เอเอฟพี - แม้ว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกที่จะไม่มาเมืองไทยซึ่งกำลังอยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงรัฐบาล แต่มาตอนนี้ บริเวณสถานที่ชุมนุม ณ ทำเนียบรัฐบาล กลับดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวระดับ "แบ็กแพกเกอร์"
นักท่องเที่ยวงบประมาณน้อยกลุ่มนี้ มีความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ จึงสะพายเป้หลังเข้าไปตระเวนชมพื้นที่ภายในทำเนียบรัฐบาลซึ่งมีผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลราว 5,000 คน พักอาศัยอยู่กันตามเต็นท์ต่างๆ มานานเกือบสองสัปดาห์แล้ว
ดานีเอล หนุ่มเม็กซิกันวัย 25 ปีเข้าไปรับแจกน้ำแข็งใสสีแดงราดนมข้นหวานในที่ชุมนุม ในขณะที่พาพ่อของเขาเดินดูร้านรวงที่รายรอบบริเวณ ทั้งร้านขายที่ปรบมือพลาสติกและของที่ระลึกราคา 10 บาท
"เราเพิ่งอ่านข่าวและคิดว่าน่าสนใจมาดูว่ามันเป็นยังไง ก็เลยจ้างแท็กซี่มาส่ง" ดานิเอลเล่า แต่เขาไม่ยอมเปิดเผยนามสกุล "ที่เม็กซิโกเราไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้เพราะว่าพวกเขา (ผู้ประท้วง) ยึดที่ทำการรัฐบาลได้เรียบร้อยแล้ว"
เมื่อวันอังคารที่แล้ว (2 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ได้ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ ภายหลังจากที่เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน โดยผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลนั้นเดินทางมาบุกยึดทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม และประกาศข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก มิฉะนั้นจะไม่ยุติการชุมนุม
นับจากนั้นมา ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเงินน้อยจากแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในกรุงเทพฯในบริเวณใกล้เคียงสถานที่ชุมนุมเข้ามาปะปนรวมกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งยังเข้าไปรับแจกอาหารกล่องและร่วมสังเกตการณ์การเมืองไทยเป็นครั้งคราว
"เราเพิ่งจะมาถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่กี่วัน เราไปเที่ยวพระบรมมหาราชวังและเรารู้ว่ามีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น เราก็เลยอยากมาดูว่าเป็นยังไงบ้าง" มาร์โก หนุ่มวัย 35 ปีจากอิตาลี เล่าโดยไม่ยอมเปิดเผยนามสกุลเช่นกัน
"ตอนนี้ก็ดูสงบดี ในฐานะที่เป็นชาวยุโรปผมมองว่าการแข่งฟุตบอลในวันอาทิตย์ยังดูรุนแรงมากกว่านี้อีก" เขาให้ความเห็น โดยดูเหมือนจะไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนและบาดเจ็บถึง 43 คน
จอห์น จันทัก ชาวแคนาดาวัย 49 ปี มาเที่ยวชมสถานที่ชุมนุมเช่นกัน เขามาเที่ยวเมืองไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว เขาเปิดกระเป๋าให้การ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตรวจค้นอาวุธก่อนเข้าไปในบริเวณทำเนียบรัฐบาล
"ผมคิดว่าการประท้วงเป็นสิ่งที่ดี เพราะการดำเนินชีวิตตามระบอบประชาธิปไตยนั้น ประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของตนออกมา แต่ในเรื่องข้อเรียกร้องให้รับบาลลาออกนั้น เป็นเรื่องที่ขัดกับหลักการประชาธิปไตยของผม"
แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวบางคนสนใจมาเที่ยวชมสถานที่ชุมนุมประท้วงรัฐบาล ทว่าเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวของทางการหลายรายระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงเทพฯ ลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์จากระดับอัตราเฉลี่ย
นักท่องเที่ยวงบประมาณน้อยกลุ่มนี้ มีความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ จึงสะพายเป้หลังเข้าไปตระเวนชมพื้นที่ภายในทำเนียบรัฐบาลซึ่งมีผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลราว 5,000 คน พักอาศัยอยู่กันตามเต็นท์ต่างๆ มานานเกือบสองสัปดาห์แล้ว
ดานีเอล หนุ่มเม็กซิกันวัย 25 ปีเข้าไปรับแจกน้ำแข็งใสสีแดงราดนมข้นหวานในที่ชุมนุม ในขณะที่พาพ่อของเขาเดินดูร้านรวงที่รายรอบบริเวณ ทั้งร้านขายที่ปรบมือพลาสติกและของที่ระลึกราคา 10 บาท
"เราเพิ่งอ่านข่าวและคิดว่าน่าสนใจมาดูว่ามันเป็นยังไง ก็เลยจ้างแท็กซี่มาส่ง" ดานิเอลเล่า แต่เขาไม่ยอมเปิดเผยนามสกุล "ที่เม็กซิโกเราไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้เพราะว่าพวกเขา (ผู้ประท้วง) ยึดที่ทำการรัฐบาลได้เรียบร้อยแล้ว"
เมื่อวันอังคารที่แล้ว (2 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ได้ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ ภายหลังจากที่เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน โดยผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลนั้นเดินทางมาบุกยึดทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม และประกาศข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก มิฉะนั้นจะไม่ยุติการชุมนุม
นับจากนั้นมา ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวเงินน้อยจากแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในกรุงเทพฯในบริเวณใกล้เคียงสถานที่ชุมนุมเข้ามาปะปนรวมกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งยังเข้าไปรับแจกอาหารกล่องและร่วมสังเกตการณ์การเมืองไทยเป็นครั้งคราว
"เราเพิ่งจะมาถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่กี่วัน เราไปเที่ยวพระบรมมหาราชวังและเรารู้ว่ามีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น เราก็เลยอยากมาดูว่าเป็นยังไงบ้าง" มาร์โก หนุ่มวัย 35 ปีจากอิตาลี เล่าโดยไม่ยอมเปิดเผยนามสกุลเช่นกัน
"ตอนนี้ก็ดูสงบดี ในฐานะที่เป็นชาวยุโรปผมมองว่าการแข่งฟุตบอลในวันอาทิตย์ยังดูรุนแรงมากกว่านี้อีก" เขาให้ความเห็น โดยดูเหมือนจะไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตหนึ่งคนและบาดเจ็บถึง 43 คน
จอห์น จันทัก ชาวแคนาดาวัย 49 ปี มาเที่ยวชมสถานที่ชุมนุมเช่นกัน เขามาเที่ยวเมืองไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว เขาเปิดกระเป๋าให้การ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตรวจค้นอาวุธก่อนเข้าไปในบริเวณทำเนียบรัฐบาล
"ผมคิดว่าการประท้วงเป็นสิ่งที่ดี เพราะการดำเนินชีวิตตามระบอบประชาธิปไตยนั้น ประชาชนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของตนออกมา แต่ในเรื่องข้อเรียกร้องให้รับบาลลาออกนั้น เป็นเรื่องที่ขัดกับหลักการประชาธิปไตยของผม"
แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวบางคนสนใจมาเที่ยวชมสถานที่ชุมนุมประท้วงรัฐบาล ทว่าเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวของทางการหลายรายระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงเทพฯ ลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์จากระดับอัตราเฉลี่ย
