.อ.เฉลิม เป็นตัวเร่งที่ทำให้รัฐบาลพัง จึงไม่ได้คาดหวังในตัวรัฐมนตรีคนนี้
“รู้สึกเป็นการเสียเวลาที่ร.ต.อ.เฉลิม มาเป็นรมว.สาธารณสุขเพราะคงไม่ได้ทำอะไรให้มีประโยชน์ มาก็มา ไปก็ไป สู้ไม่มีรัฐมนตรียังจะดีเสียกว่า เชื่อว่า การมาครั้งนี้ก็อาจจะสร้างความวุ่นวายในกระทรวงด้วยความไม่รู้เรื่องสาธารณสุข ไม่เข้าใจระบบงาน เหมือนที่เข้าไปที่ไหนก็ยุ่งที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือ มหาดไทย”นพ.ยงยศกล่าว
ขณะที่น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิผู้บริโภค กล่าวว่า ผิวหวังที่ได้เห็นโฉมหน้าครม.เป็นแบบนี้ มีทั้งที่ชอบละเมิดผู้บริโภค และบางคนเกี่ยวกับกับการทุจริตสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นหัวประชาชน ไม่สนใจความรู้สึกของประชาชนท่ามกลางภาวะวิกฤตทางการเมือง ทั้งที่ควรจะฟื้นฟูความเชื่อถือ เชื่อมั่นให้มีมากขึ้นและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของประชาชนให้มากแต่ก็ไม่ทำ
“รู้สึกถึงความตีบตันของบ้านเมืองน่าผิดหวังจริงๆ ที่การเมืองในระบบคิดกันได้แค่นี้ การมีอำนาจแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ สักวันอำนาจก็จะเสื่อม”น.ส.สารีกล่าว
อนึ่ง มีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หน้า 30 ระบุไว้ว่า “...นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข สมัยดำรงตำแหน่งเลขานุการ นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีหลักฐานว่าได้ไปรับเงินที่จังหวัดอุดรธานีจากผู้เกี่ยวข้องในขบวนการทุจริต และจากกรมการแพทย์ ซึ่งซื้อยาผ่านองค์การเภสัชกรรมแล้วหักเปอร์เซ็นต์มาให้ โดยมอบผ่านนายปรีชา นำมาฝากกับ นายจิรายุ จรัสเสถียร เพื่อมอบให้ นายรักเกียรติ สุขธนะ..."
นางรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา ( ส.ว. ) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้ทำการตรวจสอบการคอรัปชั่นเรื่องการทุจริตยาและเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขจนกระทั่งนายรักเกียรติ สุขธนะรมว.สาธารณสุขต้องโทษจำคุก 15 ปีตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเนื่องจากการรับสินบน 5 ล้านบาทจากบริษัทยา กล่าวถึงกรณีที่โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายสมชาย 1 จัดสรรให้นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.พรรคพลังประชาชน จังหวัดเลย มานั่งตำแหน่งรมช.มหาดไทย ซึ่งมีความเกี่ยวกันกับกรณีทุจริตจัดซื้อยา และเวชภัณฑ์ เนื่องจากในขณะนั้นทำหน้าที่เป็นเลขนุการ นายรักเกียรติ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดว่า นายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและตุลาการควรที่จะมีการตรวจสอบผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศโดยใช้วิจารณญาณไม่ใช่เลือกใครก็ได้มาอยู่ร่วมในคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่ควรเลือกผู้ที่มีประวัติที่ประชาชนตั้งข้อสงสัย
ทั้งนี้ กรณีของนายปรีชา คณะกรรมการชุดของนายธงทอง จันทรางศุ ได้ชี้มูลว่ามีความผิดจริง แม้จะยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูลแต่ก็ถือว่ารัฐมนตรีรายนี้มีรอยด่างพร้อมที่ไม่สมควรอยู่ในครม.ชุดนี้
“หากนายสมชายไม่ได้เลือกผู้มาเป็นรัฐมนตรีตามโควตาก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบกว่านี้ คนที่เอาเข้ามาในรัฐบาลอาจทำให้รัฐบาลชุดใหม่ขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่ก็เป็นไปได้ว่าครม.อาจไม่แคร์ เพราะตั้งใจจะอยู่แค่เดือนหรือ 2 เดือนหรือไม่ จึงไม่สนใจคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี อีกทั้งประเทศไทยคงไม่ไร้เท่าใบพุทราที่จะไม่มีคนดีมีความสามารถมาทำงาน”นางรสนากล่าว
นางรสนา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อประมาณปี 2547-2548 ตนได้เข้าแจ้งกองปราบปรามเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้น ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่ดำเนินการฟ้องคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตยา 4 ราย ที่คณะกรรมการชุดของนายธงทอง จันทรางศุ ชี้มูล ซึ่ง 1 ในนั้น มีชื่อนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุขอยู่ด้วย ซึ่งจนกระทั่งบัดนี้เรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
