สถานการณ์ทางการเมืองในวันนี้ ไม่ว่ามองในมุมไหน ถือว่ารัฐบาลและพรรคพลังประชาชนกำลังเดินเข้าสู่มุมอับไปทุกที หมดสภาพ ไร้ความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนทั่วประเทศ ทำนอง “มีอำนาจรัฐอยู่ในมือเต็มเปี่ยม แต่บริหารไม่ได้”
**ตั้งแต่หัวแถว ยันท้ายแถว ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงไปถูกชี้หน้าด่าทอทั่วบ้านทั่วเมือง ไปทางไหนมีแต่คนโห่ไล่
รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลก็ร่วงหล่นลงไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละคนล้วนต้องข้อหาฉกรรจ์ เริ่มตั้งแต่ จักรภพ เพ็ญแข ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นายไชยา สะสมทรัพย์ ต้องพ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีจากกรณีขาดคุณสมบัติเนื่องจากภรรยาถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่นำพา จนนำไปสู่การวินิจฉัยชี้ขาดจากตุลาการรัฐธรรมนูญในที่สุด
และในกรณีเดียวกันนี้กำลังกลายเป็นบรรทัดฐานให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ วิรุฬ เตชะไพบูลย์ จะต้องพ้นจากเก้าอี้ด้วยในความผิดเดียวกัน นั่นคือถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ต่างจากกรณีของ นายไชยา นิดเดียวคือ ตัวเองถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตุลาการจะพิจารณาชี้ขาดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากใช้บรรทัดฐานเดียวกัน ก็ไม่น่าจะรอด และเจ้าตัวก็น่าจะรู้ชะตากรรมดีอยู่แล้ว
**รายล่าสุด ที่ทนเสียงประณามไม่ไหวต้องใช้แผน “ตัดตอน” ตัวแทนหลบลงเวทีอย่างกะทันหันเพื่อลุ้นยื้อเวลารัฐบาลไปอีกระยะก็คือ นพดล ปัทมะ โดยเฉพาะรายหลังนี้ ยังโดนข้อหา “ขายชาติ” เป็นชนักปักหลัง ต้องเสี่ยงถูกดำเนินคดีอาญาตามมาอีกเป็นพรวน เสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง ต้องฝ่าวิบากกรรมอีกหลายเปลาะ
ขณะที่หัวแถว “คณะหุ่นเชิด” อย่าง สมัคร สุนทรเวช ก็ต้องรอลุ้นรับกรรมจากคดีหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าฯกทม.ที่กำลังรอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญา
ถ้า(ย้ำว่าถ้า) ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทีนี้แหละพ่อคุณเอ๋ย มันจะยุ่งตายชัก เพราะนอกจากจะเห็นคนแก่บางคนต้องติดคุกแล้ว ยังส่งผลให้คณะหุ่นเชิดคณะนี้ต้องพ้นไปพร้อมกันทีเดียวยกเข่ง ไม่ต้องมีใครมาไล่ให้เมื่อยตุ้ม
นอกจากนี้ สมัคร ยังต้องเอาคอพาดเขียงอีกหลายเรื่อง ที่เห็นๆก็จะมี “ชิมไปบ่นไป” ว่าจะขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ล่าสุด กกต.ตรียมจะลงมติชี้ขาดกันภายในสัปดาห์หน้า
**ก็จะรู้ว่าหมู่หรือจ่า หรือ “หมัก” จะล่องจุ้น ตายน้ำตื้นหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสินบนข้ามชาติจากญี่ปุ่นจำนวนกว่า 120 ล้านบาทประดังเข้ามาสมทบอีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ งานนี้บอกได้คำเดียวว่า มีแต่เละกับเละเท่านั้น
และยังไม่นับกรณีเรื่องใหญ่ที่ “ยุทธ ตู้เย็น” ถูกศาลฎีกาฯยืนตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้ใบแดงและจะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนในอนาคต มันก็ยิ่งปั่นป่วน
การบริหางานของรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้นอกจากว่าผลงาน “ไม่เอาอ่าว” ไม่เป็นโล้เป็นพาย ในตอนแรกอาจมีข้ออ้างว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่ 2-3 เดือน อาจเร็วเกินไปในเรื่องผลงานที่จะปรากฎ แต่ถ้าพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว เวลานี้ผ่านไปแล้ว 4-5 เดือนก็ยังไม่เห็นวี่แวว
มีแต่ดิ่งเหวลงไปเรื่อยๆ วันๆมีแต่เรื่องชวนทะเลาะกับชาวบ้านไปทั่ว
ความล้มเหลว ไม่เป็นการเป็นงานในมาตรการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากปัญหาพลังงาน ที่เหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ที่รัฐบาลชุดนี้ต้องเจอ หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว
**แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนไทยทั่วประเทศเห็นไปทางเดียวกันมากที่สุด ไม่ว่าจะเคย “หลงใหล” หรือ “พรรคพลังประชาชน” มาก่อนหรือไม่ ก็คือเรื่อง “ปราสาทพระวิหาร” โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในช่วงการเดินขบวนประท้วงเมื่อปี 2505 และเคยร่วมกันบริจาคเงินกันคนละ 1 บาท เพื่อสมทบทุนในการต่อสู้คดีในศาลโลก ก็จะเข้าใจบรรยากาศแบบนี้ได้ดี
แต่มาวันนี้เมื่อรัฐบาลยกเลิกสงวนสิทธิ์ในปราสาทพระวิหาร โดยยอมให้กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว แถมนายกรัฐมนตรียังมาลอยหน้าลอยตาแถลงว่า “เป็นของเขมรมาตั้ง 46 ปีแล้ว ยิ่งทำให้ทุกอย่างขาดผึงทันที
เพราะไม่ว่าใครก็ตามไม่ว่าปูมหลังจากเป็นมาอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องเสียดินแดนอธิปไตยแล้วยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด
**นี่แหละถึงเรียกว่าเป็นจุดตาย ที่นำมาถึงจุดเสื่อมทรุดที่สุดของ รัฐนาวาชุดนี้
ปรากฏการณ์ดังกล่าวมาทั้งหมด หลายคนน่าจะเห็นตรงกันว่ารัฐบาลน่าจะมีอายุได้อีกไม่นาน แต่เชื่อหรือไม่ว่า คนอย่าง สมัคร จะเลือกวิธีตื้อ ดันทุรังอยู่ต่อไปให้นานที่สุด
เพราะถือว่าเป็นการเดิมพันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายในชีวิต ขณะเดียวกันยังจะวิธีการ “เสี่ยงตาย” ครั้งสำคัญ เดินหน้าขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อต่ออายุของตัวเอง ไปอีกเฮือกใหญ่
เพราะถ้าจะให้คาดเดาจากท่าทีล่าสุดที่ส่งสัญญาณเดินหน้าแก้ไขทันที่เปิดสภาสมัยสามัญในเดือนสิงหาคมนี้ เป้าหมายหลักๆยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
นั่นคือ มาตรา 237 มาตรา 309 เป็นหัวใจสำคัญ ยังอยู่ครบ
นาทีนี้ไม่ต้องสาธยายกันมากทุกคนรู้ทันอยู่แล้วว่า เพื่อต้องการหนีคดียุบพรรค และให้ “นายใหญ่-นายหญิง” รอดพ้นจากคดีทุจริต และไม่ต้องถูกริบทรัพย์ แค่นั้นเอง
ชาวบ้านไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือได้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อมี “ใบสั่ง” มา “หมัก” ก็ต้องเดินหน้าเต็มกำลัง หากไม่อยากกลับไปเลี้ยงแมวที่บ้านก่อนกำหนด
ทุกอย่างกำหนดเป็นตารางล่วงหน้าแล้วว่า จะปรับครม.ทำแทนตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อยื้อเวลาให้นานที่สุด เพื่อรอให้ถึงช่วงเปิดสภาสมัยสามัญ แล้วเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญกันเต็มพิกัด
**แต่ก็อย่างว่า สถานการณ์ในเวลานั้นไม่หมู สังคมรู้เท่าทันกันทั่วประเทศ มันก็ยิ่งยากเป็นทวีคูณ ในทางกลับกันแม้รู้ว่าอัตราเสี่ยง “ตายหมู่” สูง รู้ทั้งรู้ก็ต้องเดินหน้า เพราะเดิมพันครั้งนี้หมายถึงคุก และทรัพย์สินถูกริบเข้าหลวง มันก็ต้องเป็นไงเป็นกัน เสียววุ้ย !!
