ผู้จัดการรายวัน - เคทีซีรับมาตรการรัฐ- ราคาน้ำมันลดช่วยกระตุ้นธุรกิจบัตรเครดิตทั้งระบบกระเตื้อง แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ทรงตัวทำให้กำไรได้ค่อนข้างยาก ขณะที่เอ็นพีแอลยังไม่น่าห่วงอยู่ในระดับ 1% ขณะที่ระบบอยู่ที่ 3-4%
นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจมีการทรงตัวในปัจจุบันทำให้เชื่อว่าอัตราการทำกำไรของธุรกิจบัตรเครดิตจะมีการขยายตัวค่อนข้างยาก โดยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 2-3% ส่วนหนึ่งเนื่องจากต้นทุนทางการเงินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามจากการที่รัฐบาลได้มีการออก 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชนนั้น ก็น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้ภาวะในการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากมาตรการดังกล่าวนั้นจะเป็นส่วนช่วยให้ความเชื่อมั่นกลับมาในช่วงระยะสั้น รวมถึงการที่ราคาน้ำมันเริ่มมีสัญญาณที่ดีจากราคาที่เริ่มมีการปรับตัวลดลงจาก 150 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลงมาอยู่ที่ 130 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ที่จะช่วยให้ประชาชนมีความสามารถในการใช้จ่ายได้มากขึ้น
"ส่วนของเราเองก็จะพยายามกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายโดยแบ่งเป็นเซคเม้นท์ โดยธุรกิจเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เพราะราคาน้ำมันเริ่มลดลง คงช่วยให้การใช้จ่ายมีกำลังมากขึ้นบ้าง ถ้าสัญญาณยังดีก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ยกเว้นเรื่องของการเมืองก็ต้องดูว่าจะเป็นไงต่อไป"
นายธวัชชัย กล่าวว่า ผลการดำเนินในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดสินเชื่ออยู่ที่ 24,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม 43,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรต่อบัตรต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 6,858 บาท เพิ่มขึ้น 8% และมียอดเบิกเงินสดอยู่ที่ 8,800 ล้านบาท
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่กว่า 1% ส่วนตัวเลขของทั้งระบบอยู่ที่ 3-4% ซึ่งยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีมาก ๆ เอ็นพีแอลของระบบเคยขึ้นไปถึง 5-6% ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่น่าเป็นห่วง
นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า ในสภาวะที่เศรษฐกิจมีการทรงตัวในปัจจุบันทำให้เชื่อว่าอัตราการทำกำไรของธุรกิจบัตรเครดิตจะมีการขยายตัวค่อนข้างยาก โดยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 2-3% ส่วนหนึ่งเนื่องจากต้นทุนทางการเงินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามจากการที่รัฐบาลได้มีการออก 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชนนั้น ก็น่าจะเป็นส่วนที่ทำให้ภาวะในการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากมาตรการดังกล่าวนั้นจะเป็นส่วนช่วยให้ความเชื่อมั่นกลับมาในช่วงระยะสั้น รวมถึงการที่ราคาน้ำมันเริ่มมีสัญญาณที่ดีจากราคาที่เริ่มมีการปรับตัวลดลงจาก 150 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลงมาอยู่ที่ 130 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ที่จะช่วยให้ประชาชนมีความสามารถในการใช้จ่ายได้มากขึ้น
"ส่วนของเราเองก็จะพยายามกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายโดยแบ่งเป็นเซคเม้นท์ โดยธุรกิจเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เพราะราคาน้ำมันเริ่มลดลง คงช่วยให้การใช้จ่ายมีกำลังมากขึ้นบ้าง ถ้าสัญญาณยังดีก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ยกเว้นเรื่องของการเมืองก็ต้องดูว่าจะเป็นไงต่อไป"
นายธวัชชัย กล่าวว่า ผลการดำเนินในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดสินเชื่ออยู่ที่ 24,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม 43,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรต่อบัตรต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 6,858 บาท เพิ่มขึ้น 8% และมียอดเบิกเงินสดอยู่ที่ 8,800 ล้านบาท
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่กว่า 1% ส่วนตัวเลขของทั้งระบบอยู่ที่ 3-4% ซึ่งยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีมาก ๆ เอ็นพีแอลของระบบเคยขึ้นไปถึง 5-6% ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่น่าเป็นห่วง
