xs
xsm
sm
md
lg

การใช้หมายจับเป็นเครื่องมือทางการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ
ผู้พิพากษาอาวุโส
ศาลภาษีอากรกลาง

ข้อเขียนนี้ผู้เขียนมีเจตนาที่จะให้เกิดข้อคิดในทางวิชาการต่อสาธารณะชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แก้ปัญหาทางการเมืองเป็นไปโดยชอบทางการเมือง ผู้เขียนมีความกังวลใจอย่างยิ่งในการติดตามสถานะการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ ที่มีการอ้างหมายจับเข้ามาแก้ไขปัญหาทางการเมือง

การขอออกหมายจับ ผู้ขอออกหมายจับจะต้องทำการสอบสวนถึงการกระทำที่อ้างว่า เป็นการกระทำความผิดอาญาให้แน่ชัดเสียก่อนว่า เรื่องจะขอออกหมายจับนั้นเป็นคดีอาญาตามที่กล่าวหา หรือมีมูลคดีอาญาตามที่กล่าวหาหรือไม่ การกล่าวหาเป็นคดีอาญาในขณะที่มีปัญหาข้อขัดแย้งในทางการเมืองระหว่างรัฐบาลกับประชาชนที่ไม่พอใจกับการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลนั้น เป็นข้อเท็จเจริงที่ปรากฎต่อสาธารณะชนทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จุดเริ่มต้นของการกล่าวหาความผิดทางอาญาในข้อหากบฏนั้น จะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจังว่า ศาลมีเขตอำนาจศาลหรือ Territorial Jurisdiction ที่จะพิจารณาหรือมีคำสั่งใดๆ ได้หรือไม่ ทั้งนี้เป็นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22 ซึ่งบัญญัติว่า "เมื่อความผิดเกิดขึ้น อ้างหรือเชื่อว่าได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจศาลใด ให้ชำระที่ศาลนั้น"

ดังนั้น ในกรณีที่มีความขัดแย้งในทางการเมือง ซึ่งปรากฎข้อเท็จจริงต่อสาธารณะชนและประชาคมโลก ศาลจึงต้องตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการที่ศาลมีอำนาจชำระคดีหรือเขตอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลหรือไม่ ซึ่งจะต้องการทำการไต่สวนมูลคดีอาญาที่มีผู้ร้องขอให้ออกหมายจับให้ได้ความเสียก่อนว่า มีมูลคดีอาญาหรือมีมูลความผิดอาญาเกิดขึ้นหรือไม่ หรือที่เรียกว่า Prima Facie หรือ Non Prima Facie อันมิใช่เป็นการตรวจสอบแต่เฉพาะผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดเท่านั้น แต่จะต้องตรวจสอบถึงการมีเขตอำนาจการชำระคดีของศาลด้วย โดยจะต้องทำการไต่สวนถึงขั้นไต่สวนมูลฟ้อง และจะต้องทำการไต่สวนทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ความปรากฏว่าคดีมีมูลอาญา และกรณีดังกล่าวนั้นไม่ใช่เป็นปัญหาทางการเมือง เพราะถ้าเป็นปัญหาทางการเมืองแล้ว ศาลจะไม่มีเขตอำนาจศาลที่จะดำเนินการใดๆ ได้เลย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อสาธารณะชนและประชาคมโลกแล้ว ก็จะต้องยิ่งระมัดระวังมิให้ศาลกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเด็ดขาด เพราะปัญหาทางการเมืองจะต้องแก้ด้วยวิถีทางการเมืองเท่านั้น อันเป็นหลักสากลซึ่งเป็นที่ยอมรับกันในสากลโลก

ทั้งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคิดเห็นและข้อขัดแย้งของประชาชน อันเป็นปัญหาในระดับสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของมนุษยชาติ หากศาลได้ทำการไต่สวนมูลคดีอาญาหรือมูลความผิดอาญาแล้ว ปรากฏว่ามีมูลคดีอาญาในข้อหากบฎตามประมวลกฏหมายอาญาที่อ้างเพื่อให้ขอให้ออกหมายจับ ทั้งไม่เป็นปัญหาทางการเมืองแล้วนั้น ศาลจึงจะมีเขตอำนาจศาลและสามารถดำเนินการออกหมายจับ เพื่อใช้บังคับต่อไปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น