รอยเตอร์ - วุฒิสภาสหรัฐฯลงมติด้วยเสียงอันท่วมท้นให้เปิดการอภิปรายร่างกฏหมายควบคุมการเก็งกำไรในตลาดพลังงาน ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นปัจจัยหลักทำให้ราคาน้ำมันดิบและสำเร็จรูปที่พุ่งขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การผ่านร่างกฎหมายนี้ในขั้นสุดท้าย อาจจะไม่ราบรื่นนัก เพราะความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างผู้สนับสนุนกฏหมายฉบับนี้ที่เป็นพวกเดโมแครตและพวกรีพับลิกันโดยฝ่ายรีพับลิกันต้องการแปรญัตติรวมเอาประเด็นการกระตุ้นให้มีการเพิ่มการผลิตน้ำมันภายในประเทศเข้าไว้ด้วย
ตามระเบียบของวุฒิสภา ก่อนที่จะเปิดอภิปรายร่างกฏหมายฉบับนี้ได้อย่างราบรื่น จำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุน 60 เสียงขึ้นไป ซึ่งปรากฏว่ามีวุฒิสมาชิก 94 จากที่มีอยู่ทั้งหมด 100 ที่นั่ง ลงมติในวันอังคาร(22)อนุมัติให้เข้าสู่กระบวนการอภิปรายได้ แต่รีพับลิกันน่าจะรวมกำลังกันสกัดกั้นมิให้กฏหมายนี้ผ่านสภา จนกว่าจะมีการเพิ่มเรื่องการอนุมัติให้ขยายการขุดเจาะน้ำมันชายฝั่ง และการพัฒนาแหล่งขุดเจาะหินน้ำมัน
ส่วนเดโมแครตนั้นไม่เห็นด้วยที่จะเปิดบริเวณที่ห้ามการขุดเจาะ ให้กับพวกบริษัทน้ำมัน โดยให้เหตุผลว่าบริษัทเหล่านี้ควรจะสำรวจน้ำมันบนพื้นที่ที่เช่าจากรัฐบาลไปหลายล้านเอเคอร์ก่อนหน้านี้ให้หมดเสียก่อน
สำหรับสาระของร่างกฏหมายฉบับนี้ กำหนดให้ผู้ค้าตราสารระดับสถาบันต้องให้ข้อมูลแก่หน่วยงานกำกับดูแลมากขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายนอกตลาดที่ไม่มีระเบียบควบคุมเอาไว้ เพื่อให้สามารถดูแลในกรณีที่มีการปั่นราคาหรือการเก็งกำไรมากเกินไปได้
นอกจากนี้ร่างกฏหมายก็ยังให้อำนาจคณะกรรมาธิการตลาดค้าอนุพันธ์ฟิวเจอร์สสินโภคภัณฑ์(ซีเอฟทีซี) ตรวจสอบพฤติกรรมของพวกดีลเลอร์ข้อตกลงประเภทสว็อป และกองทุนดัชนีโภคภัณฑ์ต่าง ๆได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ร่างกฏหมายฉบับนี้มิได้กำหนดมาร์จินของการขายและซื้อน้ำมันให้สูงขึ้น ดังที่ตลาดฟิวเจอร์สวิตกกัน แต่จะกำหนดจำนวนสัญญาซื้อขายน้ำมันที่นักเก็งกำไรสามารถจะถือครองได้
แฮร์รี่ รีด วุฒิสมาชิกเดโมแครตที่เป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภากล่าวว่า กฏหมายนี้จะทำให้ต้นทุนพลังงานเชื้อเพลิงถูกลงมา "กระทั่งว่าเราไม่ทำอย่างอื่นใดอีก นอกจากการผ่านกฏหมายควบคุมการเก็งกำไรฉบับนี้ ชาวอเมริกันก็จะมีความสุขขึ้นมากๆ และก็จะเกิดผลกระทบต่อตลาดอย่างรวดเร็วและราคาน้ำมันก็จะลดลงตามมา" เขากล่าว
