เอเอฟพี - ไม่ว่าคุณจะอยากเห็นบ้านหลังละหลายล้านของคนดังฮอลลีวูด หรือสถานที่เกิดอาชญากรรมต่ำช้า ไกด์ทัวร์ลอสแองเจลิสจัดให้ได้เสมอ
แต่ไกลออกไปจากเบฟเวอรีฮิลส์และฮอลลีวูด จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ โรเบิร์ต คาบราเลส กำลังเตรียมออกเดินทางพร้อมผู้โดยสารเต็มคันรถในทริปที่มีจุดประสงค์เพื่อตีแผ่ ‘ความลับโสมม’ ของเมืองนางฟ้า
‘ทัวร์สารพิษ’ ที่จัดโดยกลุ่มคอมมิวนิตี้ส์ ฟอร์ เบ็ตเตอร์ เอนไวรอนเมนท์ (ซีบีอีซีเอแอล) จะพานักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ผ่านทิวทัศน์และกลิ่นของหลุมดำด้านสิ่งแวดล้อมชื่อกระฉ่อนที่สุดบางแห่งของแอลเอ
“จุดประสงค์หลักคือ เพื่อให้ผู้คนรู้ว่ามีบางสิ่งที่นี่ ซึ่งเป็นความลับโสมมที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อน เมื่อเราพูดถึงการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลอสแองเจลีส พวกเขาคงไม่ได้เห็นสถานที่เหล่านี้” คาบราเลสบอก
ทัวร์สารพิษเริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยจะจัดขึ้นเดือนละหลายครั้ง และคณะทัวร์ประกอบด้วยผู้คนจากหลากหลายวงการ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ห่วงใยในสภาพแวดล้อม นักเรียน นักกิจกรรม หรือกระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐบาล
คาบราเลสเสริมว่า เป้าหมายของการทัวร์คือแฉ ‘ความอยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม’ ของแอลเอ ที่ซึ่งชาวบ้านยากจนต้องอาศัยอยู่ร่วมกับอุตสาหกรรมหนัก
หนึ่งในจุดแวะพักของคณะทัวร์นี้คือ สถานที่ที่เคยเป็น ‘ลามองตานา’ หรือภูเขาเศษหินดินปูนที่ตกค้างมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอสแองเจลีสเมื่อปี 1994 และถูกทิ้งค้างถาวรอยู่หน้าบ้านชาวบ้านตาดำๆ
ภูเขาซากอาคารดังกล่าว ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุให้คุณภาพอากาศในบริเวณนั้นแย่ลง และนำพาโรคระบบทางเดินหายใจมาให้ผู้อยู่อาศัย ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นเรื่อยมาเกือบหนึ่งทศวรรษจนกระทั่งสมาชิกสภาลอสแองเจลีสผู้หนึ่งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว หลังพบว่ามีอัตราผู้ป่วยหอบหืดและปอดล้มเหลวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
คาบราเลสยังเล่าว่า ฮันติงตันปาร์กถูกเรียกขานว่า ‘เมืองหอบหืด’ เนื่องจากมีอัตราผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคนี้สูงมาก และสาเหตุมาจากการที่ชุมชนนั้นถูกโอบล้อมด้วยศูนย์อุตสาหกรรมเวอร์นอนถึงสามด้าน
หนึ่งในจุดแวะพักที่น่าตกตะลึงที่สุดคือ โรงเรียนประถมซูวาในย่านเบลล์การ์เดนส์ สถานที่เกิดเหตุอื้อฉาวด้านสุขภาพอันเนื่องมาจากมลพิษจากโรงชุบโครเมียมมากกว่าหนึ่งแห่งในละแวกใกล้เคียง
