เอเอฟพี - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (29) ผ่านญัตติขอขมาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของประเทศ ต่อการปฏิบัติด้วย "ความอยุติธรรม, ความทารุณ, ความโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมอย่างเลวร้าย” ต่อชาวแอฟริกัน – อเมริกันที่ตกอยู่ภายใต้ระบบการค้าทาสและการแบ่งแยกสีผิวในอดีตที่ผ่านมา
ญัตติกฎหมายฉบับนี้ "แสดงการขอโทษชาวแอฟริกัน - อเมริกัน ในนามของปวงชนชาวสหรัฐฯ จากการกระทำความผิดต่อชาวผิวดำและบรรพบุรุษ" ผู้ถูกกดขี่ภายใต้ระบบการค้าทาส" และกฎหมายเหยียดผิวที่รู้จักกันดีในนาม “กฎหมายจิม โครว์"
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นจะแก้ไข “ผลพวงที่ยังหลงเหลืออยู่” จากระบบการค้าทาสและการแบ่งแยกสีผิวด้วย
สตีฟ โคเฮน สส. จากมลรัฐเทนเนสซี ผู้เสนอญัตติการขอขมาดังกล่าวตั้งแต่เมื่อต้นปี 2007 แสดงความยกย่องและสรรเสริญการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
"นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ในการยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองในประเทศ ผมหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะเปิดทางไปสู่การสนทนาเรื่องเชื้อชาติและความเท่าเทียมสำหรับปวงชน”
“การขอขมาครั้งนี้ มิใช่เพียงการแสดงท่าทีอันว่างเปล่า หากแต่เป็นความจำเป็นในขั้นแรกที่จะนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์ระหว่าประชาชน” โคเฮนกล่าวในคำแถลง
ญัตติกฎหมายฉบับนี้ "แสดงการขอโทษชาวแอฟริกัน - อเมริกัน ในนามของปวงชนชาวสหรัฐฯ จากการกระทำความผิดต่อชาวผิวดำและบรรพบุรุษ" ผู้ถูกกดขี่ภายใต้ระบบการค้าทาส" และกฎหมายเหยียดผิวที่รู้จักกันดีในนาม “กฎหมายจิม โครว์"
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นจะแก้ไข “ผลพวงที่ยังหลงเหลืออยู่” จากระบบการค้าทาสและการแบ่งแยกสีผิวด้วย
สตีฟ โคเฮน สส. จากมลรัฐเทนเนสซี ผู้เสนอญัตติการขอขมาดังกล่าวตั้งแต่เมื่อต้นปี 2007 แสดงความยกย่องและสรรเสริญการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
"นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ในการยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองในประเทศ ผมหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะเปิดทางไปสู่การสนทนาเรื่องเชื้อชาติและความเท่าเทียมสำหรับปวงชน”
“การขอขมาครั้งนี้ มิใช่เพียงการแสดงท่าทีอันว่างเปล่า หากแต่เป็นความจำเป็นในขั้นแรกที่จะนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์ระหว่าประชาชน” โคเฮนกล่าวในคำแถลง