เอเอฟพี - บารัค โอบามา ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตกล่าวภายหลังพบปะกับนายกรัฐมนตรีนูรี อัล-มาลิกิแห่งอิรักเมื่อวันจันทร์ (21) ว่าอิรักสนับสนุนการถอนทหารสหรัฐฯ ทั้งหมดออกจากอิรักภายในปี 2010
โอบามาซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนอิรักเป็นเวลาสองวันกล่าวยอมรับด้วยว่าเขาไม่ได้คาดการณ์ว่านโยบายโหมกำลังพลสหรัฐฯ เข้าไปในอิรักนั้นจะใช้ได้ผลดีเพียงใดหากพิจารณาปัจจัยในระดับท้องถิ่นร่วมด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองสำคัญซึ่งแตกต่างจากของจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
"นายกรัฐมนตรีอิรักกล่าวว่าขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเริ่มต้นแผนการปรับโครงสร้างกำลังทหารของเราในอิรัก ซึ่งรวมถึงเรื่องของจำนวนทหารและภารกิจต่างๆ ด้วย" โอบามาระบุในคำแถลงที่ออกจากสำนักงานวุฒิสมาชิกของเขา
ส่วนในแถลงการณ์ร่วมของเขากับวุฒิสมาชิกแจ็ค รีด และชัค แฮเกล ในระหว่างการเยือนอิรักด้วยกัน ก็ระบุด้วยว่า "เขา (นายกรัฐมนตรีอิรัก) แสดงความหวังว่ากำลังทหารของสหรัฐฯ จะถอนออกมาจากอิรักได้ภายในปี 2010"
โอบามาซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเยือนประเทศต่างๆ เพื่อสร้างการยอมรับในบทบาทความเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเขา ถ้าหากเขาได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี กำลังหาเสียงด้วยการให้สัญญาว่า จะถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกจากอิรักภายใน 16 เดือน อันเป็นกำหนดเวลาที่สั้นกว่าที่นายกรัฐมนตรีมาลิกิต้องการเล็กน้อย
ทว่า แมคเคนปฏิเสธแนวคิดดังกล่าวซึ่งเขาเรียกว่าเป็นกำหนดเวลาจอมปลอมในเรื่องการถอนทหารสหรัฐฯ และกล่าวว่าการคงทหารสหรัฐฯ ไว้ในอิรักในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาความได้เปรียบด้านความมั่นคงไว้
เกี่ยวกับการหารือระหว่างโอบามากับบรรดาผู้นำอิรักนั้น คำแถลงของรัฐบาลอิรักเองระบุว่า โอบามาเข้าพบมาลิกิและประธานาธิบดีจาลาล ตาลาบานี ที่กรุงแบกแดดในวันจันทร์ โดยมาลิกิได้สรุปถึงความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพว่า "อิรักประสบความสำเร็จในการเอาชนะความยากลำบากและปัญหาท้าทายด้านความมั่นคงอย่างมากมาย อีกทั้งยังมีชัยชนะต่อกลุ่มอัลกออิดะห์และกองกำลังต่างๆ และขณะนี้อิรักก็มีเป้าหมายที่จะบรรลุผลสำเร็จในทางเศรษฐกิจต่อไป"
ในขณะที่การเยือนอิรักของโอบามาได้จุดชนวนการโต้เถียงรอบใหม่ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนโอบามาจะยอมรับนโยบายโหมกำลังทหารเข้าไปในอิรักอยู่บ้าง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะคัดค้านมาตลอด ในขณะที่แมคเคนให้การสนับสนุนเต็มที่
ทั้งนี้ โอบามาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีว่า เขา "ไม่ได้คาดการณ์ และผมคิดว่านี่เป็นคำอธิบายที่เป็นธรรม กล่าวคือ เป็นการเบนเข้าหากันทั้งของนโยบายโหมกำลังและการตื่นตัวของกลุ่มสุหนี่ที่บรรดาผู้นำของพวกเขาตัดสินใจว่าจะเลิกยุ่งกับอัลกออิดะห์... ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการผสมกันของปัจจัยทางการเมืองภายในอิรักในเวลาเดียวกันกับการสร้างผลงานอย่างดีเลิศของกำลังทหารของเรา"
"แต่ถ้าหากไม่มีปัจจัยทางการเมืองเหล่านั้น ผมคิดว่าการประเมินของผมก็ถูกต้อง"