นับจากปี 1987-1988 อดีตนักเรียน 7 จาก 11 คนของซูวาแท้ง และ 4 คนในจำนวนนั้นถูกตรวจพบว่าตัวอ่อนในครรภ์พิกลพิการ
เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นและตัดสินใจตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง สิ่งที่พบคือไม่เพียงศิษย์เก่าของซูวาเท่านั้น แต่ประชาชนภายในชุมชนทั้งหมดมีอัตราการแท้งและมะเร็งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
การตรวจสอบคุณภาพอากาศในเวลาต่อมาจึงพบว่ามีสารประกอบเฮกซาวาเลนต์โครเมียมปนเปื้อนในบรรยากาศในระดับสูง และสารเหล่านี้มาจากโรงชุบโครเมียม ที่น่าตกใจคือโรงงานแห่งหนึ่งติดตั้งปล่องไฟหันหน้าไปทางสนามเด็กเล่นของซูวาพอดิบพอดี
รถทัวร์คันนี้ยังแวะที่ถนนเงียบสงบสายหนึ่งที่ตัดผ่านชุมชนที่อยู่อาศัยซึ่งอาจไม่ต่างอะไรกับถนนอีกหลายสายในอเมริกา ถ้าเพียงแต่ถนนสายนี้จะไม่มีหอโลหะและโรงกลั่นน้ำมันใหญ่โตที่ปลายสุดของถนน
สำหรับแพทริก เบ็กเนลล์ ลูกทัวร์วัย 23 ปี ที่ทำมาหากินเป็นนักดนตรีในแอลเอ ที่นี่เป็นที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของการเดินทาง
“การแนบชิดติดกันของโรงกลั่นน้ำมันกับย่านชุมชนเป็นการเปิดตาผมให้สว่างอย่างที่สุด
“การที่ได้รู้ว่าสนามหลังบ้านของพวกเขาแท้จริงแล้วคือโรงกลั่นน้ำมันเป็นทั้งสิ่งที่น่าอัศจรรย์และน่าขนหัวลุกไปพร้อมกัน
“ถ้านักท่องเที่ยวทั่วไปหรือชาวแอลเอได้เห็นในสิ่งที่เราเห็น ผมคิดว่าพวกเขาคงมีความสำนึกกันมากขึ้น รวมถึงตระหนักว่าชุมชนควรจัดการอะไรและอย่างไร”
แต่ไกลออกไปจากเบฟเวอรีฮิลส์และฮอลลีวูด จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ โรเบิร์ต คาบราเลส กำลังเตรียมออกเดินทางพร้อมผู้โดยสารเต็มคันรถในทริปที่มีจุดประสงค์เพื่อตีแผ่ ‘ความลับโสมม’ ของเมืองนางฟ้า
‘ทัวร์สารพิษ’ ที่จัดโดยกลุ่มคอมมิวนิตี้ส์ ฟอร์ เบ็ตเตอร์ เอนไวรอนเมนท์ (ซีบีอีซีเอแอล) จะพานักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ผ่านทิวทัศน์และกลิ่นของหลุมดำด้านสิ่งแวดล้อมชื่อกระฉ่อนที่สุดบางแห่งของแอลเอ
“จุดประสงค์หลักคือ เพื่อให้ผู้คนรู้ว่ามีบางสิ่งที่นี่ ซึ่งเป็นความลับโสมมที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อน เมื่อเราพูดถึงการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลอสแองเจลีส พวกเขาคงไม่ได้เห็นสถานที่เหล่านี้” คาบราเลสบอก
ทัวร์สารพิษเริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยจะจัดขึ้นเดือนละหลายครั้ง และคณะทัวร์ประกอบด้วยผู้คนจากหลากหลายวงการ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ห่วงใยในสภาพแวดล้อม นักเรียน นักกิจกรรม หรือกระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐบาล
คาบราเลสเสริมว่า เป้าหมายของการทัวร์คือแฉ ‘ความอยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม’ ของแอลเอ ที่ซึ่งชาวบ้านยากจนต้องอาศัยอยู่ร่วมกับอุตสาหกรรมหนัก
