xs
xsm
sm
md
lg

ซัดรัฐบาลกบฎตัวจริง-เข้มอารยะขัดขืน น้ำ ไฟนัดหยุดงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- พันธมิตรฯรุกอารยะขัดขืนเข้มข้นขึ้นหลัง ‘สมัคร’ ดื้อด้านผิดมนุษย์ บิดเบือนข้อมูลสุดฤทธิ์สวมวิญญาณเป็นรัฐทรราชเต็มสูบ ฮึ่มประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อไหร่ปิดสนามบินภาคใต้ 6 จังหวัดพร้อมเส้นทางลงใต้ทันที ด้านรัฐวิสาหกิจนัดหยุดงานเพิ่มวันนี้ ‘สนธิ’ ประกาศสู้ยิบตาเพื่อในหลวง ระบุเหตุผลผู้นำรัฐบาลหุ่นเชิดต้องออกสถานเดียวเพราะเป็นนักการเมืองกระหายเลือดชอบความรุนแรง ไม่เชื่อเปิดประชุม 2 สภาแค่เวทีฟอกมาร ซัดรัฐบาลขายชาติยกเขาพระวิหารเป็น ‘กบฎ’ของแท้ ส.ว.ยื่นปปช.สอบแล้ว 45 ประชาชนเหยื่อความรุนแรงของตำรวจแจ้งความลากคอคนผิด-คนสั่งการให้ใช้ความรุนแรงกับม็อบ รัฐตำรวจสั่งเด้ง “อัศวิน”ไม่สนองปราบม็อบรุนแรงให้ “จงรัก” ถ่างขาดูแทน ด้านอาจารย์ นักศึกษา มอ.ยันเคียงข้างพันธมิตรฯ นักวิชาการบี้รัฐบาลลาออกโดยเร็ว

วานนี้(31ส.ค.)วันที่ 6 ของการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในทำเนียบรัฐบาลยังเป็นไปอย่างคึกคักด้วยความสงบ สันติ อหิงสา และประกาศเดินหน้ามาตรการอารยะขัดขืนของพนักงานรัฐวิสาหกิจต่อเนื่องเพื่อกดดันขับไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ซึ่งนายสมัครได้ใช้รายการ ‘สนทนาประสาสมัคร’ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ตอบโต้และกล่าวหาต่อกลุ่มผู้ชุมนุมโดยยืนยันว่าจะไม่ลาออกตามคำเรียกร้อง(อ่านรายละเอียด หน้า 4 ) พร้อมๆกับให้ส.ส.พลังประชาชนปลุกระดมมวลชนฐานเสียงสร้างภาพขอให้อยู่ในตำแหน่งต่อ และ สมทบกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือนปก.ที่สนามหลวง เพื่อกดดันและก่อกวนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ขณะเดียวกันช่วงบ่ายได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 สมัยสามัญนิติบัญญัติ เพื่ออภิปรายในเรื่องที่เกิดขึ้น

**พันธมิตรฯรุกอารยะขัดขืนเข้มข้น!
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีกล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนใช้ความอดทน อย่าท้อ เพราะนี่คือการกู้ชาติ ซึ่งพันธมิตรฯ มีจุดยืนไม่เปลี่ยนคือการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ขอให้วางใจแกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเราต้องใช้ความรอบคอบ สถานการณ์จนถึงวันนี้กลายเป็นการชุมนุมที่เป็นตัวอย่างไปทั่วโลก ดังนั้นขอให้ผู้ชุมนุมเข้าใจอย่าท้อ

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯมาถึงวันนี้ยืนยันชัดเจนว่ามาทำหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาไล่โจรออกจากประเทศ นักการเมืองที่ทำลายบ้านเมืองแต่ที่น่าเสียดายก็คือ ตำรวจที่ทำร้ายประชาชนกลับรับใช้นักการเมืองเหล่านี้

“พรุ่งนี้ มะรืนนี้จะเป็นสงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ เราจะไม่ยอมแพ้ งานนี้สนธิบอกแล้วตายเป็นตายไม่เคยกลัวอยู่แล้ว ถ้าเราทำเพื่อความถูกต้อง เพื่อราชบังลังก์ เพื่อในหลวง และ ราชวงศ์จักรี จะให้รัฐบาลชั่วร้ายมารังแกอย่างนี้อย่างไร มีทางเดียวคือต้องสู้ยิบตา ขอให้อดทนเราจะชนะ จากนั้นสื่อต่างประเทศจะงงว่า เราสู้อย่างสันติ อสิงหา ด้วยมือปล่าว มือตบ(มือพลาสติกอุปกรณ์ปรบมือ)” นายสนธิกล่าว

นอกจากนี้นายสนธิยังกล่าวถึง นักการเมืองอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา และ นายเสนาะ เทียนทองที่เป็นนักการเมืองที่ไร้จุดยืนของตัวเองคิดแต่ประโยชน์ส่วนตน ประชาชนต้องพิจารณาไม่เลือกคนพวกนี้ตระกูลเหล่านี้เข้ามาอีก

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า นายสมัครสร้างภาพให้ดูเหมือนมีประชาชนให้การสนับสนุนอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปซึ่งไม่จริง เห็นมีแต่นายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบทบาทสูงในพรรคพลังประชาชนปลุก นปก.พวกนรกป่วนกรุงขึ้นมา รัฐบาลกระตุ้นให้ใช้ความรุนแรงตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่คนชุมนุมเบาบางรัฐบาลชั่วจ้องใช้ความรุนแรงแน่

“ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยาง ใส่ผู้ชุมนุมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล แล้วมาแก้ตัวว่าไม่ได้ยิง อยากถามว่าแล้วหมาที่ไหนยิง อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถคุมอารมณ์ได้ ไม่บุกเข้าไปใน บชน.พอภาพออกไปทั่วโลกคนว่าตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม เขาก็สนับสนุนเรา เราจึงชนะ ซึ่งเราจะไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลใช้ตำรวจทำร้ายประชาชนแบบนี้ ได้รับการโต้ตอบจากรัฐวิสาหกิจ หากรัฐวิสาหกิจทั้งหมดหยุดงานประท้วง รัฐบาลก็จะมีสภาพจนตรอก ทุกอย่างเป็นอัมพาต แล้วจะอยู่ยังไง นี่คือการต่อสู้อย่างอหิงสา สันติ ปราศจากอาวุธ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญ ของเรา ถ้าเราใช้เป็นรับรองชนะแน่นอน