“ดังนั้น นายปรีชา ไม่ใช่แค่รัฐมนตรีสีเทา แต่เป็นรัฐมนตรีสีดำ แม้ว่าในเชิงกฎหมายจะยังไม่มีการตัดสินความผิด แต่แท้จริงแล้วข้อมูลหลักฐานชี้ชัดว่ามีส่วนพัวพันและมีความผิดอย่างแน่นอนแต่ไม่มีใครทำอะไร คุณหญิงสุดารัตน์ที่เป็นรมว.สาธารณสุข ป.ป.ช.หรือแม้แต่ตำรวจไม่มีใครดำเนินการเอาผิดใดๆกระบวนการกลไกหยุดนิ่งหมด”นางรสนากล่าว
นางรสนา กล่าวด้วยว่า นักการเมืองทุกวันนี้ ไม่เคยมีจริยธรรม หรือมารยาททางการเมือง ยุคนี้หากคำสั่งศาลตัดสินก็ไม่ยอมรับความผิด ทั้งๆ ที่ผู้ที่มาบริหารประเทศควรจะมีจริยธรรมสูงกว่าบุคคลเท่าไปด้วยซ้ำ แต่สังคมไทยไม่เคยมองตรงจุดนี้
ขณะที่ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ผอ.โรงพยาบาลหลังสวน จ.ชุมพร ที่ปรึกษาชมรมแพทย์ชนบท และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบทในสมัยนายรักเกียรติ สุทธนะ เป็นรมว.สธ.และเกิดกรณีการทุจริตยา กล่าวว่า นายปรีชา ถือเป็นคนสนิทเป็นเลขานุการนายรักเกียรติ ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่ามีส่วนพัวพันกับการทุจริตและมีความผิดแน่นอน แต่สาวไม่ถึงตัวของนายปรีชา อย่างไรก็ตามการกลับมาเป็นรมช.มหาดไทย ถือว่าไม่มีความสง่างาม และไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากมีประวัติที่ไม่ดี จึงควรที่จะมีการพิจารณาตนเอง
“รัฐบาลชุดนี้คาดว่าจะมีอายุสั้นจึงไม่น่าจะเข้าไปทุจริตถึงขนาดเป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตามขอฝากไว้ว่า แม้เรื่องจากผ่านมาเกือบ 10 ปี แต่คนสาธารณสุขก็ไม่ลบลืมง่ายๆ ทุกคนจำได้หมด การเมืองทุกวันนี้ไม่สามารถสร้างความหวังให้กับประชาชนได้อยู่แล้ว ขอให้อยู่ให้ดี ถ้าประชาชนทนไม่ไหวก็จะลุกขึ้นมาขับไล่ทั้งหมด”นพ.ยงยศกล่าว
นพ.ยงยศ กล่าวถึงร.ต.อ.นายเฉลิม อยู่บำรุง ที่จะมาเป็นรมว.สาธารณสุขด้วยว่า การให้ร.ต.อ.เฉลิม มาเป็นรมว.สาธารณสุข ถือเป็นความล้มเหลว เนื่องจากที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิมได้ทำให้ทุกคนประจักษ์แล้วว่า หากรัฐบาลใดให้ร.ต.อ.เฉลิมเข้าร่วม รัฐบาลนั้นเจ๊งทุกรัฐบาล เพราะร.ต.อ.เฉลิม เป็นตัวเร่งที่ทำให้รัฐบาลพัง จึงไม่ได้คาดหวังในตัวรัฐมนตรีคนนี้
“รู้สึกเป็นการเสียเวลาที่ร.ต.อ.เฉลิม มาเป็นรมว.สาธารณสุขเพราะคงไม่ได้ทำอะไรให้มีประโยชน์ มาก็มา ไปก็ไป สู้ไม่มีรัฐมนตรียังจะดีเสียกว่า เชื่อว่า การมาครั้งนี้ก็อาจจะสร้างความวุ่นวายในกระทรวงด้วยความไม่รู้เรื่องสาธารณสุข ไม่เข้าใจระบบงาน เหมือนที่เข้าไปที่ไหนก็ยุ่งที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือ มหาดไทย”นพ.ยงยศกล่าว
ขณะที่น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิผู้บริโภค กล่าวว่า ผิวหวังที่ได้เห็นโฉมหน้าครม.เป็นแบบนี้ มีทั้งที่ชอบละเมิดผู้บริโภค และบางคนเกี่ยวกับกับการทุจริตสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นหัวประชาชน ไม่สนใจความรู้สึกของประชาชนท่ามกลางภาวะวิกฤตทางการเมือง ทั้งที่ควรจะฟื้นฟูความเชื่อถือ เชื่อมั่นให้มีมากขึ้นและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของประชาชนให้มากแต่ก็ไม่ทำ
“รู้สึกถึงความตีบตันของบ้านเมืองน่าผิดหวังจริงๆ ที่การเมืองในระบบคิดกันได้แค่นี้ การมีอำนาจแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ สักวันอำนาจก็จะเสื่อม”น.ส.สารีกล่าว
อนึ่ง มีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หน้า 30 ระบุไว้ว่า “...นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข สมัยดำรงตำแหน่งเลขานุการ นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีหลักฐานว่าได้ไปรับเงินที่จังหวัดอุดรธานีจากผู้เกี่ยวข้องในขบวนการทุจริต และจากกรมการแพทย์ ซึ่งซื้อยาผ่านองค์การเภสัชกรรมแล้วหักเปอร์เซ็นต์มาให้ โดยมอบผ่านนายปรีชา นำมาฝากกับ นายจิรายุ จรัสเสถียร เพื่อมอบให้ นายรักเกียรติ สุขธนะ..."