เอเอฟพี – คนร้าย 2 คนที่อ้างตัวเป็นกลุ่มกบฏดาร์ฟูร์ ปล่อยตัวผู้โดยสาร 87 คนออกจากเครื่องบินโดยสารของซูดาน ซึ่งถูกพวกเขาจี้และลงจอดในสนามบินที่อยู่กลางทะเลทรายของลิเบียแล้วเมื่อวานนี้ (27) แต่ยังกักตัวลูกเรือไว้ และจะบังคับให้นำเครื่องไปลงที่ปารีส
“ผู้โดยสารทั้งหมดออกจากเครื่องบินแล้ว” เจ้าหน้าที่ของลิเบียผู้หนึ่งแจ้งมาจากบริเวณโอเอซิสกุฟรา ซึ่งเครื่องบินถูกบังคับให้ลงจอดเมื่อคืนวันอังคาร(26) ภายหลังถูกคนร้ายจี้ ระหว่างบินอยู่ในเส้นทางภายในซูดาน จากเมืองนยาลา ที่เป็นเมืองสำคัญในแคว้นดาร์ฟูร์ ไปยังกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน
“คนร้ายทั้งสองและลูกเรืออีก 7 คนยังคงอยู่ในเครื่องบิน เรากำลังพยายามเจรจากับพวกเขา” เจ้าหน้าที่ลิเบียบอก ทว่าเจ้าหน้าที่ของซูดานผู้หนึ่งระบุว่ามีลูกเรือบนเครื่องอยู่ 8 คนด้วยกัน
ลิเบียยังได้ปฏิเสธข่าวที่ผู้จัดการของสายการบินของเครื่องบินลำนี้ ออกข่าวคนร้ายได้ถูกจับกุมตัวแล้ว
ทั้งนี้ เครื่องบินลำดังกล่าวแจ้งว่าน้ำมันหมด จึงได้รับอนุญาตจากทางการลิเบียให้ลงจอดที่สนามบินเก่ายุคสงครามโลกครั้งที่สองแห่งนี้ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ใกล้กับชายแดนของซูดาน ส่วนผู้โดยสารได้รับน้ำดื่มแต่ไม่มีอาหาร และมีบางคนถึงกับเป็นลมเนื่องจากเครื่องปรับอากาศไม่ทำงานท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุ
ทางด้านซูดาน อาลี อัล-ซาดิก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า “ก่อนอื่น เราขอประณามการจี้เครื่องบินพลเรือน และขณะนี้เรากำลังติดต่อและหารือกับทางการลิเบียที่สนามบินกุฟรา” นอกจากนั้น ซูดานยังได้เรียกร้องให้ลิเบียจับกุมตัวคนร้ายและส่งตัวกลับมาที่คาร์ทูม
ทั้งนี้ ขบวนการดาร์ฟูร์ซึ่งลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลอาหรับเมื่อปี 2003 ไม่ได้ออกมาอ้างตนว่าเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้แต่อย่างใด แต่คาเลด ซาเซยา ผู้จัดการสนามบินกุฟราบอกว่า คนร้ายเป็นสมาชิกของกลุ่มย่อยที่อยู่ในกองทัพปลดปล่อยชาวซูดาน (เอสแอลเอ) โดยมีอับเดล วาฮิบ โมฮัมเหม็ด นูร์ เป็นผู้นำ แต่นูร์ถูกเนรเทศและขณะนี้อยู่ที่กรุงปารีส
ซาเซยาอ้างคำพูดของนักบินที่กล่าวว่า “คนร้ายอ้างว่าจะประสานกับนูร์เพื่อไปสมทบกับเขาที่ปารีส” นอกจากนั้น เขายังบอกว่าคนร้ายทั้งสองต้องการนำเครื่องบินไปลงที่ปารีสและต้องการเติมน้ำมัน
ทว่า อิบราฮิม อัล-ฮิลโล ผู้บัญชาการคนหนึ่งในกลุ่มของนูร์ ได้ปฏิเสธว่าขบวนการไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่ชี้ว่าคนร้ายจี้เครื่องบินอาจเป็นกลุ่มที่สนับสนุนขบวนการของเขาก็ได้ ขณะที่นูร์เองก็ปฏิเสธเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์อัล-จาซีราว่า “เราขอยืนกรานปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ต่อปฏิบัติการจี้เครื่องบินในครั้งนี้”
ทั้งนี้ เอสแอลเอเกิดการแตกแยกเป็นกลุ่มย่อยจำนวนมาก และมีผู้บัญชาการหลายคนด้วยกันในการทำสงครามกับรัฐบาลซูดานในเขตดาร์ฟูร์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศมานานถึงกว่า 5 ปีแล้ว
ก่อนหน้านี้ ในวันจันทร์ กองกำลังรักษาความปลอดภัยของซูดาน ระดมกำลังบุกเข้าไปในค่ายผู้พลัดถิ่นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในดาร์ฟูร์ บริเวณใกล้กับเมืองนยาลาซึ่งเกิดเหตุจี้เครื่องบิน
เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประช่าชาติกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 33 คนในวันอังคารหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่อยู่ในค่าย
สหประชาชาติระบุว่า นับตั้งแต่เกิดสงครามที่ดาร์ฟูร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2003 มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 300,000 คน และอีกกว่า 2.2 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน ขณะที่ซูดานระบุว่ามีผู้ถูกสังหารไป 10,000 คน
