เอเอฟพี/เอเยนซีส์ – บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศสมาคมอาเซียน ออกแถลงการณ์ร่วมภายหลังการประชุมประจำปีวานนี้(21) ระบุว่าราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งลิ่ว กำลังเป็นปัญหาท้าทายที่ร้ายแรงต่อสวัสดิภาพทางสังคมและเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกับเร่งเรียกร้องมีปฏิบัติการเพื่อแก้ไข
“เราได้หารือกันว่า การท้าทายที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกทีจากราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น คือปัญหาท้าทายอันร้ายแรงต่อสวัสดิภาพของประชาชนของเรา และต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศพวกเรา” แถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมที่สิงคโปร์ระบุ
เกี่ยวกับเรื่องอาหารซึ่งอาเซียนมีทั้งประเทศสมาชิกที่เป็นผู้ส่งออกสำคัญอย่างไทยและเวียดนาม และก็มีรัฐสมาชิกที่ต้องนำเข้าอาหารจำนวนมากอย่างเช่นฟิลิปปินส์ แถลงการณ์ร่วมบอกว่า“ในประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เรายืนยันว่าการเข้าถึงซัปพลายอาหารหลักได้อย่างเพียงพอและอย่างเชื่อถือได้ ตลอดจนราคาที่มีเสถียรภาพ เป็นปัจจัยพื้นฐานต่อความเป็นอยู่ที่ดีทั้งในทางเศรษฐกิจและทางสังคมของภูมิภาคนี้”
“เราส่งเสริมให้ทุกๆ ประเทศยกเลิกการอุดหนุนการส่งออกที่บิดเบือนราคา ตลอดจนโยบายกีดกันการค้าอย่างอื่นๆ และหาทางทำให้สามารถเข้าถึงตลาด เพื่อทำให้การส่งออกอาหารเป็นไปอย่างแข่งขันกับผู้อื่นได้”
สำหรับเรื่องน้ำมัน แถลงการณ์ร่วมของอาเซียนนอกจากแสดงความเป็นห่วงว่าราคาที่พุ่งสูงและปั่นป่วนผันผวนจะส่งผลกระทบกระเทือนด้านลบต่อเศรษฐกิจของพวกเขาแล้ว ก็ได้แต่ย้ำว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างหลักประกัน เพื่อทำให้พลังของตลาดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องมีการร่วมมือกันให้มากขึ้นในด้านการใช้และการอนุรักษ์พลังงาน
เกี่ยวกับพม่า ซึ่งถือเป็นสมาชิกเกเรที่สร้างความหนักอกหนักใจให้แก่ประเทศสมาชิกอื่นๆ นั้น แถลงการณ์ร่วมบอกว่า บรรดารัฐมนตรี “ได้รับทราบ” การจัดการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพม่า และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าดำเนิน “มาตรการที่ห้าวหาญยิ่งขึ้น” เพื่อจัดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมขึ้นภายในปี 2010 และปล่อยตัว “ผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งหมด รวมทั้ง ดอว์ อองซานซูจี เพื่อแผ้วถางทางสำหรับการสนทนาหารือกันที่มีความหมาย”
ทว่าแถลงการณ์ร่วมได้ตัดถ้อยคำภาษาที่ปรากฏในคำแถลงของประธานการประชุมก่อนหน้านี้ ซึ่งกล่าวว่าบรรดารัฐมนตรี “มีความผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง” ต่อการที่รัฐบาลทหารพม่าได้ยืดเวลากักกันซูจีเอาไว้ในบ้านพักต่อไปอีก 1 ปี
“เราได้หารือกันว่า การท้าทายที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกทีจากราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น คือปัญหาท้าทายอันร้ายแรงต่อสวัสดิภาพของประชาชนของเรา และต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศพวกเรา” แถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมที่สิงคโปร์ระบุ
เกี่ยวกับเรื่องอาหารซึ่งอาเซียนมีทั้งประเทศสมาชิกที่เป็นผู้ส่งออกสำคัญอย่างไทยและเวียดนาม และก็มีรัฐสมาชิกที่ต้องนำเข้าอาหารจำนวนมากอย่างเช่นฟิลิปปินส์ แถลงการณ์ร่วมบอกว่า“ในประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เรายืนยันว่าการเข้าถึงซัปพลายอาหารหลักได้อย่างเพียงพอและอย่างเชื่อถือได้ ตลอดจนราคาที่มีเสถียรภาพ เป็นปัจจัยพื้นฐานต่อความเป็นอยู่ที่ดีทั้งในทางเศรษฐกิจและทางสังคมของภูมิภาคนี้”
“เราส่งเสริมให้ทุกๆ ประเทศยกเลิกการอุดหนุนการส่งออกที่บิดเบือนราคา ตลอดจนโยบายกีดกันการค้าอย่างอื่นๆ และหาทางทำให้สามารถเข้าถึงตลาด เพื่อทำให้การส่งออกอาหารเป็นไปอย่างแข่งขันกับผู้อื่นได้”
สำหรับเรื่องน้ำมัน แถลงการณ์ร่วมของอาเซียนนอกจากแสดงความเป็นห่วงว่าราคาที่พุ่งสูงและปั่นป่วนผันผวนจะส่งผลกระทบกระเทือนด้านลบต่อเศรษฐกิจของพวกเขาแล้ว ก็ได้แต่ย้ำว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างหลักประกัน เพื่อทำให้พลังของตลาดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องมีการร่วมมือกันให้มากขึ้นในด้านการใช้และการอนุรักษ์พลังงาน
เกี่ยวกับพม่า ซึ่งถือเป็นสมาชิกเกเรที่สร้างความหนักอกหนักใจให้แก่ประเทศสมาชิกอื่นๆ นั้น แถลงการณ์ร่วมบอกว่า บรรดารัฐมนตรี “ได้รับทราบ” การจัดการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพม่า และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าดำเนิน “มาตรการที่ห้าวหาญยิ่งขึ้น” เพื่อจัดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมขึ้นภายในปี 2010 และปล่อยตัว “ผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งหมด รวมทั้ง ดอว์ อองซานซูจี เพื่อแผ้วถางทางสำหรับการสนทนาหารือกันที่มีความหมาย”
ทว่าแถลงการณ์ร่วมได้ตัดถ้อยคำภาษาที่ปรากฏในคำแถลงของประธานการประชุมก่อนหน้านี้ ซึ่งกล่าวว่าบรรดารัฐมนตรี “มีความผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง” ต่อการที่รัฐบาลทหารพม่าได้ยืดเวลากักกันซูจีเอาไว้ในบ้านพักต่อไปอีก 1 ปี
