เอเอฟพี – เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสมาคมอาเซียน สกอต มาร์เซียล กล่าวเมื่อวันอังคาร(8)ว่า สถานการณ์การก่อความไม่สงบของชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นเรื่องที่ “น่าวิตกมาก” แต่ก็ไม่คิดว่าสหรัฐฯจะเข้าไปมีบทบาทใดๆ ในการช่วยเหลือคลี่คลายความวุ่นวายนี้
“การก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยเป็นเรื่องน่าวิตกมาก ผมทราบว่ามันเป็นที่วิตกอย่างมากของบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของไทย” มาร์เซียลกล่าวในการประชุมที่จัดโดย ศูนย์กลางระหว่างประเทศ วูดโรว์ วิลสัน เพื่อผู้คงแก่เรียน (Woodrow Wilson International Center for Scholars) ในกรุงวอชิงตัน
เขาบอกว่า รัฐบาลนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช กำลังจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อปิดล้อมจำกัดวงพวกผู้ก่อความไม่สงบ “มันกำลังอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างฮวบฮาบ ดังนั้น ผมคิดว่า มันยังคงเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก เป็นปัญหาที่ผมทราบว่ารัฐบาลไทยถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก” เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอาเซียนกล่าว
มาร์เซียลมองว่า ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงด้วยวิธีการทางทหารเท่านั้น โดยชี้ว่ารัฐบาลที่ผ่านมาได้ใช้ทั้งมาตรการทางความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจำกัดวงของวิกฤต โดยประสานไปกับความพยายามในการเอาชนะ “หัวใจและหัวสมอง” ของประชาชน
แต่เขากล่าวว่า สหรัฐฯคงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย “เราไม่ได้คาดหมายว่าสหรัฐฯจะเข้าไปมีบทบาท ผมไม่คิดว่ามันจะทำให้เกิดดอกเกิดผลอะไร ผมไม่คิดว่าฝ่ายไทยจะคิดว่ามันจะทำให้เกิดดอกเกิดผลอะไร” เขาบอกแต่ก็ย้ำว่า “ถ้าหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ที่เราสามารถทำได้และได้รับการร้องขอแล้ว แน่นอนว่าเราก็จะพิจารณา แต่ในจุดนี้ เราเพียงเฝ้าดูสถานการณ์เท่านั้น”
“การก่อความไม่สงบในภาคใต้ของไทยเป็นเรื่องน่าวิตกมาก ผมทราบว่ามันเป็นที่วิตกอย่างมากของบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของไทย” มาร์เซียลกล่าวในการประชุมที่จัดโดย ศูนย์กลางระหว่างประเทศ วูดโรว์ วิลสัน เพื่อผู้คงแก่เรียน (Woodrow Wilson International Center for Scholars) ในกรุงวอชิงตัน
เขาบอกว่า รัฐบาลนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช กำลังจัดทำยุทธศาสตร์เพื่อปิดล้อมจำกัดวงพวกผู้ก่อความไม่สงบ “มันกำลังอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างฮวบฮาบ ดังนั้น ผมคิดว่า มันยังคงเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก เป็นปัญหาที่ผมทราบว่ารัฐบาลไทยถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก” เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอาเซียนกล่าว
มาร์เซียลมองว่า ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงด้วยวิธีการทางทหารเท่านั้น โดยชี้ว่ารัฐบาลที่ผ่านมาได้ใช้ทั้งมาตรการทางความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจำกัดวงของวิกฤต โดยประสานไปกับความพยายามในการเอาชนะ “หัวใจและหัวสมอง” ของประชาชน
แต่เขากล่าวว่า สหรัฐฯคงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย “เราไม่ได้คาดหมายว่าสหรัฐฯจะเข้าไปมีบทบาท ผมไม่คิดว่ามันจะทำให้เกิดดอกเกิดผลอะไร ผมไม่คิดว่าฝ่ายไทยจะคิดว่ามันจะทำให้เกิดดอกเกิดผลอะไร” เขาบอกแต่ก็ย้ำว่า “ถ้าหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ที่เราสามารถทำได้และได้รับการร้องขอแล้ว แน่นอนว่าเราก็จะพิจารณา แต่ในจุดนี้ เราเพียงเฝ้าดูสถานการณ์เท่านั้น”