นอกจากนี้ ศาลแพ่งก็ได้เพิกถอนคำสั่งห้ามการชุมนุมที่ทำเนียบฯไปแล้วประชาชนจึงสามารถชุมนุมที่ทำเนียบฯได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้น เราต้องเปิดโปงความชั่วของนายสมัคร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและนายเนวิน ซึ่งรัฐบาลนี้ต้องลาออกไปสถานเดียว และสร้างการเมืองใหม่ขึ้นมา ไม่ใช่ให้สภาไปหาประชุมหาทางออก ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร

ทั้งนี้ นายพิภพ ระบุถึงสาเหตุ 4 ข้อ ที่นายสมัครจะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เนื่องจากนายสมัคร เป็นนักการเมืองที่มีความรุนแรงกับประชาชนตั้งแต่อดีต มีประวัติเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น เป็นนักการเมืองเก่าแก่ที่มีจริยธรรมทางการเมืองต่ำ และเป็นนักละเมิดสิทธิมนุษยชน

ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข  แกนนำพันธมิตรฯ และที่ปรึกษาสหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า พนักงานการรถไฟฯ จะหยุดงานต่อเนื่องอีก 7 วัน ซึ่งมีผลทำให้รถไฟในหลายสายจะต้องหยุดวิ่งให้บริการ

**แฉรัฐบาลหวังใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางที่รัฐบาลจะนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีความเป็นไปได้ เนื่องจากเมื่อคืนที่30ส.ค.ที่ผ่านมา พันธมิตรฯได้จับกุมผู้ที่เชื่อว่าได้รับการว่าจ้าง พยายามที่จะจุดไฟเผาหลังเวทีพันธมิตรฯที่มัฆวาน โดยมีการซ่องสุมกันอยู่ที่วัดมกุฎฯ เพื่อต้องการให้เกิดการจลาจล จนนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งพันธมิตรภาคใต้และแกนนำพันธมิตรส่วนกลางได้ข่าวตรงกันว่าจะมีการนำประชาชน ทั้งนปก.รวมทั้งตำรวจนอกเครื่องแบบมาก่อจลาจล
       
“เรารู้คนที่วางแผน มีการจ้างนักเลง อันธพาลนักการเมืองท้องถิ่น รับจ้างมาจำนวนมาก และเมื่อวานนี้เวลา00.02 น.มีการแจ้งว่ากลุ่มคนเหล่านี้มาป่วนที่ทำเนียบ แต่ก็มีการสกัดไว้ก่อน โดยคนที่รับจ้างมาก็ได้รับสารภาพ โดยเราทำแบบละมุนละม่อม ซึ่งเขาก็ยินดีกลับใจมาเป็นพวกเรา ซึ่งตรงนี้เราได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เราได้รับข้อมูลจากผู้หวังดีตลอด 24 ชั่วโมง” แกนนำพันธมิตรกล่าว

**พันธมิตรฯใต้ระบุใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเจอดีแน่
นายสุนทร รักษ์รงค์
ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคใต้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่2 ลงวันที่31 ส.ค.ระบุว่า พันธมิตรภาคใต้หมดความอดทนกับรัฐบาลนอมินีหุ่นเชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นำโดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะมีการลุกฮือประท้วงไปทั่วประเทศหากนายสมัครยังคงดื้อดึงกุมอำนาจต่อไป และขณะนี้การดิ้นเฮือกสุดท้ายของนายสมัคร มีการวางแผนให้มวลชนนปก.ที่ถูกเกณฑ์มาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน เคลื่อนไหวเพื่อปะทะกับกลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อฉวยโอกาสประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น พันธมิตรขอประกาศว่า รัฐบาลที่หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศอย่างนายสมัคร ที่ใช้วิธีชั่วร้ายเพื่อกาศภาวะฉุกเฉิน พันธมิตรภาคใต้มีมติดังนี้

1.จะทำการปิดการเดินทาง ทางอากาศของสนามบินภาคใต้ ดังนี้ 1.สนามบินนานาชาติภูเก็ต 2.สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ 3.สนามบินกระบี่ 4.สนามบินสุราษฎรฯ 5.สนามบินนครศรีธรรมราชและ 6.สนามบินจังหวัดตรัง
       
2.จะทำการปิดการเดินทาง ทางบก ซึ่งเป็นเส้นทางล่องใต้ บริเวณบ่อนอก จังหวัดประจวบฯ โดยขอความร่วมมือจากพันธมิตรจังหวัดเพชรบุรีและประจวบ
       
3.ขอประกาศให้นายสมัคร เป็นบุคคลต้องห้าม ในการเดินทางไปพื้นที่ภาคใต้ ตามแถลงการณ์ของพันธมิตรภาคใต้ฉบับที่1 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พันธมิตรภาคใต้ขอเรียกร้องให้ นายสมัคร ลาออกทันที
       
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า มติพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้ ถือเป็นอารยะขัดขืน ซึ่งทางแกนนำพันธมิตรทั้ง 5 คน ให้ความเห็นชอบ เพื่อร่วมแถลงข่าวหากมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งถือเป็นมาตรการที่จะนำมาใช้ทันที

**ไม่เชื่อประชุม2สภาแก้ปัญหาได้
นอกจากนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำโดยพล.ต.จำลอง นายสมศักดิ์ และ นายพิภพ ได้ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนต่อสื่อมวลชนอีกครั้งว่า  ยังต้องการหยุดยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและต้องการให้รัฐบาลชุดนี้ลาออกและมีการเมืองรูปแบบใหม่  และยืนยันจะยึดปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป จนกว่ารัฐบาลจะประกาศลาออก
 
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การหารือของรัฐสภาเป็นเพียงความพยายามของฝ่ายสภา ที่จะต้องรอดูข้อสรุปก่อน และจะนำเข้ามาหารือในแกนนำพันธมิตรฯ ว่าแนวทางของสภาจะใช้แก้ไขปัญหาได้หรือไม่ พร้อมยืนยันว่าท่าทีของพันธมิตรฯ หลังจากนี้จะเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นมากขึ้น ในแนวทางสันติวิธี
 
นอกจากนี้ แกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่เชื่อว่า การประชุมรัฐสภา ระหว่างสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ เนื่องจากทัศนคติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้ใด และยังไม่ทบทวนการทำงานของตัวเองด้วย จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เปิดใจรับฟังความเห็นของผู้อื่น เวทีสภาจึงจะแก้ปัญหาได้