แต่ มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภากลับมองว่าการควบคุมการเก็งกำไรนั้นเป็น "แค่ส่วนเสี้ยวของแก้ไขปัญหาเท่านั้น" แมคคอนเนลบอกว่า"ชาวอเมริกันจะเดินหน้าเรียกร้องวิธีการแก้ไขปัญหาที่จริงจังกว่านี้ ซึ่งลงไปแก้ไขกันที่อุปทานและอุปสงค์อันเป็นพื้นฐานของตลาด และสิ่งใดที่น้อยกว่านี้ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา"
รีดเสนอว่าให้เดโมแครตและรีพับลิกันเสนอแปรญัตติแก้ไขร่างกฏหมายฉบับนี้ได้ฝ่ายละหนึ่งประเด็น แต่รีพับลิกันกลับแสดงท่าทีว่าอาจจะเสนอถึง 28 ประเด็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องต่าง ๆกันตั้งแต่ด้านการผลิตไปจนถึงการอนุรักษ์พลังงาน
เมื่อนักข่าวถามว่ารีดเห็นว่าจะสามารถประนีประนอมกันได้หรือไม่ รีดก็ตอบว่า "ยังไม่เห็นเลย" และเส้นตายก็กระชั้นเข้ามาแล้วเพราะว่ารัฐสภาจะพักการประชุมในเดือนสิงหาคมนี้
อนึ่ง ในวันเดียวกันนี้ คณะทำงานเฉพาะกิจที่มาจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล, ธนาคารกลางสหรัฐฯ, และหน่วยงานผู้คุมกฎ โดยมี ซีเอฟทีซี เป็นแกนนำ ได้เสนอรายงานที่ระบุว่า ราคาน้ำมันแพงเนื่องมาจากปัจจัยด้านอุปทานและอุปสงค์ ไม่ควรประณามนักเก็งกำไร
ทว่า ผู้ว่าการซีเอฟทีซี แบร์ต ชิงตัน แถลงว่าเขาไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปของคณะทำงานเฉพาะกิจ แต่เห็นด้วยสนับสนุนความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา
อย่างไรก็ตาม การผ่านร่างกฎหมายนี้ในขั้นสุดท้าย อาจจะไม่ราบรื่นนัก เพราะความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างผู้สนับสนุนกฏหมายฉบับนี้ที่เป็นพวกเดโมแครตและพวกรีพับลิกันโดยฝ่ายรีพับลิกันต้องการแปรญัตติรวมเอาประเด็นการกระตุ้นให้มีการเพิ่มการผลิตน้ำมันภายในประเทศเข้าไว้ด้วย
ตามระเบียบของวุฒิสภา ก่อนที่จะเปิดอภิปรายร่างกฏหมายฉบับนี้ได้อย่างราบรื่น จำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุน 60 เสียงขึ้นไป ซึ่งปรากฏว่ามีวุฒิสมาชิก 94 จากที่มีอยู่ทั้งหมด 100 ที่นั่ง ลงมติในวันอังคาร(22)อนุมัติให้เข้าสู่กระบวนการอภิปรายได้ แต่รีพับลิกันน่าจะรวมกำลังกันสกัดกั้นมิให้กฏหมายนี้ผ่านสภา จนกว่าจะมีการเพิ่มเรื่องการอนุมัติให้ขยายการขุดเจาะน้ำมันชายฝั่ง และการพัฒนาแหล่งขุดเจาะหินน้ำมัน
ส่วนเดโมแครตนั้นไม่เห็นด้วยที่จะเปิดบริเวณที่ห้ามการขุดเจาะ ให้กับพวกบริษัทน้ำมัน โดยให้เหตุผลว่าบริษัทเหล่านี้ควรจะสำรวจน้ำมันบนพื้นที่ที่เช่าจากรัฐบาลไปหลายล้านเอเคอร์ก่อนหน้านี้ให้หมดเสียก่อน
