สตูล – ผู้ว่าฯสตูลนำคณะตั้งโต๊ะเจรจากับผู้บริหารเกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือถึงการส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวร่วมกัน เผยบรรลุผลในการนำศักยภาพของเกาะตะรุเตา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับอาเซียนเชื่อมโยงกับเกาะลังกาวีในฐานะ GEO PARK ที่เป็นมรดกโลก รวมทั้งกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวอย่างการตกปลานานาชาติ ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้ว
ในระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ประชุมหารือร่วมกันระหว่างจังหวัดสตูลกับผู้บริหารเกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่มีความสัมพันธ์แบบบ้านพี่เมืองน้องมาอย่างยาวนาน โดยการหาแนวทางการส่งเสริมด้านการค้าและการท่องเที่ยว ในระดับพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สามารถเชื่อมโยงระหว่างแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดสตูลกับเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซียได้
ทั้งนี้ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกับดาโต๊ะชาช์ริลเอสเคย์ อับดุลละห์ กงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำเกาะลังกาวี และดาโต๊ะ กามารูซามาน บิลอับดุลกานี หัวหน้าผู้บริหารลาดา องค์การพัฒนาเกาะลังกาวี เพื่อรับฟังข้อมูลทั่วไปและแนวทางการพัฒนาพื้นที่ เนื่องจากที่เกาะลังกาวีมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2547 -2550 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคน ร้อยละ 60 เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ขณะที่จังหวัดสตูลมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียงปีละประมาณ 7 แสนถึง 1 ล้านคน ส่วนใหญ่มาเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะและตะรุเตา
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีความคิดเห็นที่จะส่งเสริมและพัฒนาด้านการท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศควบคู่กันไป โดยเกาะลังกาวี มีจุดเด่นที่จะนำเสนอคือ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ เน้นถ้ำ ภูเขา และปะการัง ขณะที่เกาะหลีเป๊ะและตะรุเตา มีความเด่นอยู่ที่หาดทรายและปะการังที่สวยงาม ในบรรยากาศสงบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
การประชุมในครั้งนี้ ประเทศมาเลเซียยังมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าหัตถกรรม ผลิตภัณฑ์อาหาร ผักและผลไม้ ซึ่งทางดาโต๊ะชาช์ริลเอสเคย์ อับดุลละห์ กงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำเกาะลังกาวี กล่าวว่า ผู้ที่ต้องการจะส่งสินค้าเหล่านี้ไปจำหน่ายยังเกาะลังกาวี ขอให้ติดต่อผ่านกงสุลได้โดยตรง เพราะสามารถติดต่อไปยังผู้ประกอบการหรือโรงแรมที่ต้องการสินค้าเหล่านี้ได้โดยตรง
ในเรื่องนี้ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า เห็นด้วยและพร้อมที่จะสนับสนุนให้จังหวัดสตูลและเกาะลังกาวี มีการพัฒนาและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวร่วมกันและเชื่อมโยงกันได้ในอนาคต ระหว่างเกาะลังกาวี ซึ่งเป็น GEO PARK ที่เป็นมรดกโลก กับตะรุเตา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับอาเซียน รวมทั้งกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น การตกปลานานาชาติ ซึ่งสตูลและลังกาวีได้ร่วมกันจัดขึ้นและสลับกันเป็นเจ้าภาพติดต่อกันมาเป็นปีที่ 7 แล้ว ประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจทั้ง 2 ประเทศ
ด้าน นายมูฮัมหมัดฟูซี บินโมไอดิน ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปองค์การพัฒนาเกาะลังกาวี กล่าวว่า หากสตูลและเกาะลังกาวีร่วมมือกันพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีเป้าหมายเดียวกัน จะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝ่ายอย่างมหาศาล โดยมาเลเซียไม่เคยคิดที่จะแข่งขันการท่องเที่ยวกับสตูล แต่เราอยากจะให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีการส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพราะเรามีทรัพยากรที่คล้ายคลึงกัน