ขณะที่นายสมศักดิ์ ย้ำว่า หากมีการเชิญจากสภาให้พันธมิตรฯ เข้าไปร่วมหารือก็ไม่มีความจำเป็นต้องไป และจะขับเคลื่อนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจนัดหยุดงานต่อไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจะลาออก นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่า ไม่สนใจสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร เพราะเห็นว่าเป็นความคิดเห็นของนายสมัคร แต่พันธมิตรฯ ก็มีจุดยืนเดิม คือคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ และให้รัฐบาลลาออกเท่านั้น

**อัดทรราชใช้สภาฟอกตัวเอง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า พันธมิตรฯไม่ได้คาดหวังการประชุมสภาวานนี้จะแก้ปัญหาได้ตั้งแต่แรก เพราะรัฐบาลหุ่นเชิดเพียงใช้รัฐสภาเพื่อฟอกตัวเองเท่านั้น จะเห็นได้จากมีการจัดทีมออกมาตอบโต้ ส.ส.ฝ่ายค้านและส.ว.ไม่มีท่าทีรับฟัง ตรงกันข้ามกลับบิดเบือนข้อเท็จจริง อย่างเหตุการณ์ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บจำนวนมาก จุดวิถีกระสุนที่ออกมาจากบชน.จากการถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสก็คล้ายเอเอสทีวีว่ากระสุนออกมาจากบช.น. ซึ่งตนได้นำคนเจ็บไปแจ้งความแล้ววันนี้ ขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด
        
ส่วนภาพที่ตำรวจเอาปืนจ่อหัวผู้ชุมนุม นายกฯยังบิดเบือนว่าเป็นภาพสมัยไหน สะท้อนวุฒิภาวะคนเป็นนายกฯที่ใช้สภามาโกหกคำโต ใช้สภาเป็นเพียงเครื่องมือ เพื่อต่ออายุตัวเองเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนที่รับฟังคงรับไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้เรามีแนวร่วมมากขึ้น ขอเรียกร้องให้ฝ่ายค้านและส.ว.เสนอปิดประชุมเพราะ เสียดายค่าน้ำค่าไฟในการถ่ายทอด ถ่ายไปก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งพันธมิตรฯไม่ได้ติดตามแต่อย่างใด ทั้งนี้ขอย้ำว่า หากมีความชัดเจนนายกฯไม่ลาออก ภายใน 2-3วัน เราจะเปิดเกมรุกให้เข้าข้นกว่าเดิม
       
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนการปิดสนามบินเราประสานไปยังเครือข่ายพันธมิตรฯแล้วจะปิดสนามบินจนกว่านายสมัครลาออก และจะรุกคืบไปอีกหลายสนามบิน ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่การท่าฯมาติดต่อมาทางตนเพื่อขอเจรจา ตนได้แจ้งไปว่า ให้นายสมัครลาออกสถานเดียว แล้ว จะเปลี่ยนสถานการบ้านเมืองจากหน้ามือเป็นหลังมือ
       
นายสุริยะใสกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เรามีการประสานกับรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ซึ่งสามารถหยุดงานได้ทันที แต่เราก็ไม่ทำ เพราะเกรงว่าจะกระทบกับประชาชน ขณะนี้นายสมัครหมดสภาพแล้วแต่ไม่ยอมจำนน ตนมองว่าเงื่อนไขรัฐประหารเวลานี้เชื่อเปราะบางกว่า 19 ก.ย.49 เพราะ ไม่มีเหตุความไม่ชอบธรรมสูงกว่านี้ ทั้งนี้ตนไม่ได้ชี้นำให้ทหารออกมารัฐประหาร อย่างไรก็ตามเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งรัฐบาล อาจใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะคุมสถนการณ์ไม่อยู่ นายสมัครพยายามพยายามพูดอะลุ้มอล่วยไม่ใช่ความรุนแรง ซึ่งเป็นการโกหกหน้าด้านๆ เพราะจริงๆแล้ว มีการสั่งให้สลายม็อบและเมื่อสลายไม่ได้ หรือสั่งแล้วเจ้าหน้าที่เฉื่อยงาน และบางคนก็ไม่เห็นด้วย อย่างตำรวจในทำเนียบยังปีนหนีออกไป20 คน ซึ่งน่าสงสารมาก

 **ซัดรบ.กบฎตัวจริงยกอธิปไตยให้เขมร
นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) กล่าวบนเวทีพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาลว่า พันธมิตรฯในฐานะพลเมืองไทยและกำลังของประเทศ มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เรามีหน้าที่ต้องเสียภาษี ส่วนผู้ชายต้องรับราชการทหาร และที่ผ่านมารัฐบาลที่ปกครองถ้าทำด้วยความถูกต้องชอบธรรม ให้สิทธิเสรีภาพ ไม่เอาเปรียบ ไม่โกงไม่ขายชาติเราก็จะสนับสนุนให้ความร่วมมือ แต่ถามว่าทำไมเราถึงต้องลุกขึ้นมาปฏิเสธและขับไล่รัฐบาลของเรา เพราะปัจจุบันรัฐบาลไม่ได้เป็นรัฐที่ชอบธรรม และเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนที่ทำหน้าที่บริหารประเทศให้เกิดประโยชน์กับคนไทยทุกคน แต่เข้ามาหาประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้องแม้ขนาดอธิปไตยของชาติยังขายได้ นั่นคือความจำเป็นที่เราต้องลุกขึ้นมาทวงคืนอธิปไตย และอำนาจอธิปไตยยังเป็นของเราทุกคน

“ดังนั้น ที่นายกฯ หอกหักชอบอ้างว่ายังมีสิทธิ มีอำนาจมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศทั่วไป อ้างว่าประชาชนเลือกเขามา ซึ่งต้องบอกว่าประชาชนไม่ได้ให้ไปแบบสิทธิ์ขาด แต่ให้ไปทำหน้าที่ด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมยุติธรรมในการดูแลชาติ แต่วันใดที่เขาทรยศต่อประชาชน ทรยศต่อพวกเรา เราก็สามารถที่จะถีบออกจากตำแหน่งแล้วเอาอำนาจอธิปไตยคืนมา นี่คือความชอบธรรม” นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวอีกว่า นายสมัครไม่มีสิทธิ์ที่จะมาห้ามการชุมนุมขับไล่เพราะคุณได้ละเมิดรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำความผิดชั่วช้าเลวทรามมากมาย และที่เลวร้ายที่สุดคือเป็นกบฏกับแผ่นดินที่เอาแผ่นดินไปยกให้กัมพูชา คุณคือกบฏของแผ่นดินตัวจริง ไม่ใช่พวกเราพันธมิตรฯ เพราะว่าเรามากอบกู้ชาติมารักษาแผ่นดิน ไม่ใช่กบฏ ไม่เคยทำผิดคิดร้าย เรามีแต่เสียสละออกมาในการที่จะทวงคืนประเทศ จากเหล่าทรราชจากพวกโกงชาติกินเมือง และขายชาติ ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำผิด และเรากล้าพิสูจน์ความจริงทุกศาล ด้วยความเที่ยงธรรมของศาลศาลจะให้ความยุติธรรมกับเรา