สำหรับสาระของร่างกฏหมายฉบับนี้ กำหนดให้ผู้ค้าตราสารระดับสถาบันต้องให้ข้อมูลแก่หน่วยงานกำกับดูแลมากขึ้นเกี่ยวกับการซื้อขายนอกตลาดที่ไม่มีระเบียบควบคุมเอาไว้ เพื่อให้สามารถดูแลในกรณีที่มีการปั่นราคาหรือการเก็งกำไรมากเกินไปได้
นอกจากนี้ร่างกฏหมายก็ยังให้อำนาจคณะกรรมาธิการตลาดค้าอนุพันธ์ฟิวเจอร์สสินโภคภัณฑ์(ซีเอฟทีซี) ตรวจสอบพฤติกรรมของพวกดีลเลอร์ข้อตกลงประเภทสว็อป และกองทุนดัชนีโภคภัณฑ์ต่าง ๆได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ร่างกฏหมายฉบับนี้มิได้กำหนดมาร์จินของการขายและซื้อน้ำมันให้สูงขึ้น ดังที่ตลาดฟิวเจอร์สวิตกกัน แต่จะกำหนดจำนวนสัญญาซื้อขายน้ำมันที่นักเก็งกำไรสามารถจะถือครองได้
แฮร์รี่ รีด วุฒิสมาชิกเดโมแครตที่เป็นผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภากล่าวว่า กฏหมายนี้จะทำให้ต้นทุนพลังงานเชื้อเพลิงถูกลงมา "กระทั่งว่าเราไม่ทำอย่างอื่นใดอีก นอกจากการผ่านกฏหมายควบคุมการเก็งกำไรฉบับนี้ ชาวอเมริกันก็จะมีความสุขขึ้นมากๆ และก็จะเกิดผลกระทบต่อตลาดอย่างรวดเร็วและราคาน้ำมันก็จะลดลงตามมา" เขากล่าว
แต่ มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภากลับมองว่าการควบคุมการเก็งกำไรนั้นเป็น "แค่ส่วนเสี้ยวของแก้ไขปัญหาเท่านั้น" แมคคอนเนลบอกว่า"ชาวอเมริกันจะเดินหน้าเรียกร้องวิธีการแก้ไขปัญหาที่จริงจังกว่านี้ ซึ่งลงไปแก้ไขกันที่อุปทานและอุปสงค์อันเป็นพื้นฐานของตลาด และสิ่งใดที่น้อยกว่านี้ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา"
รีดเสนอว่าให้เดโมแครตและรีพับลิกันเสนอแปรญัตติแก้ไขร่างกฏหมายฉบับนี้ได้ฝ่ายละหนึ่งประเด็น แต่รีพับลิกันกลับแสดงท่าทีว่าอาจจะเสนอถึง 28 ประเด็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องต่าง ๆกันตั้งแต่ด้านการผลิตไปจนถึงการอนุรักษ์พลังงาน
เมื่อนักข่าวถามว่ารีดเห็นว่าจะสามารถประนีประนอมกันได้หรือไม่ รีดก็ตอบว่า "ยังไม่เห็นเลย" และเส้นตายก็กระชั้นเข้ามาแล้วเพราะว่ารัฐสภาจะพักการประชุมในเดือนสิงหาคมนี้
อนึ่ง ในวันเดียวกันนี้ คณะทำงานเฉพาะกิจที่มาจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล, ธนาคารกลางสหรัฐฯ, และหน่วยงานผู้คุมกฎ โดยมี ซีเอฟทีซี เป็นแกนนำ ได้เสนอรายงานที่ระบุว่า ราคาน้ำมันแพงเนื่องมาจากปัจจัยด้านอุปทานและอุปสงค์ ไม่ควรประณามนักเก็งกำไร
ทว่า ผู้ว่าการซีเอฟทีซี แบร์ต ชิงตัน แถลงว่าเขาไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปของคณะทำงานเฉพาะกิจ แต่เห็นด้วยสนับสนุนความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา
