ศูนย์ข่าวขอนแก่น/เชียงใหม่–พันธมิตรฯ 19 จังหวัดอีสานประกาศจัดเวทีใหญ่ไล่รัฐบาลหุ่นเชิดที่อุดรธานี 24 ก.ค.นี้ เน้นเปิดโปงเนื้อร้ายระบอบทักษิณสู่รากหญ้า แฉ“ยี้ห้อย” สั่งลิ่วล้อเกณฑ์คนหนุ่มมาต้านให้มากที่สุด หวังให้ปะทะกับพี่น้องพันธมิตรฯ ด้านตัวแทน พธม.เชียงใหม่ให้ปากคำตำรวจเพิ่มมัดม็อบถ่อยใช้ความรุนแรงป่วนเวที
วานนี้ (22 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมเจริญโฮเต็ล ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี กลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคอีสาน (พันธมิตรฯ) 19 จังหวัดได้ประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดเวทีปราศรัยครั้งใหญ่ไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีแกนนำพันธมิตรฯในภาคอีกสานแต่ละจังหวัดเดินทางเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก ประกอบด้วย จ.ขอนแก่น, เลย, มหาสารคาม, สกลนคร, หนองบัวลำภู และกาฬสินธุ์ ส่วนพันธมิตรฯภาคอีสานตอนใต้ติดภารกิจในการจัดปราศรัยในจังหวัดตัวเอง
นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ 1 ในแกนนำกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคอีสานฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่พวกเราได้ร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว จึงได้มีการหารือกันในการเปลี่ยนชื่อเป็นสมัชชาประชาชนจังหวัดอุดรธานี เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเลือกข้าง แต่แล้วพรรคพลังประชาชน (พปช.) ซึ่งเป็นพรรคหุ่นเชิด และลิ่วล้อในระบอบทักษิณ ก็ได้มาเป็นรัฐบาลอีก จึงทำให้กลุ่มของเราต้องกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง เป็นกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคอีสาน 19 (พันธมิตรฯ) จังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรในเครือข่ายของพันธมิตรฯ เพื่อออกมาร่วมกันเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ อีกครั้งหนึ่ง
“ผมอยากเรียกร้องให้ทุกองค์กรให้เสียสละทิ้งหลักการของตนเองเอาไว้ก่อน แล้วมารวมกันให้เป็นเอกภาพในการขับไล่รัฐบาลออกไป” นายเจริญ กล่าว
นายเจริญ กล่าวต่อว่า สำหรับเวทีที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.ค.นี้กลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภาคอีสาน (พันธมิตรฯ) 19 จังหวัดขอปิดไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าจัดในพื้นที่ จ.อุดรธานีอย่างแน่นอน สำหรับวิทยากรที่จะมาขึ้นเวทีนั้นทางเราก็ขอปิดไว้ก่อนเช่นกัน
ส่วนมาตรการรักษาความปลอกภัย ระหว่างการเปิดเวทีปราศรัยทางวิชาการ กลุ่มเองได้เตรียมการ์ดเอาไว้รักษาความปลอดภัยในวันจัดเวทีปราศรัย โดยได้ขอความร่วมมือ พันธมิตรฯแต่ละจังหวัดให้จัดเตรียมอาสาสมัครมาจังหวัดละ 10 คน เพื่อค่อยสนับสนุนรักษาความปลอดภัยให้พี่น้องที่เข้ามารับฟัง
ในส่วนของกลุ่มคนที่จะมาต่อต้านนั้น กลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคอีสานฯ ได้รับแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ ได้มีใบสั่งให้นายธีระชัย แสนแก้ว และนายขวัญชัย สาระคำ นักจัดรายการวิทยุ ให้จัดจ้างกลุ่มมาต่อต้าน โดยให้เกณ์คนหนุ่มมาให้มากที่สุดไว้คอยปะทะกับพี่น้องพันธมิตรฯเต็มที่ แต่พวกตนก็ไม่หวั่นไหว
“ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ก็ได้มีการประกาศทางสถานีวิทยุ 97.75 กันแล้วว่า ขอให้พี่น้องประชาชนชมรมคนรักอุดร ทุกคนให้มารวมกันในวันที่ 24 ก.ค.นี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะระดมกันได้” นายเจริญ กล่าว
พธม.เชียงใหม่ให้ปากคำคดีม็อบถ่อย
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ วานนี้เวลาประมาณ 13.00 น.ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด นางชมพูนุท โทสินธิติ และนายเฉลิมพล แซมเพชร ได้เป็นตัวแทนพันธมิตรฯเชียงใหม่และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ เข้าพบ พ.ต.อ.ปิยบุตร อัจฉริยมงคล ผกก.สภ.ช้างเผือก เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 16 ก.ค.51 ที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือเพื่อขอให้มีการหามาตรการคุ้มครองความปลอดภัยในการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญและขอให้สืบสวนสอบสวนนำตัวบุคคลที่มีพฤติการณ์ขัดขวาง ก่อกวน ทำร้ายร่างกายและทำลายทรัพย์สินกลุ่มผู้ร่วมเวทีเสวนาวิชาการที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่เมื่อวันที่ 13 ก.ค.51 มาดำเนินการตามกฎหมาย
ผกก.สภ.ช้างเผือก เปิดเผยว่า วานนี้ ได้เชิญตัวแทนพันธมิตรฯเชียงใหม่ มาให้ปากคำและข้อมูลเพิ่มเติม กรณีการจัดเวทีเสวนาวิชาการของพันธมิตรฯเชียงใหม่ ที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีกลุ่มคนเข้าก่อกวนการจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยล่าสุดทางตำรวจได้มีการตั้งชุดสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวตามที่พันธมิตรเชียงใหม่และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือได้ทำหนังสือถึงตนเองแล้ว ส่วนจะสามารถจับกุมผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ดังกล่าวได้เมื่อใดและดำเนินคดีอะไรบ้างนั้น ต้องรอให้การสืบสวนสอบสวนแล้วเสร็จเสียก่อนจึงจะให้ความชัดเจนได้ แต่เบื้องต้นยืนยันว่าจะมีการทำงานอย่างเต็มที่
ด้านนางชมพูนุท โทสินธิติ ตัวแทนพันธมิตรฯเชียงใหม่และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ กล่าวว่า เบื้องต้นมีความพอใจการทำงานของตำรวจในระดับหนึ่ง ที่ได้มีการตั้งชุดสืบสวนสอบสวนขึ้นมารับผิดชอบการดำเนินการในกรณีโดยตรงแล้ว ซึ่งในส่วนของพันธมิตรฯเชียงใหม่นั้น ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ที่ก่อความวุ่นวายในเหตุการณ์ดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนการจะตั้งข้อหาใดบ้างนั้นให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายใดบ้าง
ขณะเดียวกันตัวแทนพันธมิตรฯเชียงใหม่และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ กล่าวว่า จากนี้อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการวางมาตรการในการคุ้มครองความปลอดภัยในการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค.51 อีก