ในเดียวกัน ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ส่งเรื่องร้องเรียนทางไปรษณีย์ถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อขอให้พิจารณาเรื่องที่นายกรัฐมนตรี และครม.กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากลงมติเห็นชอบในเรื่องการลงนามในสนธิสัญญาร่วม ในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า การลงมติดังกล่าวมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย จึงถือว่าเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113(3) เพราะทำการประทุษร้ายด้วยการออกมติ ครม.แล้วไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ไม่เสนอเรื่องผ่านที่ประชุมรัฐสภา

“โดยหลักการที่คุยกันว่าการบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และทำเนียบรัฐบาลเป็นข้อหากบฏ แล้วการออกแถลงการณ์ร่วมเขาพระวิหาร ถือเป็นกบฏด้วยหรือไม่ เพราะทำให้ประเทศสูญเสียอำนาจอธิปไตย” นายเรืองไกร กล่าว

**45เหยื่อโหดตำรวจแจ้งความบี้ลากคอคนผิด
ก่อนนี้เวลา 10.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมและรื้อค้นเวทีสะพานมัฆวานฯ รวมจำนวน 45 คน ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อให้ดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ผู้สั่งการ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต จัดสถานที่ห้องประชุมชั้น 3 และพนักงานสอบสวนไว้รับแจ้งความ

นางนงรัตน์ รักษาสุวรรณ อายุ 59 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว กล่าวว่า ตนมาแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อผู้ที่สั่งการให้ตำรวจทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม โดยวันเกิดเหตุได้มาชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ขณะนั้นมี ตร.นับร้อยนายใช้กำลังขับไล่ โดยใช้กระบองตีและใช้โล่ผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม โดยขณะนั้นตนถูกโล่กระแทกจนร่างล้มไปกองกับพื้น ขณะเดียวกัน ไหล่ซ้ายไปกระแทกกับพื้นจนได้รับบาดเจ็บไหล่ซ้น แต่มือก็ยังจับขาตำรวจเอาไว้พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือ จึงไม่ถูกตีเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจมากกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ แต่ยังคงยืนยันจะชุมนุมต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดอย่างละเอียด จากนั้นจะได้ทำบันทึกส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.วชิระ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานประกอบกับสำนวนการสอบสวน อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถแจ้งข้อหาต่อใครได้ เนื่องจากต้องตรวจสอบกำลังตำรวจในวันที่ 29 ส.ค.นั้นมาจากหน่วยใดบ้าง ยืนยันว่าตำรวจจะให้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายและจะดำเนินการไปตามหลักฐาน

**ทรราชไม่สะใจสั่งเด้ง ‘อัศวิน’
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.พัชวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ไปช่วยราชการที่สำนักงาน ผบ.ตร. โดยให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.รักษาราชการ ผบช.น.โดยให้มีผลตั้งวันที่ 1 ก.ย.2551

พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวภายหลังรับทราบคำสั่งแต่งตั้งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า หลังจากนี้ตนก็จะทำการเก็บของเพื่อเตรียมไปเริ่มที่ใหม่ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรหนักใจ ได้รับความร่วมมือจากผู้ใต้บังคับบัญชาและสื่อมวลชนเป็นอย่างดี ซึ่งการโยกย้ายถือเป็นวัฏจักรปกติของการรับราชการ จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ทั้งนี้ ไม่ได้เครียดหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ารู้สึกเป็นห่วงไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เพราะตอนที่ตนอยู่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่หลังจากตนไปแล้วตนไม่ทราบ

“หลังจากนี้ถือว่าผมได้พ้นหน้าที่ไป ยืนยันว่าไม่ได้เครียดหรือวิตกกังวล เหมือนยกภูเขาออกจากอกมากกว่า เราเป็นคนมีวินัย ผู้บังคับบัญชาให้ไปไหนก็ไป ไม่ติดใจ สบายๆ ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่มีโอ้เอ้ ไม่ต้องดูฤกษ์ยามเอาฤกษ์สะดวก ไปได้ทันที” ผบช.น.กล่าว
       
อย่างไรก็ตาม สำหรับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.เมื่อครั้งการประชุม ก.ตร.ที่ผ่านมาที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. และแต่งตั้ง พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. นรต.26 เพื่อนร่วมรุ่นอดีตนายกฯ ทักษิณ ขึ้นมาเป็น ผบช.น. โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคำสั่งออกมาท่ามกลางความขัดแย้งของตำรวจนครบาลที่เริ่มไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันหลังเกิดเหตุการณ์ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม

**รัฐตำรวจยังด้านบอกไม่ได้รุนแรง
ที่ บช.น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.ร่วมแถลงข่าวการประชุมประเมินสถานการณ์ในรอบวัน โดยการประชุมมี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ร่วมประชุมด้วย

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า วันนี้ก็เป็นการประเมินการชุมนุมในรอบวัน โดยรองนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่มปะทะกัน เนื่องจากมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ต่อต้านมาชุมนุมที่รัฐสภา และมีการประชุมสภาได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยติดตามสถานการณ์ทุกระยะอย่าให้ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็มีกำลังเสริมพร้อมเข้าดูแล
       
ส่วนเรื่องของการปฏิบัติตามกฏหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความพร้อมเต็มที่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ไม่สามารถจะดำเนินการได้ ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด
 
“ส่วนเรื่องบางส่วนที่ประชาชนยังข้องใจเกี่ยวกับภาพที่ตำรวจทำร้ายประชาชน ขอย้ำว่าการปฏิบัติในวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมาเป็นการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่บังคับคดีที่จะนำหมายของศาลแพ่งไปติดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมทราบ ซึ่งเป็นคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากบริเวณดังกล่าว ส่วนการปะทะที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการป้องกันไม่ให้เกิดการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บังคับคดีซึ่งเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างชัดเจน ตำรวจจำเป็นต้องมีมาตรการในการป้องกันและดูแลควบคุมฝูงชนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายตามมา”

