xs
xsm
sm
md
lg

สยามพารากอนครึ่งปีแรกโต 20% อานิสงส์คนมีเงินหันชอปในประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สยามพารากอน รับอานิสงส์พิษเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ คนมีเงินเปลี่ยนพฤติกรรมลดเดินทางต่างประเทศ หันชอปปิ้งในประเทศแทน ฟุ้งครึ่งปีแรกโต 20% ทะลุเป้า เทงบ 300 ล้านบาท ฝ่าปัจจัยลบอัด 20 กิจกรรมรักษาการเติบโต 20% ทุ่มกว่า 50 ล้านบาท จัดงานแสดงนาฬิกา "สยามพารากอน เวิลด์ วอทช์ แอนด์ จิวเวลลี่"ใหญ่ที่สุดในเอเชีย หวังดึงนักสะสมตัวยงโกยเงิน 370 ล้านบาท โต 5-10%

นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารอาวุโสสายการตลาด ศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อ และกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์เปลี่ยนพฤติกรรมลดการเดินทางชอปปิ้งต่างประเทศ และหันมาซื้อสินค้าภายในประเทศมากขึ้น ส่วนกลุ่มระดับกลาง มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน โดยอัตราการใช้ 3,000 -4,000 บาทต่อครั้งต่อบิล

สำหรับผลประกอบการศูนย์การค้าสยามพารากอนครึ่งปีแรกเติบโต 20% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าโตกว่า 10% จากการอัดงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท กระตุ้นขณะที่ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกอยู่ในภาวะทรงตัว ส่วนทั้งปีตั้งเป้าเติบโต 10% แต่เป้าหมายคือ ต้องการรักษาอัตราการเติบโต 20% เนื่องจากขณะนี้มีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจ น้ำมัน ล่าสุดได้เตรียมงบการตลาด 300 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง จากงบทั้งปีวางไว้ 600 ล้านบาท โดยจัดกิจกรรม 20 งานเพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยช่วงครึ่งปีหลัง

ล่าสุดทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท จัดงานมหกรรมงานนาฬิกา" สยามพารากอน เวิลด์ วอทช์ แอนด์ จิวเวลลี่ 2008" ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นงานแสดงนาฬิกาใหญ่ที่สุดในเอเชีย ภายในงานบนพื้นที่ 12,000 ตร.ม. โดยมีนาฬิการะดับโลกกว่า 200 แบรนด์ ร่วมงานแสดงกว่า 1,000 เรือนพิเศษ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 6 คอนเซปต์ ได้แก่ โซนแสดงนาฬิกาที่เปิดตัวครั้งแรกในไทย กลุ่มนาฬิกาประดิษฐกรรมชิ้นพิเศษ กลุ่มนาฬิกาหรูหรา กลุ่มนาฬิกาแฟชัน เป็นต้น โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม - 17 สิงหาคม นี้ ที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

"เรามั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไม่ส่งผลกระทบต่อมหกรรมงานนาฬิกาที่จัดขึ้น เพราะมีกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ อีกทั้งเป็นสินค้าที่อยู่ในระดับโลกและมีจำนวนจำกัด ซึ่งเป็นสิ่งที่นักสะสมทั่วโลกต้องการ โดยในงานนี้ตั้งเป้ายอดขาย 370 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 5-10% ส่วนจำนวนคนเข้างานเพิ่มจาก 1.2 แสนคน เป็น 1.3 แสนคน แบ่งเป็น ลูกค้านักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มจากกว่า 10% เป็น 20% ส่วนลูกค้าคนไทย 80%"
กำลังโหลดความคิดเห็น