รอยเตอร์ - ตำรวจอิสราเอลแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (7) ว่า ได้เสนอขอให้ตั้งข้อหาคดีอาญาต่อนายกรัฐมนตรีเอฮุด โอลเมิร์ต โดยระบุความเห็นเช่นนี้เอาไว้ในหนังสือเสนอแนะซึ่งส่งไปถึงกรมอัยการ เกี่ยวกับคดีการทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาว ที่กำลังผลักดันให้โอลเมิร์ตต้องออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่อยู่ในระหว่างการเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ามีหลักฐานบ่งชี้ว่า โอลเมิร์ตรับเงินจากนักธุรกิจชาวสหรัฐฯ ผู้หนึ่งโดยผิดกฎหมาย และเคยเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางซ้ำซ้อนในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเยรูซาเล็ม และระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม ถึงแม้ตลอดระยะเวลาที่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง นายกรัฐมนตรีอิสราเอลผู้นี้ปฏิเสธโดยตลอดว่าไม่ได้กระทำผิดใดๆ
คำแถลงของตำรวจบอกว่า หนังสือที่ส่งถึงกรมอัยการ ได้เสนอแนะให้ตั้งข้อกล่าวหาหลายข้อหา คือ ติดสินบน ฉ้อโกง ฟอกเงิน และทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อกองทุนต่างๆ ซึ่ง “มีมูลค่าถึงหลายแสนดอลลาร์”
โอลเมิร์ตรับปากแล้วว่าจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่พรรคคาดิมาของเขาจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 17 กันยายนนี้ ขณะที่หนังสือเสนอแนะของตำรวจฉบับนี้ก็จะไม่มีผลใดๆ ทันทีต่อหน้าที่การงานของเขา อีกทั้งตามกฎหมายแล้ว อธิบดีกรมอัยการไม่มีข้อผูกพันว่าจะต้องทำตามสิ่งที่ฝ่ายตำรวจแนะนำเสมอไป
ทนายความของโอลเมิร์ตกล่าวเย้ยว่า สำนวนการสอบสวนของตำรวจนั้น “ไร้ความหมาย” เพราะมีเพียงอธิบดีกรมอัยการคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะส่งฟ้องนายกรัฐมนตรีหรือไม่
“เราจะรอการตัดสินใจของอธิบดีกรมอัยการอย่างอดทน และเรามีความเห็นตรงข้ามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวคือ เราไม่มีข้อข้องใจใดๆ เลยว่าอธิบดีฯ นั้นตระหนักเป็นอย่างดีถึงหน้าที่ที่เขารับผิดชอบอยู่” ทนายความระบุในแถลงการณ์
**คดีความของโอลเมิร์ต**
คดีหนึ่งที่โอลเมิร์ตต้องเผชิญก็คือ คดีที่มอร์ริส ทาลานสกี นักระดมทุนชาวนิวยอร์ก ได้ให้การต่อศาลอิสราเอลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เขาได้ให้เงินสดจำนวน 150,000 ดอลลาร์แก่โอลเมิร์ตในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา
ในคำแถลงของตำรวจระบุว่า “จากการสอบสวนพบว่าทาลานสกีได้โอนเงินให้กับโอลเมิร์ตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งอย่างน้อยก็เริ่มตั้งแต่ปี 1997 โดยเป็นวงเงินจำนวนสูง และมีการโอนด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นเงินสดและที่เป็นการโอนให้โดยผิดกฎหมาย อีกทั้งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวโอลเมิร์ตยังได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่สนับสนุนธุรกิจของทาลานสกีด้วย
ส่วนคดีที่สองนั้นเป็นข้อกล่าวหาว่าโอลเมิร์ตส่งใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศซ้ำซ้อน และนำเงินส่วนเกินไปใช้ในการเดินทางส่วนตัวของตนและครอบครัว