**โกวิทไม่เลิกส่งทนายลิ่วล้อร้องศาลอีก      
เมื่อเวลา 15.30 น. ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯประจำวัน นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะตัวแทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หลังจากที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ยื่นฟ้องแกนนำทั้ง 6 และต่อมาศาลมีคำสั่งให้ทุเลา ซึ่งในวันนี้(1ก.ย.) ก็จะมีการหารือว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรเนื่องจากจะต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย โดยทนายของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะไปเป็นโจทก์ยื่นฟ้องถึงเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีเข้าไปติดหมายของศาลแพ่งไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินเลยไปและไม่ได้เป็นการเข้าไปสลายการชุมนุม และจะยื่นคำร้องต่อศาลว่าหลังจากที่มีการคุ้มครองชั่วคราวยังไม่เกิดผลอะไร กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักต่อไปและคณะรัฐมนตรียังไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ทำให้เกิดผลเสียหายแก่ราชการแผ่นดิน

"นอกจากนี้ยังขอฝากถึงประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมที่ กทม.ว่า ถ้าเข้ามาถือว่ามีความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ" นายศุภชัย กล่าว

**มอ.ยันเคียงข้างพันธมิตรฯ
ที่สภาอาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ กลุ่มคณะอาจารย์และบุคลากร มอ.ร่วมกับกลุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เพื่อประกาศจุดยืนต่อสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ โดยขอสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพันธมิตร และขอให้รัฐบาลหยุดใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวอย่างสงบอหิงสาและควรรับฟังข้อเท็จจริงที่ทำให้เกิดปัญหาในบ้านเมืองที่ผ่านมา ที่สำคัญกลุ่มอาจารย์ มอ.ได้เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกโดยเร็ว เพื่อการคลี่คลายสถานการณ์และนอกจากกลุ่มอาจารย์ มอ.จะออกมาเคลื่อนไหวแล้วกลุ่มนักศึกษา มอ.ก็เริ่มออกมารวมตัวเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน โดยเปิดเวทีที่หน้าตึกกิจกรรมนักศึกษาเพื่อให้นักศึกษาแสดงออกทางความคิดอย่างอิสระ

**สมาพันธ์นักวิชาการฯจี้หมักลาออก
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่จังหวัดมหาสารคาม สมาพันธ์นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย นำโดย รศ.ดร.สุทธิพงศ์ หกสุวรรณ ประธานสมาพันธ์ฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 6 ประณามรัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อทำลายเวที พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่สะพานมัฆวานฯ และทำร้ายประชาชนที่ต่อสู้ด้วยสองมือเปล่า จนได้รับบาดเจ็บหลายราย

ในแถลงการณ์ยังเรียกร้องให้นายสมัคร พิจารณาตัวเองลาออกจากการเป็นผู้นำ โดยมีข้อความว่า ด้วยในวันที่ 29 สิงหาคม 2551 รัฐบาลนายสมัคร ได้สั่งการให้ตำรวจที่มีอาวุธครบมือเข้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต่อสู้โดยสันติตามรัฐธรรมนูญ การกระทำอันอันป่าเถื่อนในครั้งนี้ ทำร้ายผู้หญิงเด็ก และคนชรา ที่ไม่มีโอกาสป้องกันตัวบาดเจ็บสาหัส แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้อันชั่วร้ายของรัฐบาลเป็นประจักษ์ต่อสายตาประชาชาติทั่วโลก

สมาพันธ์นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งกอปรด้วย ครู อาจารย์ ข้าราชการ นักวิชาการ ที่มีสำนึกหวงแหนประชาธิปไตย รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ มีมติร่วมกันให้ประณามการกระทำอันป่าเถื่อนของรัฐบาล ขอให้รัฐบาลซึ่งไร้ความชอบธรรมในการบริหารประเทศเนื่องจากไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน ได้แสดงความรับผิดชอบโดยพิจารณาตัวเองลาออกทันที
       
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังดันทุรังดื้อรั้น สมาพันธ์ได้กำหนดมาตรการกดดันรัฐบาล โดยขอความร่วมมือจากครูอาจารย์ ข้าราชการและนักวิชาการ ผู้ร่วมอุดมการณ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ทุกๆ อย่างที่รับผิดชอบโดยการลาตามสิทธิ์ เพื่อเป็นการประท้วงการกระทำที่ป่าเถื่อนของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนมาตรการขับไล่รัฐบาลของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
         
มาตรการดังกล่าวนี้อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนบ้าง สมาพันธ์ฯ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ขอให้ประชาชนเข้าใจในความจำเป็นที่ต้องกระทำในครั้งนี้ด้วย และขอขอบพระคุณในความร่วมมือร่วมใจของ ครู อาจารย์ ข้าราชการ นักวิชาการ ทุกท่านที่ร่วมในมาตรการกดดันรัฐบาลในครั้งนี้ ขอเชิดชูความเสียสละ เพื่อประเทศชาติและประชาธิปไตยของทุกท่านในครั้งนี้
      
ในแถลงการณ์ยังได้ขอให้ทุกฝ่ายจดจำบทเรียนความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ 6 ตุลาคม 2519 เกิดจากการปลุกระดมให้ข้อมูลบิดเบือนของสื่อและกลุ่มสนับสนุนรัฐบาล ยั่วยุให้เกิดความโกรธแค้นรุนแรงแตกแยกในสังคมจนกระทั่งเสียเลือดเนื้อของประชาชนผู้สุจริตไปมากมาย
    
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขอให้สื่อต่าง ๆ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลาง ไม่ยั่วยุ บิดเบือนข้อมูล จนนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกในสังคมเหมือนที่ผ่านมา ขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ มากกว่าประโยชน์ส่วนตนและหมู่พวก ประเทศชาติและสังคมจะได้พ้นวิกฤต

**สหภาพฯ ขสมก.นัดถกวันนี้
นายศิริชัย ไม้งาม
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 ได้ประกาศว่า วันนี้ (1 ก.ย.) พนักงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จะหยุดงานต่อในวันจันทร์เพื่อที่จะมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯในการขับไล่รัฐบาล

