00 6 มาตรการช่วยเหลือคนจนที่รัฐบาล"หุ่นเชิด" เข็นออกมา ทั้งในเรื่องของการลดภาษีน้ำมัน การใช้ไฟ-น้ำฟรี ขึ้นรถเมล์ร้อนฟรี และรถไฟชั้นสามฟรี คนที่มองการเมืองอย่างรู้ทัน ย่อมมองออกไม่ยากว่า”นี่เป็นแค่เกมหาเสียง” ตื้นๆ หรือเป็นแค่ประชานิยม “กระจอกๆ” ที่นำมาหลอกซื้อชาวบ้าน “รากหญ้า” อีกรอบเท่านั้น
00 แต่เอาเถอะ จะถึงอย่างไรก็ตามมันก็ย่อมมีประโยชน์บ้างละ แม้ซัก “กระผีก” ก็ยังดี สำหรับคนจนหาเช้ากินค่ำ หรือหาเช้ากินพรุ่งนี้เช้าอีกวัน ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชักหน้าไม่ถึงหลังแบบนี้ ดีกว่ามัวแต่แกว่งปากด่าชาวบ้านไปวันๆ
00 นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามาตรการดังกล่าวชวนให้ด่าไล่หลัง เพราะถ้าพิจารณาในรายละเอียดแล้วแทบจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมบางอย่างอาจสร้างความโกลาหลให้กับฝ่ายปฏิบัติเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟชั้น 3 หรือว่า รถเมล์ร้อนฟรีนั้นเอาเข้าจริงมันมีเงื่อนไขคือ ถ้าจะขึ้นรถไฟฟรีก็จะต้องไปออกตั๋ว และไม่อาจโดยสารได้ทุกขบวน หรือไม่ใช่จู่ๆ จะหอบกระเป๋า หอบกล่องกระดาษเก่าๆ วิ่งขึ้นไปได้ทันทีก็หาใช่ไม่
00 ส่วนรถเมล์ร้อน ที่ว่าจะใช้วิธีฟรีคันเว้นคัน ขนาดไม่ฟรียังรอจนตาเหลือก ขาสั่นยังไม่เห็นวี่แวว แล้วทีนี้ถ้าฟรีจะขนาดไหนพี่น้อง บางทีถ้าขึ้นมาไม่ทันดูป้ายว่าฟรีหรือไม่ฟรี มันก็ยุ่งตายชัก ด่ากันลั่นแน่ และที่อารมณ์บ่จอยก็หนีไม่พ้นฝ่ายพนักงานเก็บค่าโดยสาร ที่ต้องเสียรายได้ส่วนแบ่งจากค่าตั๋วโดยสาร ยังต้องมาถูกด่าทั้งขึ้นทั้งล่อง ซวยฉิบ !!
00 ส่วนการลดภาษีน้ำมันก็เช่นเดียวกัน ทั้งแก๊สโซฮอล์ และดีเซล ที่ลดลงลิตรละ 3.30-2.19 บาท หรือการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ เพราะต้องนำเงินไปอุดหนุนในส่วนที่ขาดรายได้ไปกว่า 4 หมื่นล้าน ก็ลงท้ายเป็นเงินของชาวบ้านอีกนั่นแหละ ที่ต้องนำไปโปะ ไปอุด
00 ที่สำคัญยังไม่รู้ว่าอานิสงส์ จะถึงมือชาวบ้านที่ “จนจริงๆ” หรือเปล่า โดยเฉพาะการลดภาษีน้ำมัน เพราะต้องยอมรับว่าการลดราคาน้ำมันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับคนใช้รถในเมืองมากกว่า ขณะที่คนจนที่สมควรจะได้รับ ไม่มีรถ อย่าว่าแต่รถยนต์เลย แค่มอเตอร์ไซต์ซักคันยังไม่มีปัญญาเลย แต่เอาเถอะ ขืนพูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นขัดคอพวกเดียวกัน
00 แต่ที่อยากตั้งคำถามก็คือ ทำไมต่อมความรู้สึกประเภทคิดอยากจะช่วยเหลือคนยากคนจนมันช้านัก (วะ) ทำไมต้องรอให้เวลาลากมาเนิ่นนานปานนี้ ปล่อยให้ราคาสินค้า-ค่าขนส่งทุกอย่างพุ่งขึ้นไปโดยไร้ขีดจำกัดโดยไม่มีมาตรการเยียวยา พอวันนี้เมื่อรัฐบาลกำลังเข้าตาจนจากปัญหาที่ตัวเองก่อเอาไว้รอบด้านรุมเร้าเข้ามา ก็ลุกลี้ลุกลนออกมาตรการ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซื้อเวลาไปวันๆ ไม่สนใจว่าในระยะยาวจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างไรบ้าง ไม่นำพาว่ามาตรการที่ออกมา ไม่ได้พูดถึงยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีในการรองรับปัญหาค่าครองชีพเพื่อลดรายจ่ายแล้วเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านตาดำๆ
00 และวันนี้มาตรการที่ออกมาก็ใช้ชั่วคราวเฉพาะกิจ เพียงแค่ 6 เดือน แต่หลังจากนั้นจะทำอย่างไร หมายความว่า อีกไม่กี่วัน หากจำเป็นก็จะใช้เป็นใบเบิกทางหาเสียงหลอกต้มชาวบ้านอีกรอบ หากไปไม่รอดต้องยุบสภา ส่วนอนาคตจะฉิบหายวายป่วงอย่างไรก็ช่างหัวมัน ค่อยว่ากันอีกที เอวัง !!