**ตั้งแต่หัวแถว ยันท้ายแถว ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงไปถูกชี้หน้าด่าทอทั่วบ้านทั่วเมือง ไปทางไหนมีแต่คนโห่ไล่
รัฐมนตรีในคณะรัฐบาลก็ร่วงหล่นลงไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละคนล้วนต้องข้อหาฉกรรจ์ เริ่มตั้งแต่ จักรภพ เพ็ญแข ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นายไชยา สะสมทรัพย์ ต้องพ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีจากกรณีขาดคุณสมบัติเนื่องจากภรรยาถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่นำพา จนนำไปสู่การวินิจฉัยชี้ขาดจากตุลาการรัฐธรรมนูญในที่สุด
และในกรณีเดียวกันนี้กำลังกลายเป็นบรรทัดฐานให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ วิรุฬ เตชะไพบูลย์ จะต้องพ้นจากเก้าอี้ด้วยในความผิดเดียวกัน นั่นคือถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ต่างจากกรณีของ นายไชยา นิดเดียวคือ ตัวเองถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตุลาการจะพิจารณาชี้ขาดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากใช้บรรทัดฐานเดียวกัน ก็ไม่น่าจะรอด และเจ้าตัวก็น่าจะรู้ชะตากรรมดีอยู่แล้ว
**รายล่าสุด ที่ทนเสียงประณามไม่ไหวต้องใช้แผน “ตัดตอน” ตัวแทนหลบลงเวทีอย่างกะทันหันเพื่อลุ้นยื้อเวลารัฐบาลไปอีกระยะก็คือ นพดล ปัทมะ โดยเฉพาะรายหลังนี้ ยังโดนข้อหา “ขายชาติ” เป็นชนักปักหลัง ต้องเสี่ยงถูกดำเนินคดีอาญาตามมาอีกเป็นพรวน เสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง ต้องฝ่าวิบากกรรมอีกหลายเปลาะ
ขณะที่หัวแถว “คณะหุ่นเชิด” อย่าง สมัคร สุนทรเวช ก็ต้องรอลุ้นรับกรรมจากคดีหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าฯกทม.ที่กำลังรอฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกศาลชั้นต้นตัดสินให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญา
ถ้า(ย้ำว่าถ้า) ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทีนี้แหละพ่อคุณเอ๋ย มันจะยุ่งตายชัก เพราะนอกจากจะเห็นคนแก่บางคนต้องติดคุกแล้ว ยังส่งผลให้คณะหุ่นเชิดคณะนี้ต้องพ้นไปพร้อมกันทีเดียวยกเข่ง ไม่ต้องมีใครมาไล่ให้เมื่อยตุ้ม
นอกจากนี้ สมัคร ยังต้องเอาคอพาดเขียงอีกหลายเรื่อง ที่เห็นๆก็จะมี “ชิมไปบ่นไป” ว่าจะขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ล่าสุด กกต.ตรียมจะลงมติชี้ขาดกันภายในสัปดาห์หน้า
**ก็จะรู้ว่าหมู่หรือจ่า หรือ “หมัก” จะล่องจุ้น ตายน้ำตื้นหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสินบนข้ามชาติจากญี่ปุ่นจำนวนกว่า 120 ล้านบาทประดังเข้ามาสมทบอีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ งานนี้บอกได้คำเดียวว่า มีแต่เละกับเละเท่านั้น
และยังไม่นับกรณีเรื่องใหญ่ที่ “ยุทธ ตู้เย็น” ถูกศาลฎีกาฯยืนตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้ใบแดงและจะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนในอนาคต มันก็ยิ่งปั่นป่วน
การบริหางานของรัฐบาลหุ่นเชิดชุดนี้นอกจากว่าผลงาน “ไม่เอาอ่าว” ไม่เป็นโล้เป็นพาย ในตอนแรกอาจมีข้ออ้างว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่ 2-3 เดือน อาจเร็วเกินไปในเรื่องผลงานที่จะปรากฎ แต่ถ้าพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว เวลานี้ผ่านไปแล้ว 4-5 เดือนก็ยังไม่เห็นวี่แวว