ขณะที่นายสนาน บุญงอก ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า วันนี้จะมีการเรียกประชุมกรรมการและผู้แทนประจำเขตการเดินรถ เพื่อหามาตรการในการขับเคลื่อน หลังจากที่นายสมัคร ออกมาประณามสหภาพฯ ที่จะหยุดงานเพื่อเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ ซึ่งหากผลการประชุมกรรมการในวันนี้ ได้ข้อสรุปว่าเป็นมาตรการขั้นสุดท้าย นั่นคือการเรียกประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อลงมติว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร อย่างไรก็ตาม การหยุดงานของสหภาพฯ ขสมก. จะกระทำก็ต่อเมื่อมั่นใจในระดับหนึ่งว่าได้รับชัยชนะและไม่มีเหตุการณ์ที่ยืดเยื้อ

อย่างไรก็ตาม สหภาพฯ ขสมก. ไม่พอใจการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องการจ่ายเงินให้กับพนักงานในนโยบายการให้บริการรถฟรีกับประชาชน ซึ่งจ่ายเงินล่าช้าและไม่ตรงเวลา รวมทั้งนโยบายการปลดพนักงานบางส่วนจากระบบ E-Ticket ที่จะมาใช้กับระบบใหม่ของรถเอ็นจีวี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสหภาพฯ มีพนักงานขับรถและกระเป๋ารถเมล์ รวม 9 พันคน แต่หากรวมกับพนักงานในส่วนอื่นๆ ด้วยจะมีถึง 1.5 หมื่นคน

**ผู้ว่าฯรฟท.วิ่งล็อบบี้พนง.รถไฟ
วันเดียวกันนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามสถานการณ์ขบวนรถไฟสายเหนือที่หยุดวิ่งทั้งขาขึ้นและขาล่อง หลังจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ปากน้ำโพหยุดงานและนำหัวรถจักร 8 หัวรถจักรมาจอดนิ่งบริเวณหน้าสถานีฯ พร้อมกันนี้นายยุทธนา ได้ประชุมทำความเข้าใจกับพนักงาน รฟท.ที่สถานีปากน้ำโพ นานประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนายยุทธนา ได้เดินทางไปเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รถไฟแห่งประเทศไทยที่ชุมทางแก่งคอย จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา เพื่อควบคุมไม่ให้มีการหยุดเดินรถไปมากกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามแก้ไขปัญหาพนักงานหัวรถจักร และพนักงานขับรถไฟลางานเพื่อร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯขับไล่รัฐบาล ส่งผลให้มีขบวนรถไฟต้องหยุดเดินจำนวนมากครั้งนี้ ผู้ว่าการ รฟท.ได้เข้าเจรจากับตัวแทนสหภาพฯ รฟท.ที่ปากน้ำโพ และสถานีแก่งคอย โดยได้ร้องขอให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่กลับเข้าทำงานและเคลื่อนหัวรถจักรที่กีดขวางรางอยู่ออกไป เพื่อให้รถไฟสามารถกลับมาให้บริการได้บางส่วน แต่การเจรจาเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยกลุ่มสหภาพฯ ยืนยันจะรอฟังคำสั่งจากประธานสหภาพฯ รฟท.เพียงคนเดียว

นายยุทธนา กล่าวภายหลังว่า ในฐานะผู้บริหาร รฟท.ได้ร้องขอพนักงานให้คิดถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วประเทศ โดยอยากให้พนักงานรถไฟทุกคนมีจิตสำนึกถึงองค์กร และยืนยันว่าที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง รฟท.โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุม ครม. แม้ว่าจะมีปัญหาการชุมนุม แต่ยังได้อนุมัติวงเงิน 4,200 ล้านบาท เพื่อช่วยสภาพคล่อง รฟท.นำเงินเหล่านี้ไปจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงาน ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นงบประมาณของรัฐที่มาจากภาษีของประชาชน จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องอย่างยิ่งที่พนักงานรถไฟจะหยุดงานจนก่อให้เกิดความเดือดร้อน

"ขอยืนยันว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองของพนักงานรถไฟบางกลุ่มไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ รฟท. โดย รฟท.ยังมีภารกิจให้บริการประชาชนและไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน" นายยุทธนา กล่าว

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหานั้น นายยุทธนา กล่าว หลังการเจรจาพนักงานบางส่วนได้แสดงความจำนงที่อยากจะกลับเข้าทำงาน และขณะนี้ฝ่ายการเดินรถได้เตรียมแก้ไขปัญหา โดยจะมีการนำพนักงานขับรถที่มีความสมัครใจต้องการทำงานเดินทางขึ้นไปกับขบวนรถ เช่น เส้นทางภาคเหนือ ก็จะมีการนำพนักงานเหล่านี้ไปที่สถานีในจังหวัดต่าง ๆ เช่น สถานีชุมแสง สถานีพิษณุโลก หลังจากนั้นจะพยายามให้พนักงานเหล่านี้เข้าปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถเดินรถได้เป็นช่วง ๆ แต่ละจังหวัด

**รถไฟทุกสายไร้วี่แววเปิดบริการ
ด้านบรรยากาศที่หัวลำโพงวานนี้ ยังคงเป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากรถไฟยังคงหยุดการเดินรถต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 โดยเฉพาะสายอีสาน ที่สถานีรถไฟจังหวัดนครราชสีมา พนักงานขับรถไฟขบวนท้องถิ่นได้นำรถไฟมาจอดทิ้งไว้ ทำให้รถไฟทั้งขาขึ้นและขาล่องไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องแก้ปัญหาด้วยการนำรถบัสไปส่งผู้โดยสารแทน

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ ประชาสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี ได้ออกประกาศผ่านทางสถานีวิทยุทุกแห่งในจังหวัดอุบลราชธานีว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.เป็นต้นไปการรถไฟอุบลราชธานีจะทำการหยุดวิ่งทุกขบวนทั้งระยะสั้นระยะยาว ในระหว่างเส้นทางนครราชสีมา-อุบลราชธานี ดังนั้น จึงขอให้ผู้โดยสารทุกคนโปรดไปใช้รถยนต์ประจำทางแทน

ขณะที่รถไฟที่วิ่งผ่าน จ.อุดรธานีก็ได้ประกาศหยุดวิ่งอีกขบวนทั้งเที่ยวขึ้นและเที่ยวล่อง คือ สายหนองคาย-กรุงเทพฯ ทำให้เมื่อเช้าวานนี้ประชาชนไม่มีขบวนรถไฟเดินทางในสายดังกล่าวไปตลอดวัน