00 แต่เอาเถอะ จะถึงอย่างไรก็ตามมันก็ย่อมมีประโยชน์บ้างละ แม้ซัก “กระผีก” ก็ยังดี สำหรับคนจนหาเช้ากินค่ำ หรือหาเช้ากินพรุ่งนี้เช้าอีกวัน ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชักหน้าไม่ถึงหลังแบบนี้ ดีกว่ามัวแต่แกว่งปากด่าชาวบ้านไปวันๆ
00 นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามาตรการดังกล่าวชวนให้ด่าไล่หลัง เพราะถ้าพิจารณาในรายละเอียดแล้วแทบจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถมบางอย่างอาจสร้างความโกลาหลให้กับฝ่ายปฏิบัติเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟชั้น 3 หรือว่า รถเมล์ร้อนฟรีนั้นเอาเข้าจริงมันมีเงื่อนไขคือ ถ้าจะขึ้นรถไฟฟรีก็จะต้องไปออกตั๋ว และไม่อาจโดยสารได้ทุกขบวน หรือไม่ใช่จู่ๆ จะหอบกระเป๋า หอบกล่องกระดาษเก่าๆ วิ่งขึ้นไปได้ทันทีก็หาใช่ไม่
00 ส่วนรถเมล์ร้อน ที่ว่าจะใช้วิธีฟรีคันเว้นคัน ขนาดไม่ฟรียังรอจนตาเหลือก ขาสั่นยังไม่เห็นวี่แวว แล้วทีนี้ถ้าฟรีจะขนาดไหนพี่น้อง บางทีถ้าขึ้นมาไม่ทันดูป้ายว่าฟรีหรือไม่ฟรี มันก็ยุ่งตายชัก ด่ากันลั่นแน่ และที่อารมณ์บ่จอยก็หนีไม่พ้นฝ่ายพนักงานเก็บค่าโดยสาร ที่ต้องเสียรายได้ส่วนแบ่งจากค่าตั๋วโดยสาร ยังต้องมาถูกด่าทั้งขึ้นทั้งล่อง ซวยฉิบ !!
00 ส่วนการลดภาษีน้ำมันก็เช่นเดียวกัน ทั้งแก๊สโซฮอล์ และดีเซล ที่ลดลงลิตรละ 3.30-2.19 บาท หรือการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ เพราะต้องนำเงินไปอุดหนุนในส่วนที่ขาดรายได้ไปกว่า 4 หมื่นล้าน ก็ลงท้ายเป็นเงินของชาวบ้านอีกนั่นแหละ ที่ต้องนำไปโปะ ไปอุด
00 ที่สำคัญยังไม่รู้ว่าอานิสงส์ จะถึงมือชาวบ้านที่ “จนจริงๆ” หรือเปล่า โดยเฉพาะการลดภาษีน้ำมัน เพราะต้องยอมรับว่าการลดราคาน้ำมันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับคนใช้รถในเมืองมากกว่า ขณะที่คนจนที่สมควรจะได้รับ ไม่มีรถ อย่าว่าแต่รถยนต์เลย แค่มอเตอร์ไซต์ซักคันยังไม่มีปัญญาเลย แต่เอาเถอะ ขืนพูดมากเดี๋ยวจะกลายเป็นขัดคอพวกเดียวกัน
00 แต่ที่อยากตั้งคำถามก็คือ ทำไมต่อมความรู้สึกประเภทคิดอยากจะช่วยเหลือคนยากคนจนมันช้านัก (วะ) ทำไมต้องรอให้เวลาลากมาเนิ่นนานปานนี้ ปล่อยให้ราคาสินค้า-ค่าขนส่งทุกอย่างพุ่งขึ้นไปโดยไร้ขีดจำกัดโดยไม่มีมาตรการเยียวยา พอวันนี้เมื่อรัฐบาลกำลังเข้าตาจนจากปัญหาที่ตัวเองก่อเอาไว้รอบด้านรุมเร้าเข้ามา ก็ลุกลี้ลุกลนออกมาตรการ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซื้อเวลาไปวันๆ ไม่สนใจว่าในระยะยาวจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างไรบ้าง ไม่นำพาว่ามาตรการที่ออกมา ไม่ได้พูดถึงยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีในการรองรับปัญหาค่าครองชีพเพื่อลดรายจ่ายแล้วเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านตาดำๆ
00 และวันนี้มาตรการที่ออกมาก็ใช้ชั่วคราวเฉพาะกิจ เพียงแค่ 6 เดือน แต่หลังจากนั้นจะทำอย่างไร หมายความว่า อีกไม่กี่วัน หากจำเป็นก็จะใช้เป็นใบเบิกทางหาเสียงหลอกต้มชาวบ้านอีกรอบ หากไปไม่รอดต้องยุบสภา ส่วนอนาคตจะฉิบหายวายป่วงอย่างไรก็ช่างหัวมัน ค่อยว่ากันอีกที เอวัง !!