ส่วนแมคเคนกล่าวว่าการเยือนแบกแดดแสดงให้เห็นว่าโอบามาทำผิดที่ต่อต้านนโยบายโหมกำลัง และเขาหวังว่าโอบามาจะ "ยอมรับว่าเขาประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างร้ายแรง"
โอบามาซึ่งอยู่ในระหว่างการเยือนอิรักเป็นเวลาสองวันกล่าวยอมรับด้วยว่าเขาไม่ได้คาดการณ์ว่านโยบายโหมกำลังพลสหรัฐฯ เข้าไปในอิรักนั้นจะใช้ได้ผลดีเพียงใดหากพิจารณาปัจจัยในระดับท้องถิ่นร่วมด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมืองสำคัญซึ่งแตกต่างจากของจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
"นายกรัฐมนตรีอิรักกล่าวว่าขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเริ่มต้นแผนการปรับโครงสร้างกำลังทหารของเราในอิรัก ซึ่งรวมถึงเรื่องของจำนวนทหารและภารกิจต่างๆ ด้วย" โอบามาระบุในคำแถลงที่ออกจากสำนักงานวุฒิสมาชิกของเขา
ส่วนในแถลงการณ์ร่วมของเขากับวุฒิสมาชิกแจ็ค รีด และชัค แฮเกล ในระหว่างการเยือนอิรักด้วยกัน ก็ระบุด้วยว่า "เขา (นายกรัฐมนตรีอิรัก) แสดงความหวังว่ากำลังทหารของสหรัฐฯ จะถอนออกมาจากอิรักได้ภายในปี 2010"
โอบามาซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเยือนประเทศต่างๆ เพื่อสร้างการยอมรับในบทบาทความเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเขา ถ้าหากเขาได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี กำลังหาเสียงด้วยการให้สัญญาว่า จะถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกจากอิรักภายใน 16 เดือน อันเป็นกำหนดเวลาที่สั้นกว่าที่นายกรัฐมนตรีมาลิกิต้องการเล็กน้อย
ทว่า แมคเคนปฏิเสธแนวคิดดังกล่าวซึ่งเขาเรียกว่าเป็นกำหนดเวลาจอมปลอมในเรื่องการถอนทหารสหรัฐฯ และกล่าวว่าการคงทหารสหรัฐฯ ไว้ในอิรักในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาความได้เปรียบด้านความมั่นคงไว้
เกี่ยวกับการหารือระหว่างโอบามากับบรรดาผู้นำอิรักนั้น คำแถลงของรัฐบาลอิรักเองระบุว่า โอบามาเข้าพบมาลิกิและประธานาธิบดีจาลาล ตาลาบานี ที่กรุงแบกแดดในวันจันทร์ โดยมาลิกิได้สรุปถึงความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพว่า "อิรักประสบความสำเร็จในการเอาชนะความยากลำบากและปัญหาท้าทายด้านความมั่นคงอย่างมากมาย อีกทั้งยังมีชัยชนะต่อกลุ่มอัลกออิดะห์และกองกำลังต่างๆ และขณะนี้อิรักก็มีเป้าหมายที่จะบรรลุผลสำเร็จในทางเศรษฐกิจต่อไป"
ในขณะที่การเยือนอิรักของโอบามาได้จุดชนวนการโต้เถียงรอบใหม่ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนโอบามาจะยอมรับนโยบายโหมกำลังทหารเข้าไปในอิรักอยู่บ้าง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะคัดค้านมาตลอด ในขณะที่แมคเคนให้การสนับสนุนเต็มที่
ทั้งนี้ โอบามาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีว่า เขา "ไม่ได้คาดการณ์ และผมคิดว่านี่เป็นคำอธิบายที่เป็นธรรม กล่าวคือ เป็นการเบนเข้าหากันทั้งของนโยบายโหมกำลังและการตื่นตัวของกลุ่มสุหนี่ที่บรรดาผู้นำของพวกเขาตัดสินใจว่าจะเลิกยุ่งกับอัลกออิดะห์... ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการผสมกันของปัจจัยทางการเมืองภายในอิรักในเวลาเดียวกันกับการสร้างผลงานอย่างดีเลิศของกำลังทหารของเรา"
"แต่ถ้าหากไม่มีปัจจัยทางการเมืองเหล่านั้น ผมคิดว่าการประเมินของผมก็ถูกต้อง"
ส่วนแมคเคนกล่าวว่าการเยือนแบกแดดแสดงให้เห็นว่าโอบามาทำผิดที่ต่อต้านนโยบายโหมกำลัง และเขาหวังว่าโอบามาจะ "ยอมรับว่าเขาประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างร้ายแรง"
