xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กเพอร์เฟคฯลั่นซื้อหุ้นคืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - สมาคมนักวิเคราะห์ เปิดโผ 5 บริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายทำโครงการซื้อหุ้นคืน แต่คาดหวังปีหนี้แค่ 10 ราย ด้านบล.ทิสโก้ เผยตั้งแต่ปี 44 มีบจ.ซื้อหุ้นคืน 39 แห่ง ประสบความสำเร็จเพียง 20 บริษัท ที่ราคาหุ้นเพิ่ม 14% จากราคาหุ้นต่ำกว่าแวลู ด้าน "พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค" ขอเวลาศึกษา 2-3 เดือน ทนไม่ไหวราคาหุ้นเทรด 3 บาท ขณะที่บุ๊กแวลูอยู่ที่ 8 บาท

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลนักวิเคราะห์ของสมาคมนักวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่า มีบริษัทที่มีคุณสมบัติที่จะทำการซื้อหุ้นคืนจากการที่มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี มีหนี้สินต่อทุนต่ำ และค่า P/E ต่ำ ประกอบด้วย บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA และบริษัทที่ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

"หากส่วนตัวได้พบผู้บริหารบริษัทซึ่งผลิตไฟฟ้า 2 แห่ง จะแนะนำให้มีการซื้อหุ้นคืนจากที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน ค่า P/E และ D/E ต่ำ หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี 2 บริษัท และบริษัทพัฒนาอสังริมทรัพย์ 2-3 แห่ง"นายสมบัติ กล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูลว่าหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET 50 ทุกบริษัทราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสม ขณะที่หุ้นใน SET 100 เองมีหุ้นต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมประมาณ 90% ของหุ้นทั้งหมด โดยเชื่อว่าหากปีนี้มีบริษัทมีการทำโครงการซื้อหุ้นคืน 10 บริษัทก็ถือว่ามีจำนวนที่สูง เพราะตั้งแต่ช่วงปี 2544 จึงถึงปัจจุบัน มีบจ.ที่ทำการซื้อคืนประมาณ 39 บริษัท โดยเชื่อว่าในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 800 จุด ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งหากดัชนีกลับไปที่ 800 จุด ไม่ควรที่จะทำซื้อหุ้นคืน และบริษัทที่จะทำควรที่จะมีราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมและจะต้องมีสภาพคล่องทางการเงินส่วนเกินเพื่อไม่กระทบกับเงินที่จะต้องนำไปทำธุรกิจ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทที่มีการซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 39 บริษัท มีประมาณกว่า 20 บริษัทที่มีการซื้อหุ้นคืนและประสบความสำเร็จ ราคาหุ้นปรับตัวดีขึ้น 14% หลังจาก 6 เดือนที่มีการทำซื้อหุ้นคืน และปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น และมีประมาณ 10 บริษัท ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ที่ราคาหุ้นไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากที่เข้าไปซื้อคืนผิดจังหวะและราคาหุ้นไม่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน

ทั้งนี้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่ทำโครงการซื้อหุ้นเฉลี่ยประมาณ 3-4 บริษัท โดยจากการศึกษาจากบริษัทที่มีการทำโครงการซื้อหุ้นคืนในต่างประเทศ พบว่าหุ้นมีปริมาณการซื้อขายที่ดี และราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก เมื่อราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราคาที่เหมาะสมแล้วก็จะทำให้มีแรงซื้อขายเข้ามา เพราะเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานผู้ถือหุ้นเดิมก็ไม่อยากขาย ทำให้ไม่มีแรงซื้อขาย

อย่างไรก็ตามในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้นคืนนั้นจะต้องเป็นบริษัทที่มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานเท่านั้น แต่หากบริษัทที่ทำราคาหุ้นยังไม่ต่ำแล้วมีการซื้อหุ้นคืนก็จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทยิ่งปรับตัวลดลง เพราะ ผู้ถือหุ้นไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินในการขยายกิจการมาซื้อหุ้นคืนจึงมีการขายหุ้นออกมา

"เมื่อมีการซื้อหุ้นคืนแล้วราคาหุ้นไม่ขึ้น ทำให้ขายหุ้นได้ราคาไม่ดี บริษัทก็สามารถที่จะนำไปเป็นอีสปเพื่อให้แก่พนักงาน และผู้บริหารของบริษัทได้แทนการเพิ่มทุน และลดทุนได้ ซึ่งในต่างประเทศมีการทำ "

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะซื้อหุ้นคืน ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 2-3 เดือน โดยเชื่อว่าจะซื้อหุ้นคืนประมาณ 10% ซึ่งไม่ต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น ทั้งนี้เนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทในตลาดมีการซื้อขายอยู่ที่ 3 บาท ขณะที่มูลค่าหุ้นตามบัญชีของบริษัทอยู่ที่ 8 บาท มีค่า P/E เพียง 5 เท่า หนี้สินต่อทุนเพียง 0.8 เท่า และคาดว่าจะเหลือ 0.6 เท่า

นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า การที่จะซื้อหุ้นคืนแล้วทำให้หุ้นในตลาดมีสภาพคล่องควรที่จะมีมูลค่าการซื้อคืนที่สูงประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ถ้าซื้อคืนในมูลค่าที่ต่ำเป็นหลัก 100 ล้านบาท จะไม่ค่อยช่วยให้สภาพคล่องดีขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น