รอยเตอร์ – อัยการอินโดนีเซียตั้งข้อหาอดีตรองหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนคนสำคัญ ซึ่งเสียชีวิตจากพิษสารหนูขณะกำลังโดยสารเครื่องบินไปเนเธอร์แลนด์เมื่อปี 2004
อัยการระบุว่ามุชดี เปอร์โวพรันโจโน ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติอินโดนีเซียในเวลานั้น ได้ใช้อำนาจของเขาสั่งให้มีการวางยาพิษ มูนีร์ ทาลิบ นักเคลื่อนไหวผู้มักวิพากษ์วิจารณ์กองทัพอินโดนีเซียอย่างรุนแรงตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ อดีตนักบินของสายการบินการูด้า ปอลลีคาร์ปัส ปริยันโต ได้ถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปีเนื่องจากเป็นผู้นำเอาเครื่องดื่มเจือยาพิษไปให้มูนีร์ดื่ม ในขณะที่กำลังรอเปลี่ยนเครื่องบินในสนามบินชางงีของสิงคโปร์
คดีนี้ถือว่าเป็นบททดสอบรัฐบาลอินโดนีเซียว่ามีเจตนารมณ์จะดำเนินการตามข้อกฏหมายมากน้อยเพียงไร รวมทั้งยังส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงของหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยสืบราชการลับ
คดีนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำหน่วยงานสืบราชการสำคัญของประเทศจะต้องไปขึ้นศาล ในความพยายามของรัฐบาลที่จะทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะนำความยุติธรรมมาสู่เหยื่อของการกระทำครั้งนี้ และหากว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดซึ่งผู้ที่ออกคำสั่งอาจจะต้องเผชิญก็คือการประหารชีวิต
ซีรัส ซินาก้า อัยการกล่าวว่าสาเหตุที่มูนีร์ถูกลอบสังหาร เป็นเพราะเขาเปิดเผยข้อมูลการลักพาตัวของทหารหน่วยรบพิเศษของกองทัพอินโดนีเซียในปี 1997 และ 1998 อันเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีซูฮาร์โตยังอยู่ในอำนาจ การเปิดเผยคดีนี้นำไปสู่การปลดเปอร์โวปรานโจโนซึ่งตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษดังกล่าว
อัยการระบุว่ามุชดี เปอร์โวพรันโจโน ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติอินโดนีเซียในเวลานั้น ได้ใช้อำนาจของเขาสั่งให้มีการวางยาพิษ มูนีร์ ทาลิบ นักเคลื่อนไหวผู้มักวิพากษ์วิจารณ์กองทัพอินโดนีเซียอย่างรุนแรงตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ อดีตนักบินของสายการบินการูด้า ปอลลีคาร์ปัส ปริยันโต ได้ถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปีเนื่องจากเป็นผู้นำเอาเครื่องดื่มเจือยาพิษไปให้มูนีร์ดื่ม ในขณะที่กำลังรอเปลี่ยนเครื่องบินในสนามบินชางงีของสิงคโปร์
คดีนี้ถือว่าเป็นบททดสอบรัฐบาลอินโดนีเซียว่ามีเจตนารมณ์จะดำเนินการตามข้อกฏหมายมากน้อยเพียงไร รวมทั้งยังส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงของหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยสืบราชการลับ
คดีนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำหน่วยงานสืบราชการสำคัญของประเทศจะต้องไปขึ้นศาล ในความพยายามของรัฐบาลที่จะทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ว่าจะนำความยุติธรรมมาสู่เหยื่อของการกระทำครั้งนี้ และหากว่ามีความผิดจริง โทษสูงสุดซึ่งผู้ที่ออกคำสั่งอาจจะต้องเผชิญก็คือการประหารชีวิต
ซีรัส ซินาก้า อัยการกล่าวว่าสาเหตุที่มูนีร์ถูกลอบสังหาร เป็นเพราะเขาเปิดเผยข้อมูลการลักพาตัวของทหารหน่วยรบพิเศษของกองทัพอินโดนีเซียในปี 1997 และ 1998 อันเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีซูฮาร์โตยังอยู่ในอำนาจ การเปิดเผยคดีนี้นำไปสู่การปลดเปอร์โวปรานโจโนซึ่งตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรบพิเศษดังกล่าว
