เดลิเมล์ – เมลิสสา โบว์เมอร์ กำลังเตรียมตัวรับการบำบัดหลังรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง แต่ไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง หมอวินิจฉัยว่าลูกชายวัยสี่ขวบของเธอเป็นโรคร้ายนี้เช่นกัน
สิ่งที่เมลิสสาตัดสินใจในวินาทีนั้นคือ การเสียสละอย่างที่แม่ที่ดีทุกคนพึงกระทำ เธอชะลอการทำคีโมออกไปหกเดือน เพื่อดูแลลูกน้อยให้ผ่านพ้นขั้นตอนการรักษาเนื้องอกในสมองไปก่อน
มอเตือนว่าการชะลอการบำบัดอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แต่เมลิสสาตัดสินใจแน่วแน่ว่าเธอต้องการอยู่เคียงข้างลูกในสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอ
ถึงตอนนี้ ทั้งแม่และลูกกลับบ้านได้แล้วโดยที่มะเร็งร้ายไม่ได้ตามไปรบกวนแต่อย่างใด
“ลูกชายของฉันฟื้นตัวจากเนื้องอกในสมองแล้วและแข็งแรงดี ถึงแม้ต้องเสี่ยงชีวิต แต่การมีแม่อยู่ข้างๆ เป็นสิ่งดีที่สุดที่เขาสมควรได้รับ
“ทันทีที่เขาตื่นขึ้นมาจากการผ่าตัดใหญ่นานแปดชั่วโมงเพื่อตัดเนื้องอกทิ้ง เขาร้องหาฉัน และฉันรออยู่ข้างเตียงอยู่แล้ว
“ถ้าตอนนั้นฉันอ่อนแอเพราะทำเคมีบำบัด ฉันคงไปอยู่ให้กำลังใจเขาไม่ได้” เมลิสสา วัย 38 ปี อดีตพนักงานในแผนกบริการลูกค้าในสวอนซี เวลส์ เล่า
หลังจากตรวจพบก้อนเนื้อในหน้าอกด้านซ้าย แพทย์วินิจฉัยว่าเมลิสสาเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว สี่สัปดาห์ต่อมา เธอเข้ารับการผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายออกที่โรงพยาบาลซิงเกิลตันในคาร์ดิฟฟ์
เมลิสสา ที่แต่งงานกับฌอน ผู้จัดการธุรกิจรับซื้อเศษโลหะวัย 40 ปี มีกำหนดเข้ารับการบำบัดด้วยเคมีในสี่สัปดาห์หลังจากนั้น
แต่หนึ่งวันก่อนเริ่มต้นทำคีโม แพทย์กลับพบว่าเลเวลินเป็นมะเร็ง
เด็กชายมีอาการบางอย่างที่แพทย์ไม่เข้าใจ แต่เมื่อทำซีทีสแกนจึงพบเนื้องอกชนิดที่พบเพียง 100 เคสเท่านั้นในเวลส์
เลเวลินถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลฮีทในคาร์ดิฟฟ์ และเมลิสสาบอกว่าเธอต้องการชะลอการบำบัดไว้ก่อน
“เขาอายุแค่สี่ขวบ ตอนนี้ฉันคิดถึงแต่เขาเท่านั้น”
เลเวลินเริ่มทำคีโมทันที และเข้ารับการบำบัดด้วยรังสีในเดือนมกราคม
หมอที่รักษาเมลิสสาจัดการให้เธอเริ่มต้นจากการบำบัดด้วยรังสีก่อนทำคีโม เพื่อให้เธอได้รับการรักษาไปพร้อมกันกับลูกชาย
“สำหรับเลเวลินแล้วการบำบัดไม่น่ากลัวเลย เพราะมีฉันอยู่ด้วย เราทั้งคู่ผมร่วงด้วยกัน” เมลิสสาที่ขณะนี้ยังรับการบำบัดด้วยเคมี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนนี้ บอกว่าเธอไม่เสียใจเลย