หนึ่งในจุดแวะพักของคณะทัวร์นี้คือ สถานที่ที่เคยเป็น ‘ลามองตานา’ หรือภูเขาเศษหินดินปูนที่ตกค้างมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอสแองเจลีสเมื่อปี 1994 และถูกทิ้งค้างถาวรอยู่หน้าบ้านชาวบ้านตาดำๆ
ภูเขาซากอาคารดังกล่าว ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุให้คุณภาพอากาศในบริเวณนั้นแย่ลง และนำพาโรคระบบทางเดินหายใจมาให้ผู้อยู่อาศัย ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นเรื่อยมาเกือบหนึ่งทศวรรษจนกระทั่งสมาชิกสภาลอสแองเจลีสผู้หนึ่งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว หลังพบว่ามีอัตราผู้ป่วยหอบหืดและปอดล้มเหลวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
คาบราเลสยังเล่าว่า ฮันติงตันปาร์กถูกเรียกขานว่า ‘เมืองหอบหืด’ เนื่องจากมีอัตราผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคนี้สูงมาก และสาเหตุมาจากการที่ชุมชนนั้นถูกโอบล้อมด้วยศูนย์อุตสาหกรรมเวอร์นอนถึงสามด้าน
หนึ่งในจุดแวะพักที่น่าตกตะลึงที่สุดคือ โรงเรียนประถมซูวาในย่านเบลล์การ์เดนส์ สถานที่เกิดเหตุอื้อฉาวด้านสุขภาพอันเนื่องมาจากมลพิษจากโรงชุบโครเมียมมากกว่าหนึ่งแห่งในละแวกใกล้เคียง
นับจากปี 1987-1988 อดีตนักเรียน 7 จาก 11 คนของซูวาแท้ง และ 4 คนในจำนวนนั้นถูกตรวจพบว่าตัวอ่อนในครรภ์พิกลพิการ
เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นและตัดสินใจตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง สิ่งที่พบคือไม่เพียงศิษย์เก่าของซูวาเท่านั้น แต่ประชาชนภายในชุมชนทั้งหมดมีอัตราการแท้งและมะเร็งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
การตรวจสอบคุณภาพอากาศในเวลาต่อมาจึงพบว่ามีสารประกอบเฮกซาวาเลนต์โครเมียมปนเปื้อนในบรรยากาศในระดับสูง และสารเหล่านี้มาจากโรงชุบโครเมียม ที่น่าตกใจคือโรงงานแห่งหนึ่งติดตั้งปล่องไฟหันหน้าไปทางสนามเด็กเล่นของซูวาพอดิบพอดี
รถทัวร์คันนี้ยังแวะที่ถนนเงียบสงบสายหนึ่งที่ตัดผ่านชุมชนที่อยู่อาศัยซึ่งอาจไม่ต่างอะไรกับถนนอีกหลายสายในอเมริกา ถ้าเพียงแต่ถนนสายนี้จะไม่มีหอโลหะและโรงกลั่นน้ำมันใหญ่โตที่ปลายสุดของถนน
สำหรับแพทริก เบ็กเนลล์ ลูกทัวร์วัย 23 ปี ที่ทำมาหากินเป็นนักดนตรีในแอลเอ ที่นี่เป็นที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของการเดินทาง
“การแนบชิดติดกันของโรงกลั่นน้ำมันกับย่านชุมชนเป็นการเปิดตาผมให้สว่างอย่างที่สุด
“การที่ได้รู้ว่าสนามหลังบ้านของพวกเขาแท้จริงแล้วคือโรงกลั่นน้ำมันเป็นทั้งสิ่งที่น่าอัศจรรย์และน่าขนหัวลุกไปพร้อมกัน
“ถ้านักท่องเที่ยวทั่วไปหรือชาวแอลเอได้เห็นในสิ่งที่เราเห็น ผมคิดว่าพวกเขาคงมีความสำนึกกันมากขึ้น รวมถึงตระหนักว่าชุมชนควรจัดการอะไรและอย่างไร”