มีแต่ดิ่งเหวลงไปเรื่อยๆ วันๆมีแต่เรื่องชวนทะเลาะกับชาวบ้านไปทั่ว
ความล้มเหลว ไม่เป็นการเป็นงานในมาตรการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากปัญหาพลังงาน ที่เหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ที่รัฐบาลชุดนี้ต้องเจอ หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว
**แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนไทยทั่วประเทศเห็นไปทางเดียวกันมากที่สุด ไม่ว่าจะเคย “หลงใหล” หรือ “พรรคพลังประชาชน” มาก่อนหรือไม่ ก็คือเรื่อง “ปราสาทพระวิหาร” โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในช่วงการเดินขบวนประท้วงเมื่อปี 2505 และเคยร่วมกันบริจาคเงินกันคนละ 1 บาท เพื่อสมทบทุนในการต่อสู้คดีในศาลโลก ก็จะเข้าใจบรรยากาศแบบนี้ได้ดี
แต่มาวันนี้เมื่อรัฐบาลยกเลิกสงวนสิทธิ์ในปราสาทพระวิหาร โดยยอมให้กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว แถมนายกรัฐมนตรียังมาลอยหน้าลอยตาแถลงว่า “เป็นของเขมรมาตั้ง 46 ปีแล้ว ยิ่งทำให้ทุกอย่างขาดผึงทันที
เพราะไม่ว่าใครก็ตามไม่ว่าปูมหลังจากเป็นมาอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องเสียดินแดนอธิปไตยแล้วยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด
**นี่แหละถึงเรียกว่าเป็นจุดตาย ที่นำมาถึงจุดเสื่อมทรุดที่สุดของ รัฐนาวาชุดนี้
ปรากฏการณ์ดังกล่าวมาทั้งหมด หลายคนน่าจะเห็นตรงกันว่ารัฐบาลน่าจะมีอายุได้อีกไม่นาน แต่เชื่อหรือไม่ว่า คนอย่าง สมัคร จะเลือกวิธีตื้อ ดันทุรังอยู่ต่อไปให้นานที่สุด
เพราะถือว่าเป็นการเดิมพันเก้าอี้นายกรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายในชีวิต ขณะเดียวกันยังจะวิธีการ “เสี่ยงตาย” ครั้งสำคัญ เดินหน้าขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อต่ออายุของตัวเอง ไปอีกเฮือกใหญ่
เพราะถ้าจะให้คาดเดาจากท่าทีล่าสุดที่ส่งสัญญาณเดินหน้าแก้ไขทันที่เปิดสภาสมัยสามัญในเดือนสิงหาคมนี้ เป้าหมายหลักๆยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
นั่นคือ มาตรา 237 มาตรา 309 เป็นหัวใจสำคัญ ยังอยู่ครบ
นาทีนี้ไม่ต้องสาธยายกันมากทุกคนรู้ทันอยู่แล้วว่า เพื่อต้องการหนีคดียุบพรรค และให้ “นายใหญ่-นายหญิง” รอดพ้นจากคดีทุจริต และไม่ต้องถูกริบทรัพย์ แค่นั้นเอง
ชาวบ้านไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือได้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อมี “ใบสั่ง” มา “หมัก” ก็ต้องเดินหน้าเต็มกำลัง หากไม่อยากกลับไปเลี้ยงแมวที่บ้านก่อนกำหนด
ทุกอย่างกำหนดเป็นตารางล่วงหน้าแล้วว่า จะปรับครม.ทำแทนตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อยื้อเวลาให้นานที่สุด เพื่อรอให้ถึงช่วงเปิดสภาสมัยสามัญ แล้วเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญกันเต็มพิกัด
**แต่ก็อย่างว่า สถานการณ์ในเวลานั้นไม่หมู สังคมรู้เท่าทันกันทั่วประเทศ มันก็ยิ่งยากเป็นทวีคูณ ในทางกลับกันแม้รู้ว่าอัตราเสี่ยง “ตายหมู่” สูง รู้ทั้งรู้ก็ต้องเดินหน้า เพราะเดิมพันครั้งนี้หมายถึงคุก และทรัพย์สินถูกริบเข้าหลวง มันก็ต้องเป็นไงเป็นกัน เสียววุ้ย !!