ตามกฎหมายของอิสราเอล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการ โดยที่ทางอัยการก็จะจัดทำคำวินิจฉัยทางกฎหมายของตนเองด้วย แล้วจึงส่งให้กับเมนาเคม มาซุส อธิบดีกรมอัยการต่อไป อธิบดีกรมอัยการจะเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจตัดสินใจว่าจะฟ้องคดีกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ด้านกรมอัยการกล่าวว่ามาซุสคงจะใช้เวลาอีกอย่างน้อยหลายสัปดาห์ในการตัดสินใจเรื่องนี้ ทั้งนี้ มาซุสเคยยกคำร้องตามสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งข้อกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วในอดีต ส่วนโอลเมิร์ตนั้นก็ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่กำลังจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่ามีหลักฐานบ่งชี้ว่า โอลเมิร์ตรับเงินจากนักธุรกิจชาวสหรัฐฯ ผู้หนึ่งโดยผิดกฎหมาย และเคยเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางซ้ำซ้อนในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเยรูซาเล็ม และระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม ถึงแม้ตลอดระยะเวลาที่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง นายกรัฐมนตรีอิสราเอลผู้นี้ปฏิเสธโดยตลอดว่าไม่ได้กระทำผิดใดๆ
คำแถลงของตำรวจบอกว่า หนังสือที่ส่งถึงกรมอัยการ ได้เสนอแนะให้ตั้งข้อกล่าวหาหลายข้อหา คือ ติดสินบน ฉ้อโกง ฟอกเงิน และทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อกองทุนต่างๆ ซึ่ง “มีมูลค่าถึงหลายแสนดอลลาร์”
โอลเมิร์ตรับปากแล้วว่าจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่พรรคคาดิมาของเขาจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 17 กันยายนนี้ ขณะที่หนังสือเสนอแนะของตำรวจฉบับนี้ก็จะไม่มีผลใดๆ ทันทีต่อหน้าที่การงานของเขา อีกทั้งตามกฎหมายแล้ว อธิบดีกรมอัยการไม่มีข้อผูกพันว่าจะต้องทำตามสิ่งที่ฝ่ายตำรวจแนะนำเสมอไป
ทนายความของโอลเมิร์ตกล่าวเย้ยว่า สำนวนการสอบสวนของตำรวจนั้น “ไร้ความหมาย” เพราะมีเพียงอธิบดีกรมอัยการคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะส่งฟ้องนายกรัฐมนตรีหรือไม่
“เราจะรอการตัดสินใจของอธิบดีกรมอัยการอย่างอดทน และเรามีความเห็นตรงข้ามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวคือ เราไม่มีข้อข้องใจใดๆ เลยว่าอธิบดีฯ นั้นตระหนักเป็นอย่างดีถึงหน้าที่ที่เขารับผิดชอบอยู่” ทนายความระบุในแถลงการณ์
**คดีความของโอลเมิร์ต**
คดีหนึ่งที่โอลเมิร์ตต้องเผชิญก็คือ คดีที่มอร์ริส ทาลานสกี นักระดมทุนชาวนิวยอร์ก ได้ให้การต่อศาลอิสราเอลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า เขาได้ให้เงินสดจำนวน 150,000 ดอลลาร์แก่โอลเมิร์ตในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา
ในคำแถลงของตำรวจระบุว่า “จากการสอบสวนพบว่าทาลานสกีได้โอนเงินให้กับโอลเมิร์ตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งอย่างน้อยก็เริ่มตั้งแต่ปี 1997 โดยเป็นวงเงินจำนวนสูง และมีการโอนด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นเงินสดและที่เป็นการโอนให้โดยผิดกฎหมาย อีกทั้งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวโอลเมิร์ตยังได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่สนับสนุนธุรกิจของทาลานสกีด้วย
ส่วนคดีที่สองนั้นเป็นข้อกล่าวหาว่าโอลเมิร์ตส่งใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศซ้ำซ้อน และนำเงินส่วนเกินไปใช้ในการเดินทางส่วนตัวของตนและครอบครัว
ตามกฎหมายของอิสราเอล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการ โดยที่ทางอัยการก็จะจัดทำคำวินิจฉัยทางกฎหมายของตนเองด้วย แล้วจึงส่งให้กับเมนาเคม มาซุส อธิบดีกรมอัยการต่อไป อธิบดีกรมอัยการจะเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจตัดสินใจว่าจะฟ้องคดีกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ด้านกรมอัยการกล่าวว่ามาซุสคงจะใช้เวลาอีกอย่างน้อยหลายสัปดาห์ในการตัดสินใจเรื่องนี้ ทั้งนี้ มาซุสเคยยกคำร้องตามสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งข้อกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วในอดีต ส่วนโอลเมิร์ตนั้นก็ยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่กำลังจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่