“ผู้โดยสารทั้งหมดออกจากเครื่องบินแล้ว” เจ้าหน้าที่ของลิเบียผู้หนึ่งแจ้งมาจากบริเวณโอเอซิสกุฟรา ซึ่งเครื่องบินถูกบังคับให้ลงจอดเมื่อคืนวันอังคาร(26) ภายหลังถูกคนร้ายจี้ ระหว่างบินอยู่ในเส้นทางภายในซูดาน จากเมืองนยาลา ที่เป็นเมืองสำคัญในแคว้นดาร์ฟูร์ ไปยังกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน
“คนร้ายทั้งสองและลูกเรืออีก 7 คนยังคงอยู่ในเครื่องบิน เรากำลังพยายามเจรจากับพวกเขา” เจ้าหน้าที่ลิเบียบอก ทว่าเจ้าหน้าที่ของซูดานผู้หนึ่งระบุว่ามีลูกเรือบนเครื่องอยู่ 8 คนด้วยกัน
ลิเบียยังได้ปฏิเสธข่าวที่ผู้จัดการของสายการบินของเครื่องบินลำนี้ ออกข่าวคนร้ายได้ถูกจับกุมตัวแล้ว
ทั้งนี้ เครื่องบินลำดังกล่าวแจ้งว่าน้ำมันหมด จึงได้รับอนุญาตจากทางการลิเบียให้ลงจอดที่สนามบินเก่ายุคสงครามโลกครั้งที่สองแห่งนี้ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ใกล้กับชายแดนของซูดาน ส่วนผู้โดยสารได้รับน้ำดื่มแต่ไม่มีอาหาร และมีบางคนถึงกับเป็นลมเนื่องจากเครื่องปรับอากาศไม่ทำงานท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุ
ทางด้านซูดาน อาลี อัล-ซาดิก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า “ก่อนอื่น เราขอประณามการจี้เครื่องบินพลเรือน และขณะนี้เรากำลังติดต่อและหารือกับทางการลิเบียที่สนามบินกุฟรา” นอกจากนั้น ซูดานยังได้เรียกร้องให้ลิเบียจับกุมตัวคนร้ายและส่งตัวกลับมาที่คาร์ทูม
ทั้งนี้ ขบวนการดาร์ฟูร์ซึ่งลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลอาหรับเมื่อปี 2003 ไม่ได้ออกมาอ้างตนว่าเป็นผู้ก่อเหตุครั้งนี้แต่อย่างใด แต่คาเลด ซาเซยา ผู้จัดการสนามบินกุฟราบอกว่า คนร้ายเป็นสมาชิกของกลุ่มย่อยที่อยู่ในกองทัพปลดปล่อยชาวซูดาน (เอสแอลเอ) โดยมีอับเดล วาฮิบ โมฮัมเหม็ด นูร์ เป็นผู้นำ แต่นูร์ถูกเนรเทศและขณะนี้อยู่ที่กรุงปารีส
ซาเซยาอ้างคำพูดของนักบินที่กล่าวว่า “คนร้ายอ้างว่าจะประสานกับนูร์เพื่อไปสมทบกับเขาที่ปารีส” นอกจากนั้น เขายังบอกว่าคนร้ายทั้งสองต้องการนำเครื่องบินไปลงที่ปารีสและต้องการเติมน้ำมัน
ทว่า อิบราฮิม อัล-ฮิลโล ผู้บัญชาการคนหนึ่งในกลุ่มของนูร์ ได้ปฏิเสธว่าขบวนการไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่ชี้ว่าคนร้ายจี้เครื่องบินอาจเป็นกลุ่มที่สนับสนุนขบวนการของเขาก็ได้ ขณะที่นูร์เองก็ปฏิเสธเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เขาให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์อัล-จาซีราว่า “เราขอยืนกรานปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ต่อปฏิบัติการจี้เครื่องบินในครั้งนี้”
ทั้งนี้ เอสแอลเอเกิดการแตกแยกเป็นกลุ่มย่อยจำนวนมาก และมีผู้บัญชาการหลายคนด้วยกันในการทำสงครามกับรัฐบาลซูดานในเขตดาร์ฟูร์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศมานานถึงกว่า 5 ปีแล้ว
ก่อนหน้านี้ ในวันจันทร์ กองกำลังรักษาความปลอดภัยของซูดาน ระดมกำลังบุกเข้าไปในค่ายผู้พลัดถิ่นที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในดาร์ฟูร์ บริเวณใกล้กับเมืองนยาลาซึ่งเกิดเหตุจี้เครื่องบิน
เจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประช่าชาติกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 33 คนในวันอังคารหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่อยู่ในค่าย
สหประชาชาติระบุว่า นับตั้งแต่เกิดสงครามที่ดาร์ฟูร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2003 มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 300,000 คน และอีกกว่า 2.2 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน ขณะที่ซูดานระบุว่ามีผู้ถูกสังหารไป 10,000 คน