รอยเตอร์ - รายงานจากสหภาพสากลเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น) ระบุเมื่อวันอังคาร (5) ว่าลิงทั้งชนิดที่มีหางและไม่มีหางราวครึ่งหนึ่งในทั่วโลกกำลังเผชิญกับการคุกคามที่อาจถึงขั้นสูญพันธุ์ได้ จากปัญหาการตัดไม่ทำลายป่าและการถูกล่าเป็นอาหาร
"เรามีข้อมูลที่หนักแน่นที่จะแสดงว่าสถานการณ์ขณะนี้เลวร้ายเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้" รัสเซล มิตเตอร์มีเออร์ ประธานของไอยูซีเอ็น และหัวหน้ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ไพรเมท (สัตว์ประเภทลิง)ประจำองค์การระบุ
ทั้งนี้ ไอยูซีเอ็นได้ประเมิน "บัญชีรายชื่อสีแดง" ของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ พบว่า 48 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ไพรเมทจำนวน 634 สายพันธุ์และสายพันธุ์ย่อย ซึ่งได้แก่สัตว์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด คือ ชิมแปนซี อุรังอุตัง ชะนี และลีเมอร์ กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ได้ เปรียบเทียบกับรายงานที่จัดทำขึ้นเมื่อห้าปีก่อนซึ่งพบว่ามีไพรเมทราว 39 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์
ส่วนสาเหตุสำคัญของการสูญพันธุ์ก็คือ การทำลายถิ่นที่อยู่ ไม่ว่าจะโดยการเผาถางป่าเขตร้อนเพื่อทำการเกษตร หรือการล่าลิงเพื่อกินเนื้อ โดยที่เนื้อกอริลลา ชิมแปนซี และลิงไม่มีหางชนิดอื่นนั้นมีราคาสูงกว่าเนื้อวัว เนื้อไก่ และปลาในประเทศแถบอัฟริกาบางประเทศ
"เรามีข้อมูลที่หนักแน่นที่จะแสดงว่าสถานการณ์ขณะนี้เลวร้ายเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้" รัสเซล มิตเตอร์มีเออร์ ประธานของไอยูซีเอ็น และหัวหน้ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ไพรเมท (สัตว์ประเภทลิง)ประจำองค์การระบุ
ทั้งนี้ ไอยูซีเอ็นได้ประเมิน "บัญชีรายชื่อสีแดง" ของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ พบว่า 48 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ไพรเมทจำนวน 634 สายพันธุ์และสายพันธุ์ย่อย ซึ่งได้แก่สัตว์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด คือ ชิมแปนซี อุรังอุตัง ชะนี และลีเมอร์ กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ได้ เปรียบเทียบกับรายงานที่จัดทำขึ้นเมื่อห้าปีก่อนซึ่งพบว่ามีไพรเมทราว 39 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์
ส่วนสาเหตุสำคัญของการสูญพันธุ์ก็คือ การทำลายถิ่นที่อยู่ ไม่ว่าจะโดยการเผาถางป่าเขตร้อนเพื่อทำการเกษตร หรือการล่าลิงเพื่อกินเนื้อ โดยที่เนื้อกอริลลา ชิมแปนซี และลิงไม่มีหางชนิดอื่นนั้นมีราคาสูงกว่าเนื้อวัว เนื้อไก่ และปลาในประเทศแถบอัฟริกาบางประเทศ