รอยเตอร์ – คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แจ้งกับญี่ปุ่นผ่านทางมาซาฮิโกะ โคมูระ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ว่า วอชิงตัน จะไม่ถอดชื่อเกาหลีเหนือออกจากบัญชีรายชื่อประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายของสหรัฐฯ ตามกำหนดการเบื้องต้นในวันจันทร์ (11)
โคมูระอ้างว่าได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวจากไรซ์ทางโทรศัพท์ และสหรัฐฯ ก็ระบุชัดเจนด้วยว่า ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถตกลงกับรัฐบาลของเกาหลีเหนือในเรื่องการเสนอแผนการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ได้ภายในวันจันทร์ ทว่าการเจรจาในเรื่องนี้จะยังคงเดินหน้าต่อไป
การชะลอการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ได้รับการขานรับอย่างดีจากญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นวิตกว่าการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือจะทำให้ญี่ปุ่นมีหนทางน้อยลงในอันที่จะจัดการกับกรณีที่มีชาวญี่ปุ่น 13 คนถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อหลายทศวรรษก่อน
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือได้เปิดการเจรจาเกี่ยวกับกรณีลักพาตัวชาวญี่ปุ่นดังกล่าว ที่เมืองเสิ่นหยาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นเวลาสองวันด้วยกัน เนื่องจากกรณีนี้เป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจเกาหลีเหนืออย่างมาก และยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูดระหว่างสองประเทศอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ วอชิงตัน ได้ให้คำมั่นกับเกาหลีเหนือว่าอาจจะถอดเกาหลีเหนือออกจากบัญชีรายชื่อประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายได้ อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 11 สิงหาคม หากสหรัฐฯ ได้รับแผนการตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่หนักแน่นจริงจังจากฝ่ายเปียงยาง แต่ทางการสหรัฐฯ ก็กล่าวเสริมด้วยว่า การระบุวันที่ดังกล่าวเป็น “กำหนดเวลาในเบื้องต้น” ไม่ใช่กำหนดเวลาตายตัว
การถอดชื่อออกจากบัญชีรายชื่อประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายถือเป็นการยุติมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้เกาหลีเหนือสามารถทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารระหว่างประเทศได้ และยังจะได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ในอีกหลายๆ ด้านด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวจุดชนวนความไม่พอใจขึ้นในหมู่ญาติมิตรของชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปในราวทศวรรษ 1970 และ 1980 รวมทั้งนักการเมืองบางส่วนที่เกรงว่ามาตรการผ่อนปรนของสหรัฐฯ จะทำให้ญี่ปุ่นจัดการกับกรณีลักพาตัวได้ยากขึ้น
ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ญี่ปุ่นเคยระบุว่าอาจจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนต่อเกาหลีเหนือ เนื่องจากรัฐบาลเกาหลีเหนือตกลงที่เปิดให้มีการสืบสวนหาตัวผู้ที่ถูกลักพาตัวไป แต่ภายหลังญี่ปุ่นก็ออกมากล่าวว่า การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของญี่ปุ่นนั้นขึ้นอยู่กับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสืบสวนในข้อตกลงด้วย
ส่วนเกาหลีเหนือก็ยอมรับว่าเมื่อปี 2002 สายลับของเกาหลีเหนือได้ลักพาตัวชาวญี่ปุ่น 13 คนไปจริง โดยมีชาวญี่ปุ่นห้าคนถูกส่งตัวกลับภายในปีเดียวกันนั้น แต่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการข้อมูลเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นอีก 8 คนที่เหลือ ซึ่งเกาหลีเหนือยืนกรานว่าทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว นอกจากนั้นยังมีชาวญี่ปุ่นอีก 4 คนถูกลักพาตัวไปเช่นกันในเวลาต่อมา และญี่ปุ่นก็ต้องการทราบชะตากรรมของเหยื่อเหล่านั้นด้วย
โคมูระอ้างว่าได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวจากไรซ์ทางโทรศัพท์ และสหรัฐฯ ก็ระบุชัดเจนด้วยว่า ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถตกลงกับรัฐบาลของเกาหลีเหนือในเรื่องการเสนอแผนการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ได้ภายในวันจันทร์ ทว่าการเจรจาในเรื่องนี้จะยังคงเดินหน้าต่อไป
การชะลอการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ได้รับการขานรับอย่างดีจากญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นวิตกว่าการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือจะทำให้ญี่ปุ่นมีหนทางน้อยลงในอันที่จะจัดการกับกรณีที่มีชาวญี่ปุ่น 13 คนถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไปเมื่อหลายทศวรรษก่อน
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือได้เปิดการเจรจาเกี่ยวกับกรณีลักพาตัวชาวญี่ปุ่นดังกล่าว ที่เมืองเสิ่นหยาง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เป็นเวลาสองวันด้วยกัน เนื่องจากกรณีนี้เป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจเกาหลีเหนืออย่างมาก และยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูดระหว่างสองประเทศอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ วอชิงตัน ได้ให้คำมั่นกับเกาหลีเหนือว่าอาจจะถอดเกาหลีเหนือออกจากบัญชีรายชื่อประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายได้ อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 11 สิงหาคม หากสหรัฐฯ ได้รับแผนการตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่หนักแน่นจริงจังจากฝ่ายเปียงยาง แต่ทางการสหรัฐฯ ก็กล่าวเสริมด้วยว่า การระบุวันที่ดังกล่าวเป็น “กำหนดเวลาในเบื้องต้น” ไม่ใช่กำหนดเวลาตายตัว
การถอดชื่อออกจากบัญชีรายชื่อประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้ายถือเป็นการยุติมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้เกาหลีเหนือสามารถทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารระหว่างประเทศได้ และยังจะได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ในอีกหลายๆ ด้านด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวจุดชนวนความไม่พอใจขึ้นในหมู่ญาติมิตรของชาวญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวไปในราวทศวรรษ 1970 และ 1980 รวมทั้งนักการเมืองบางส่วนที่เกรงว่ามาตรการผ่อนปรนของสหรัฐฯ จะทำให้ญี่ปุ่นจัดการกับกรณีลักพาตัวได้ยากขึ้น
ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ญี่ปุ่นเคยระบุว่าอาจจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนต่อเกาหลีเหนือ เนื่องจากรัฐบาลเกาหลีเหนือตกลงที่เปิดให้มีการสืบสวนหาตัวผู้ที่ถูกลักพาตัวไป แต่ภายหลังญี่ปุ่นก็ออกมากล่าวว่า การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของญี่ปุ่นนั้นขึ้นอยู่กับรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสืบสวนในข้อตกลงด้วย
ส่วนเกาหลีเหนือก็ยอมรับว่าเมื่อปี 2002 สายลับของเกาหลีเหนือได้ลักพาตัวชาวญี่ปุ่น 13 คนไปจริง โดยมีชาวญี่ปุ่นห้าคนถูกส่งตัวกลับภายในปีเดียวกันนั้น แต่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการข้อมูลเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นอีก 8 คนที่เหลือ ซึ่งเกาหลีเหนือยืนกรานว่าทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว นอกจากนั้นยังมีชาวญี่ปุ่นอีก 4 คนถูกลักพาตัวไปเช่นกันในเวลาต่อมา และญี่ปุ่นก็ต้องการทราบชะตากรรมของเหยื่อเหล่านั้นด้วย
