xs
xsm
sm
md
lg

รสนิยมกับวัฒนธรรม

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

วันหนึ่งผมกับครอบครัวออกไปทานอาหารเย็นนอกบ้านแถวๆ ศูนย์การค้าใหญ่แห่งหนึ่ง ปรากฏว่ารถติดมาก และมีวัยรุ่นนับร้อยวิ่งแล้วส่งเสียงเอะอะเหมือนคนบ้าคลั่ง เราจึงตัดสินใจไปที่อื่น มีคนบอกว่าวัยรุ่นตามมาดูดาราเกาหลี จะเป็นนักร้องหรือนักแสดงก็ไม่ทราบ

เห็นพฤติกรรมของวัยรุ่นแล้วก็นึกถึงอนาคตของชาติไทยเวลานี้ “แบบอย่าง” หรือวีรบุรุษ-วีรสตรีของคนยุคนี้มักจะเป็นพวกดาราญี่ปุ่นบ้าง เกาหลีบ้าง นับว่าสองประเทศนี้มีอิทธิพลต่อคนรุ่นหนุ่มสาวของเรามาก เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เพื่อนชาวเกาหลีพานักวิชาการ และนักธุรกิจเกาหลีมาคุยกับนักวิชาการไทยเพื่อหาลู่ทางลงทุน เวลานี้เกาหลีก้าวไปไกลยิ่งกว่าการมาทำธุรกิจ แต่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมด้วย คนเกาหลีเองก็เข้ามาเที่ยวประเทศไทยแยะ โดยเฉพาะพวกนักกอล์ฟทำให้สนามกอล์ฟที่เงียบเหงาหลายสนามกลับมาคึกคักใหม่ บางสนามถึงกับให้เกาหลีเหมาเป็นปีไปเลย

สังคมไทยเราเป็นสังคมเปิด เราเป็นสังคมที่รับวัฒนธรรมจากภายนอกง่ายมาก สมัยก่อนก็จากอินเดียและจีน แต่การรับอารยธรรมและวัฒนธรรมจากสองแหล่งนี้ต่างกันตรงที่อารยธรรมอินเดียมีอิทธิพลในหมู่ชนชั้นสูง ส่วนอารยธรรมจีนมีอิทธิพลในหมู่คนชั้นล่าง เรื่องภาษาก็ดี การกินอยู่ก็ดี เรารับมาจากทั้งจีนและอินเดีย จนผสมกลมกลืนกลายเป็นวัฒนธรรมไทยไปแล้ว และเป็นวัฒนธรรมผสมที่เป็นพื้นฐานหลัก เมื่อไทยเผชิญกับอารยธรรมตะวันตก

ดังนั้น ทางด้านสังคม เรารับจากจีนและอินเดีย แต่ด้านการเมืองการปกครอง และการจัดการซึ่งแต่เดิมโครงสร้างสถาบันและพิธีกรรมต่างๆ เป็นของอินเดีย เมื่อเราเปิดประเทศรับอารยธรรมตะวันตก โครงสร้างทางการเมืองการปกครองก็เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นแบบตะวันตก แต่จิตใจ ค่านิยมของเรายังเป็นผลมาจากอิทธิพลของอินเดียอยู่

ถ้าจะเอาวัยรุ่นเป็นตัวชี้วัดแล้ว ก็จะเห็นว่าวัยรุ่นยุค 40-50 ปีที่แล้ว จะนิยมการแต่งกายแบบฝรั่ง ร้องเพลงฝรั่ง แต่ก็ไม่ถึงกับกินอาหารฝรั่งอย่างมากมาย หากจะกินก็กินอาหารฝรั่งชั้นเลวๆ ที่ฝรั่งเอาเศษเนื้อมากินกับขนมปังมากกว่า ผิดกับการแพร่หลายของอาหารญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่นิยมของวัยรุ่นมาก แต่ก่อนก๋วยเตี๋ยว-บะหมี่จะเป็นที่ชื่นชอบของคนไทย เวลานี้คนรุ่นใหม่มักจะชอบกิน “ราเม็ง” อาหารไทยแท้แต่โบราณไม่เป็นที่นิยม

สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดเห็นจะเป็นรสนิยมด้านเพลง แต่ก่อนวัยรุ่นจะนิยมเพลงสากล เดี๋ยวนี้เพลงไทยสมัยใหม่ทำนองคล้ายๆ กับการออกเสียงในการร้องก็ผิดแผกแตกต่างออกไป ความหมายก็ไม่ลึกซึ้งอะไร ต่างไปจากการแต่งเพลงยุคก่อนที่มีการเปรียบเปรย และมีความงดงามทางภาษา ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ต้องบอกว่ารสนิยมของวัยรุ่นสมัยนี้ตกต่ำลงไปกว่าแต่ก่อนเป็นอันมาก

ค่านิยมที่เปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องความงามของสตรี และความหล่อของบุรุษ คนหน้าตี๋หน้าหมวย คนผอมแห้งกลายเป็นคนที่สวยในสายตาของวัยรุ่นยุคนี้ คือ ประเภท “ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ นมเล็ก ดัดฟัน” จะฮิตกว่าคนดำขำ หน้าตาไทยๆ (แบบเพชรา) และอวบอั๋น ความ “อึ๋ม” สมัยนี้ก็ไม่ใช่ความอวบอัดอีกต่อไปแล้ว

การที่วัยรุ่นมีรสนิยมที่เปลี่ยนไปนี้ มีผลอะไรหรือไม่ ผมคิดว่าเราต้องแยกแยะระหว่าง “รสนิยม” ที่เป็นเรื่องชั่วคราวเปลี่ยนไปได้ง่ายกับ “วัฒนธรรม” ซึ่งลึกมากกว่านั้น และมีผลระยะยาว มีความยั่งยืน ผมเห็นว่า วัฒนธรรมไทยที่เป็นหลักๆ เช่น ความกตัญญู การอ่อนน้อม ความสงบเสงี่ยม การมีน้ำใจ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่รสนิยม (taste) เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพลจากการโฆษณา รสนิยมที่เปลี่ยนไปนี้มีผลทางด้านธุรกิจ แต่ไม่มีผลทางวัฒนธรรม ดังนั้นการนิยมอาหารญี่ปุ่นก็ดี ดาราเกาหลีก็ดี ไม่ได้หมายความว่าวัยรุ่นไทยจะกลายเป็นเด็กเกาหลีไป

จะว่าไปแล้ว การแพร่กระจายของรสนิยมนี้ก็เป็นผลจากการสื่อสารคมนาคมที่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสโลกาภิวัตน์นั่นเอง ญี่ปุ่นกับเกาหลีสนใจที่จะยกระดับชีวิตขึ้นเป็นสากลมากขึ้น แล้วก็มีมวยไทย หากพิจารณาให้ดีแล้วก็จะเห็นว่า ทั้งอาหารไทยและมวยไทยต่างเป็นของดั้งเดิม

โลกสมัยนี้เป็นโลกแห่งการผสมผสาน เรามีทางเลือกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร คนที่จะมีชีวิตอย่างเป็นสุขได้จึงต้องรู้จักเลือก การที่จะเลือกเป็นก็ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจสิ่งที่จะเลือกอย่างลึกซึ้ง ผมเชื่อว่าคนเราสามารถเลือกชีวิตของตนเองได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ท้ายที่สุดตัวเราเองก็คือ ผู้ตัดสินใจเลือกขั้นสุดท้าย

ผมจึงไม่เป็นห่วงเท่าไรที่เห็นวัยรุ่นคลั่งไคล้ดารา ไม่ว่าจะเป็นดาราไทยหรือเทศ ข้อสำคัญก็คือ ขอให้เรา (ครอบครัวและโรงเรียน) สั่งสอนอบรมบ่มนิสัยให้เด็กๆ เป็นคนมีจิตใจเมตตา อ่อนโยน อ่อนน้อม มีความเคารพผู้ใหญ่ พูดจาสุภาพเรียบร้อย (เวลานี้ได้ข่าวว่าในหมู่ผู้หญิงก็พูดมึงกูกันแล้ว ซึ่งแต่ก่อนไม่มีเลย)

สำหรับแบบอย่างนั้น ใครก็ตามที่เป็นบุคคลสาธารณะก็จะต้องคำนึงว่าตัวเป็นผู้ซึ่งอยู่ในสายตาของคนทั่วไปเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น