เช่นเดียวกับรถไฟสายเหนือและสายใต้ได้ประกาศหยุดวิ่งทุกขบวน ทำให้บรรยากาศตามสถานีรถไฟต่างๆ เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายประกาศหยุดเดินรถทุกขบวนไปติดประกาศแจ้งให้ประชาชนทราบ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าต้องเปลี่ยนไปใช้บริการ บ.ข.ส.แทน

นายสิลรัตน์ ดีวาจี ผู้ช่วยนายสถานีรถไฟเชียงใหม่ กล่าวว่า ยังไม่มีกำหนดชัดเจนว่าจะเปิดบริการรถไฟสายเหนือได้เมื่อใด เนื่องจากเป็นการตัดสินใจของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) จึงต้องติดตามสถานการณ์ในแต่ละวัน ส่วนผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วล่วงหน้าสามารถมารับเงินค่าตั๋วโดยสารคืนได้

ที่สถานีรถไฟจังหวัดพิจิตร ก็เงียบเหงาเช่นกัน ไม่มีขบวนรถไฟวิ่งบริการมาจากต้นทางเชียงใหม่และพิษณุโลก ปลายทางกรุงเทพฯ รวมถึงเที่ยวขาขึ้นรวมทั้งหมด 28 ขบวน ขณะที่ประชาชนได้ทยอยนำตั๋วจองล่วงหน้ากรุงเทพฯ-เชียงใหม่มาขอคืนเงินกับสถานี เนื่องจากไม่มั่นใจที่จะใช้บริการเดินทางกับขบวนรถไฟในเส้นทางสายเหนือ นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถไฟสินค้าที่จะส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางตกค้างอยู่อีกจำนวนมาก ทางสถานีรถไฟพิจิตร จึงต้องแจ้งให้ผู้ฝากส่งสินค้ามารับสินค้าคืน

ส่วนที่สถานีรถไฟพิษณุโลก ก็ได้ติดป้ายงดบริการรถไฟทุกขบวนทั้งเที่ยวขึ้น และเที่ยวล่อง เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วรถไฟไม่สามารถตอบได้ว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันไหน

ขณะที่ทางสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.พิษณุโลก ประชาชนจากหลายจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง มารอใช้บริการเดินทางกับรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วมบริการอย่างหนาแน่น ซึ่งขนส่งจังหวัดพิษณุโลก ยืนยันว่า ได้สำรองรถโดยสารไว้ให้บริการกับประชาชนที่ต้องการเดินทางอย่างเพียงพอ

เช่นเดียวกับที่สถานีรถไฟศิลาอาสน์และสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ไม่มีผู้โดยสารแม้แต่คนเดียว นายพูนสวัสดิ์ อิ่มเอมใจ หัวหน้าสถานีรถไฟศิลาอาสน์ กล่าวว่า ผู้โดยสารที่นำตั๋วมาคืนและรับเงินในจำนวนเต็มราคาครบ 100% โดยวานนี้เวลา 16.00 น. มีรถไฟออกจากสถานีรถไฟศิลาอาสน์ เพียงขาล่อง 1 ขบวน เป็นขบวนท้องถิ่นไปจังหวัดพิษณุโลก ส่วนขบวนรถไฟปลายทางกรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครสวรรค์ และเด่นชัย จำนวน 21 ขบวน หยุดบริการไม่มีกำหนด

**รถไฟสายใต้ลั่นหยุดไม่มีกำหนด
นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์การรถไฟภาคใต้ (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางการรถไฟภาคใต้ยังคงหยุดให้บริการผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องและไม่มีกำหนดการณ์ที่แน่นอนในการเปิดให้บริการตามปกติ หลังจากที่ได้มีการหยุดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. ทั้งนี้ แม้ว่าจะไม่มีการให้บริการรถไฟในขณะนี้ก็ตามแต่ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งบริเวณสถานีรถไฟทุกแห่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ตลอดจนเส้นทางของทางการรถไฟ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการวางกำลังดูแลอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะการก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะการซุกซ่อนวัตถุระเบิดให้บริเวณเส้นทางของการทางรถไฟ

"หลังจากที่มีการประกาศหยุดบริการรถไฟมาตั้งแต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จนขณะนี้ยังคงหยุดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด และไม่มีทิศทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ต้องรอสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงไม่หยุดนิ่ง และไม่มีท่าทีใดใดที่ชัดเจน ซึ่งทางการรถไฟภาคใต้ต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายวันจนกว่าการแก้ปัญหาต่างๆ เป็นรูปธรรมขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้โดยสารต้องขอความร่วมมือให้ปรับเปลี่ยนช่องทางการสัญจรไปจนกว่าทางการรถไฟภาคใต้จะสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ" นายทนงศักดิ์ กล่าว

ด้านนายไว พรหมเษศ รองประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟ สาขาภาคใต้ เปิดเผยว่า รถไฟในภาคใต้ยังคงหยุดเดินรถทุกขบวน 100% และหยุดสนิทอย่างนี้ต่อไป พนักงานที่เกี่ยวข้องทุกคนหยุดตามสิทธิที่สามารถหยุดได้ โดยเฉพาะพนักงานขับรถ (พขร.) จะใช้สิทธิในการหยุดควบคุมรถจักรได้ตลอดเวลา เป็นลักษณะเดียวกับกฎข้อบังคับความปลอดภัย หาก พขร.ไม่พร้อมทางร่างกายหรือจิตใจ สามารถหยุดควบคุมรถจักรได้ทันที เช่นเดียวกับนักบินพาณิชย์

"ขณะนี้ พขร.ไม่พร้อมที่จะควบคุมรถเพราะไม่สบายใจ คับข้องใจการเมืองที่นายสมัครไม่ยอมรับและฟังเสียงการปฏิเสธของประชาชน ซึ่งการหยุดนั้นจะยังคงหยุดต่อไปโดยไม่มีกำหนดเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์แห่งประเทศไทย"

**"สนามบินภูเก็ต"เปิดบินได้แล้ว
ส่วนบรรยากาศที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ซึ่งถูกพันธมิตรฯปิดทางเข้า-ออกจนต้องปิดสนามบินมาตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ น.ท.วิชา เนินลพ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานภูเก็ต และนายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อให้สายการบินต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำการบินได้ตามปกติแล้ว โดยเที่ยวบินแรก TG 213 ของสายการบินไทยได้นำผู้โดยสาร 380 คนจากสนามบินสุวรรณภูมิ มาลงที่สนามบินภูเก็ตในเวลา 15.30 น.ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯที่ยังคงปักหลักชุมนุมกันอยู่ไม่ให้เข้ามาภายในท่าอากาศยาน

ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเจรจาทำความเข้าใจกับแกนนำพันธมิตรฯภูเก็ตเพื่อขอให้มีการสลายการชุมนุมแล้ว ในเวลา 14.30 น.นายสิทธิชัย กันทวัฒน์ 1 ในแกนนำพันธมิตรฯภูเก็ต ได้อ่านแถลงการณ์ถึงการชุมนุมปิดทางเข้า-ออกของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตว่า ตลอดทั้ง 3 วันที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวชุมนุมปิดท่าอากาศยานเพื่อกดดันรัฐบาลถือว่าประสบความสำเร็จ ทำให้การชุมนุมที่กรุงเทพฯ สามารถดำเนินการต่อไปได้ หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม จึงขอยุติการชุมนุมปิดถนนท่าอากาศยานภูเก็ต ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แต่ถ้ารัฐบาลใช้มาตรการเช่นนี้อีกกลุ่มพันธมิตรฯภูเก็ต ก็พร้อมจะกลับมาเคลื่อนไหวและจะไปร่วมสมทบที่กรุงเทพฯ

**สนามบิน3แห่งเปิดแล้วเช่นกัน
ส่วนสนามบินหาดใหญ่ กระบี่ และสุราษฎร์ธานีนั้นสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแต่ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะที่สนามบินหาดใหญ่ มีการตั้งกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย เตรียมรับสถานการณ์หากกลุ่มพันธมิตรชุมนุมปิดสนามบินอีกครั้ง และมีผู้โดยสารจากภูเก็ตบางส่วนทยอยมาขึ้นเครื่องที่สนามบินหาดใหญ่

น.ท.ณัฎฐ์ โหมาศวิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานหาดใหญ่ เปิดเผยว่า เครือข่ายกลุ่มพันธมิตรฯที่รวมตัวปิดทางเข้า-ออกมาถึง 2 วัน แม้ขณะนี้สถานการณ์จะเป็นปกติและเปิดเที่ยวบินเส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ แต่ท่าอากาศยานฯยังต้องวางมาตรการดูแลไว้อย่างเข้มงวด พร้อมตั้งกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีกำลังตำรวจกองร้อยชุดควบคุมฝูงชน ภ.จว.สงขลา มาช่วยดูแลความปลอดภัย สำหรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการนั้น มีบางส่วนเดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เนื่องจากสนามบินภูเก็ตยังปิดอยู่

ด้านนายจำนง สารอักษร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังจากเครือข่ายกลุ่มพันธมิตรฯสุราษฎร์ธานีรวมตัวปิดถนนทางเข้า-ออกของท่าอากาศยานเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมาทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินชั่วคราว อย่างไรก็ตาม การชุมนุมดังกล่าวไม่ได้ยืดเยื้อ โดยแกนนำขึ้นกล่าวปราศรัยเรียกร้องอยู่ครู่หนึ่ง จึงยุติลง และสนามบินได้เปิดให้บริการตามปกติแล้ว

"นักท่องเที่ยวที่จะเดินไปเกาะสมุย หรือจะเดินทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองไม่มีปัญหา หากมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไร จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบโดยเร็ว

**สหภาพฯกปน.-กปภ.นัดหยุดงาน
เวลาประมาณ 21.00 น. นายสมชาย ศรีนิเวศ ประธานสหภาพการประปานครหลวง ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณทำเนียบรัฐบาลว่า ต่อจากนี้ไปทางสหภาพฯ กปน.จะปฏิบัติการเชิงรุกตามแนวคิดของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เนื่องจากพวกเรารู้ทันรัฐบาลชุดนี้ในการใช้ความสงบสยบเคลื่อนไหวจนเราต้องถอยไปเอง

นายสมชาย ยังเผยอีกว่า สหภาพฯกปน.ได้มีมติเป็นแถลงการณ์ออกมาดังนี้คือ แถลงการณ์ของสหภาพการประปานครหลวง เรื่อง การขับไล่และประณามรัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน โดยเมื่อสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ซึ่งมีสมาชิกถึง 43 แห่ง ได้ประกาศจุดยืนในการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกำจัดการทุจริต และต่อต้านการแทรกแซงการตั้งแต่ผู้บริหารในหน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจ โดยสมาชิก กปน.มีมติให้สนับสนุนอย่างเต็มที่ และให้สมาชิกเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯตลอดเวลา

นอกจากนี้ สหภาพฯ กปน.ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติความรุนแรงกับพันธมิตรฯ และขอประกาศว่า 1.สหภาพจะเข้าร่วมและสนับสนุนประชาชนเพื่อเรียกร้องจนกว่ารัฐบาลสมัครจะออกไป 2.สหภาพขอประณามพฤติกรรมของนายสมัครในการใช้ความรุนแรงกับผู้ร่วมชุมนุม 3.สหภาพจะทำการตัดน้ำและไฟหากมีการใช้ความรุนแรงอีก 4.อยากเรียกร้องให้สมาชิกของสหภาพลาหยุดงานในวันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตร จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ด้านนายธรรมรัตน์ อำขวัญ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาภูมิภาค(กปภ.)ได้ขึ้นอ่านแถลงการณ์ด้วยว่า ในความดูแลของการประปานครหลวงกว่า 228 ประปาทั่วไทย จะขอให้ความร่วมมือกับผู้ชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง หลังจากสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์มีการประกาศจุดยืนชัดเจนในการเข้าร่วมกับพันธมิตรฯ

โดยมีมติดังนี้คือ 1.จะมีการติดตามเหตุการณ์และหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีกเราจะตัดน้ำในส่วนราชาการที่ยังค้างชำระค่าน้ำของการประปา โดยจะเลือกหน่วยงานอย่าง สำนักงานตรำวจ และศาลากลางทุกจังหวัด 2.สหภาพขอให้ความร่วมมือเพื่อเรียกร้องให้กับประชาชนต่อไป 3.พวกเราใคร่ขอให้พนักงานลาหยุดงานตั้งแต่วันที่ 1 เป็นต้นไป เพื่อเขาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาล โดยสหภาพหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในการร่วมมือในครั้งนี้ของสมาชิกและพนักงานทุกคน
กำลังโหลดความคิดเห็น