“เมื่อนักท่องเที่ยวมาสตูลก็อยากจะให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ลังกาวี ในขณะเดียวกันเมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ลังกาวี ก็จะส่งเสริมให้ไปเที่ยวที่สตูลด้วย เรียกว่าเป็นยุทธศาสตร์ 2 Country 1 desturation หรือ 2 ประเทศ 1 เป้าหมาย เข้าหลักเกณฑ์ win win solution คือชนะทั้ง 2 ฝ่าย” นายมูฮัมหมัดฟูซี บินโมไอดิน กล่าว
ในระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ประชุมหารือร่วมกันระหว่างจังหวัดสตูลกับผู้บริหารเกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่มีความสัมพันธ์แบบบ้านพี่เมืองน้องมาอย่างยาวนาน โดยการหาแนวทางการส่งเสริมด้านการค้าและการท่องเที่ยว ในระดับพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สามารถเชื่อมโยงระหว่างแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดสตูลกับเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซียได้
ทั้งนี้ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกับดาโต๊ะชาช์ริลเอสเคย์ อับดุลละห์ กงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำเกาะลังกาวี และดาโต๊ะ กามารูซามาน บิลอับดุลกานี หัวหน้าผู้บริหารลาดา องค์การพัฒนาเกาะลังกาวี เพื่อรับฟังข้อมูลทั่วไปและแนวทางการพัฒนาพื้นที่ เนื่องจากที่เกาะลังกาวีมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2547 -2550 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่น้อยกว่าปีละ 2 ล้านคน ร้อยละ 60 เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ขณะที่จังหวัดสตูลมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียงปีละประมาณ 7 แสนถึง 1 ล้านคน ส่วนใหญ่มาเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะและตะรุเตา
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีความคิดเห็นที่จะส่งเสริมและพัฒนาด้านการท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศควบคู่กันไป โดยเกาะลังกาวี มีจุดเด่นที่จะนำเสนอคือ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ เน้นถ้ำ ภูเขา และปะการัง ขณะที่เกาะหลีเป๊ะและตะรุเตา มีความเด่นอยู่ที่หาดทรายและปะการังที่สวยงาม ในบรรยากาศสงบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
การประชุมในครั้งนี้ ประเทศมาเลเซียยังมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าหัตถกรรม ผลิตภัณฑ์อาหาร ผักและผลไม้ ซึ่งทางดาโต๊ะชาช์ริลเอสเคย์ อับดุลละห์ กงสุลกิตติมศักดิ์ ประจำเกาะลังกาวี กล่าวว่า ผู้ที่ต้องการจะส่งสินค้าเหล่านี้ไปจำหน่ายยังเกาะลังกาวี ขอให้ติดต่อผ่านกงสุลได้โดยตรง เพราะสามารถติดต่อไปยังผู้ประกอบการหรือโรงแรมที่ต้องการสินค้าเหล่านี้ได้โดยตรง
ในเรื่องนี้ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า เห็นด้วยและพร้อมที่จะสนับสนุนให้จังหวัดสตูลและเกาะลังกาวี มีการพัฒนาและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวร่วมกันและเชื่อมโยงกันได้ในอนาคต ระหว่างเกาะลังกาวี ซึ่งเป็น GEO PARK ที่เป็นมรดกโลก กับตะรุเตา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับอาเซียน รวมทั้งกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น การตกปลานานาชาติ ซึ่งสตูลและลังกาวีได้ร่วมกันจัดขึ้นและสลับกันเป็นเจ้าภาพติดต่อกันมาเป็นปีที่ 7 แล้ว ประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจทั้ง 2 ประเทศ
ด้าน นายมูฮัมหมัดฟูซี บินโมไอดิน ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปองค์การพัฒนาเกาะลังกาวี กล่าวว่า หากสตูลและเกาะลังกาวีร่วมมือกันพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีเป้าหมายเดียวกัน จะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝ่ายอย่างมหาศาล โดยมาเลเซียไม่เคยคิดที่จะแข่งขันการท่องเที่ยวกับสตูล แต่เราอยากจะให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีการส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพราะเรามีทรัพยากรที่คล้ายคลึงกัน
“เมื่อนักท่องเที่ยวมาสตูลก็อยากจะให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ลังกาวี ในขณะเดียวกันเมื่อนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ลังกาวี ก็จะส่งเสริมให้ไปเที่ยวที่สตูลด้วย เรียกว่าเป็นยุทธศาสตร์ 2 Country 1 desturation หรือ 2 ประเทศ 1 เป้าหมาย เข้าหลักเกณฑ์ win win solution คือชนะทั้ง 2 ฝ่าย” นายมูฮัมหมัดฟูซี บินโมไอดิน กล่าว