“เราได้กำลังใจจากกันและกัน ฉันอยู่ที่นั่นเพื่อเขา และตอนนี้เขาดีขึ้นแล้ว ฉันรู้ดีว่าตัวเองต้องต่อสู้เป็นสองเท่าเพื่อให้ได้อยู่ตรงนั้นกับเขา” ยอดคุณแม่ทิ้งท้าย
สิ่งที่เมลิสสาตัดสินใจในวินาทีนั้นคือ การเสียสละอย่างที่แม่ที่ดีทุกคนพึงกระทำ เธอชะลอการทำคีโมออกไปหกเดือน เพื่อดูแลลูกน้อยให้ผ่านพ้นขั้นตอนการรักษาเนื้องอกในสมองไปก่อน
มอเตือนว่าการชะลอการบำบัดอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แต่เมลิสสาตัดสินใจแน่วแน่ว่าเธอต้องการอยู่เคียงข้างลูกในสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอ
ถึงตอนนี้ ทั้งแม่และลูกกลับบ้านได้แล้วโดยที่มะเร็งร้ายไม่ได้ตามไปรบกวนแต่อย่างใด
“ลูกชายของฉันฟื้นตัวจากเนื้องอกในสมองแล้วและแข็งแรงดี ถึงแม้ต้องเสี่ยงชีวิต แต่การมีแม่อยู่ข้างๆ เป็นสิ่งดีที่สุดที่เขาสมควรได้รับ
“ทันทีที่เขาตื่นขึ้นมาจากการผ่าตัดใหญ่นานแปดชั่วโมงเพื่อตัดเนื้องอกทิ้ง เขาร้องหาฉัน และฉันรออยู่ข้างเตียงอยู่แล้ว
“ถ้าตอนนั้นฉันอ่อนแอเพราะทำเคมีบำบัด ฉันคงไปอยู่ให้กำลังใจเขาไม่ได้” เมลิสสา วัย 38 ปี อดีตพนักงานในแผนกบริการลูกค้าในสวอนซี เวลส์ เล่า
หลังจากตรวจพบก้อนเนื้อในหน้าอกด้านซ้าย แพทย์วินิจฉัยว่าเมลิสสาเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว สี่สัปดาห์ต่อมา เธอเข้ารับการผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายออกที่โรงพยาบาลซิงเกิลตันในคาร์ดิฟฟ์
เมลิสสา ที่แต่งงานกับฌอน ผู้จัดการธุรกิจรับซื้อเศษโลหะวัย 40 ปี มีกำหนดเข้ารับการบำบัดด้วยเคมีในสี่สัปดาห์หลังจากนั้น
แต่หนึ่งวันก่อนเริ่มต้นทำคีโม แพทย์กลับพบว่าเลเวลินเป็นมะเร็ง
เด็กชายมีอาการบางอย่างที่แพทย์ไม่เข้าใจ แต่เมื่อทำซีทีสแกนจึงพบเนื้องอกชนิดที่พบเพียง 100 เคสเท่านั้นในเวลส์
เลเวลินถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลฮีทในคาร์ดิฟฟ์ และเมลิสสาบอกว่าเธอต้องการชะลอการบำบัดไว้ก่อน
“เขาอายุแค่สี่ขวบ ตอนนี้ฉันคิดถึงแต่เขาเท่านั้น”
เลเวลินเริ่มทำคีโมทันที และเข้ารับการบำบัดด้วยรังสีในเดือนมกราคม
หมอที่รักษาเมลิสสาจัดการให้เธอเริ่มต้นจากการบำบัดด้วยรังสีก่อนทำคีโม เพื่อให้เธอได้รับการรักษาไปพร้อมกันกับลูกชาย
“สำหรับเลเวลินแล้วการบำบัดไม่น่ากลัวเลย เพราะมีฉันอยู่ด้วย เราทั้งคู่ผมร่วงด้วยกัน” เมลิสสาที่ขณะนี้ยังรับการบำบัดด้วยเคมี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนนี้ บอกว่าเธอไม่เสียใจเลย
“เราได้กำลังใจจากกันและกัน ฉันอยู่ที่นั่นเพื่อเขา และตอนนี้เขาดีขึ้นแล้ว ฉันรู้ดีว่าตัวเองต้องต่อสู้เป็นสองเท่าเพื่อให้ได้อยู่ตรงนั้นกับเขา” ยอดคุณแม่ทิ้งท้าย
