นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขอให้บุคลากรทางการแพทย์งดลางานในช่วงที่ยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการขับไล่รัฐบาล เพื่อรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
"สธ.ยินดีสนับสนุนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งเรื่องอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์ต่างๆ โดยปฏิบัติไปตามหน้าที่ อย่างกรณีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่บาดเจ็บหัวแตก เมื่อช่วง 3.00 น.วานนี้ (27 ส.ค.) จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเข้าสับเปลี่ยนกำลังที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ยืนยันว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่" นายชวรัตน์กล่าว
เมื่อถามว่าจะแนะนำให้ผู้ชุมนุมดูแลสุขภาพอย่างไร นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก็ขอให้หยุดชุมนุมเสีย เพราะหากคำนึงถึงปัญหาเรื่องสุขภาพการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดด้วยผู้คน และอากาศที่ร้อนจัด ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเจ็บป่วย
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร กล่าวว่า ได้มีการประสานงานอาสาสมัครแพทย์ ในเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเตรียมพร้อมรถกู้ชีพฉุกเฉินให้จอดไว้ตามจุดต่างๆ โดยจะต้องเข้าถึงตัวผู้บาดเจ็บ หรือผู้ป่วยภายใน 5 นาที รวมทั้งให้โรงพยาบาลใกล้เคียงสำรองเตียงไว้รองรับหากเกิดการเจ็บป่วยฉุกเฉิน นอกจากนี้ได้เปิดสายด่วน ให้แพทย์ที่เป็นอาสาสมัคร ที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือแพทย์ฉุกเฉินได้ทันที อย่างไรก็ตาม กลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่ามีการเตรียมความพร้อมในการชุมนุมด้านการแพทย์ไว้อย่างดี
"สธ.ยินดีสนับสนุนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งเรื่องอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์ต่างๆ โดยปฏิบัติไปตามหน้าที่ อย่างกรณีผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่บาดเจ็บหัวแตก เมื่อช่วง 3.00 น.วานนี้ (27 ส.ค.) จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเข้าสับเปลี่ยนกำลังที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ยืนยันว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่" นายชวรัตน์กล่าว
เมื่อถามว่าจะแนะนำให้ผู้ชุมนุมดูแลสุขภาพอย่างไร นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก็ขอให้หยุดชุมนุมเสีย เพราะหากคำนึงถึงปัญหาเรื่องสุขภาพการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดด้วยผู้คน และอากาศที่ร้อนจัด ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเจ็บป่วย
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร กล่าวว่า ได้มีการประสานงานอาสาสมัครแพทย์ ในเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเตรียมพร้อมรถกู้ชีพฉุกเฉินให้จอดไว้ตามจุดต่างๆ โดยจะต้องเข้าถึงตัวผู้บาดเจ็บ หรือผู้ป่วยภายใน 5 นาที รวมทั้งให้โรงพยาบาลใกล้เคียงสำรองเตียงไว้รองรับหากเกิดการเจ็บป่วยฉุกเฉิน นอกจากนี้ได้เปิดสายด่วน ให้แพทย์ที่เป็นอาสาสมัคร ที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือแพทย์ฉุกเฉินได้ทันที อย่างไรก็ตาม กลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่ามีการเตรียมความพร้อมในการชุมนุมด้านการแพทย์ไว้อย่างดี