วานนี้ (1 ก.ค.) หลังจากที่ในช่วงเช้านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ใช้เวลาระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ไปเดินชมตลาดซานหยวนเฉียว ในกรุงปักกิ่ง เวลา 10.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงปักกิ่ง) นายสมัคร พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปร่วม พิธีมอบตำแหน่ง ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์แก่นายกรัฐมนตรี ณ มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง (Beijing Language and Culture University) กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
สำหรับการมอบตำแหน่งดังกล่าวนั้น นายสมัคร เปิดเผยว่า เนื่องจากตนเอง เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ ซึ่งเป็นสาขาของมหาวิทยาลัยภาษาปักกิ่งที่กรุงเทพฯ ทำให้ทางโรงเรียนอัสสัมชัญฯ จึงเป็นต้นคิดและประสานงาน เพื่อมอบตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ให้ในครั้งนี้ให้
ทั้งนี้นายสมัครได้กล่าวสุนทรพจน์ภายหลังการรับมอบตำแหน่งศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์ ราวครึ่งชั่วโมง โดยใจความตอนหนึ่งระบุว่า ตนดีใจที่มีคนเอาเกียรติยศ มามอบให้ เพราะในประเทศไทยไม่ค่อยมีใครอยากเอาความดีให้นักการเมือง นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า ประเทศจีน และประเทศไทยมีความสัมพันธ์การมายาวนานกว่า 600 ปี
ซึ่งนายสมัครเองนั้น ต้นตระกูลก็มีเชื้อสายมาจากจีน แซ่ลี้ (หลี่) ในมณฑลกวางสี (กว่างซี) ซึ่งภายหลังได้มาทำการค้าขายอยู่ที่เมืองดาลัท ประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะอพยพย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองไทย เมื่อ 220 กว่าปีก่อน ดังนั้นจึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับมอบตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์แก่นายกรัฐมนตรี ณ มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่งในครั้งนี้
สำหรับในพิธีการมอบตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยได้ทำการเกณฑ์นักศึกษาจีน มาร่วมเป็นสักขีพยานราว 200 คน ส่วนนักศึกษาไทยนั้นปรากฏว่า มาเข้าร่วมงานเพียง 10 คนเท่านั้น ซึ่งจากการสอบถามพบว่า นักศึกษาไทยบางส่วนอยู่ในช่วงสอบ บ้างเดินทางกลับประเทศในช่วงปิดเทอม และบางส่วนไม่อยากมาร่วมพิธี
หลังจากเสร็จพิธีการดังกล่าว ในช่วงเที่ยงเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน จากนั้นนายสมัครและคณะจะเดินทางไปพบปะกับชุมชนไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้น เวลา 15.15 น. พลเอกเหลียง กวงเลี่ย ณฒซงกลาโหม เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี
ขณะที่เวลา 16.15 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และเวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางออกจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองกวางเจา (กว่างโจว)
++++++
ตร.ลั่นยึดนิติธรรมสอบ2ล.
ธนา-พิชิฎถูกจับแยกคุมขัง
ผู้จัดการรายวัน – “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ทำขึงขัง ให้คำมั่นประชาชน ลั่นยึดหลักนิติธรรม สอบคดีสินบน 2 ล้านไปตามกฎหมาย ขณะที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพจับ "ธนา-พิชิฏ" แยกแดนคุมขัง หวั่นเกิดเหตุวิวาท
จากกรณีสำนักงานศาลยุติธรรม ได้มอบหมายให้ตัวแทนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับ นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ และ นายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดี ญาติสนิทคุณหญิงพจมาน ข้อหาสินบนเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ม.144 และความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกทั้ง 3 คน เป็นเวลาคนละ 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีนำถุงขนมสอดไส้เงินสด 2 ล้านบาทมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาลฎีกา
วานนี้(1 ก.ค.)พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.เปิดเผยถึงการสอบสวน คดีดังกล่าวว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายการดำเนินการต่าง ๆก็เป็นไปตามข้อบังคับ ทาง ตร.จะไปบิดเบือนคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจว่า เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนแล้วก็ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยเด็ดขาด
นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการคุมขัง นายธนา ตันศิริ นายพิชิฏ ชื่นบาน และน.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ว่า เจ้าหน้าที่ได้กร้อนผมนายธนา และใส่ชุดนักโทษเช่นเดียวกับผู้ต้องขังทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น และขณะนี้ทางเรือนจำ ได้แยกตัวนายธนา ตันศิริ ไปคุมขังในแดน 4 จากเดิมที่นายธนา ถูกคุมขังในห้องแรกรับผู้ต้องหาซึ่งเป็นห้องเดียวกันกับนายพิชิฏ ชื่นบาน เนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่านายธนา จะมีอาการเครียดและอาจเกิดปัญหากับนายพิชิฏ ได้ เพราะที่ผ่านมานายพิชิฏ เคยพูดว่าสาเหตุที่ต้องมาถูกดำเนินคดีจนต้องติดคุกเป็นเพราะนายธนา ทำรุ่มร่ามในศาลฎีกากับเงินสินบน 2 ล้านบาท จึงทำให้ทั้ง 2 คนเป็นคู่กรณีกันอยู่ จึงจำเป็นต้องแยกและแก้ปัญหาไว้ก่อนจะดีกว่า
ทั้งนี้ ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จำเป็นต้องแยกขังนายพิชิฏ และ นายธนา เนื่องจากผู้ต้องขังได้พบหน้ากันแล้วในแดนแรกรับ แต่ทั้ง 2 คนไม่พูดคุยกัน เจ้าหน้าที่จึงต้องแยกขังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวิวาท
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความสงสัยว่าการจับกุมและควบคุมตัวนายธนา มาคุมขังยังเรือนจำ จะเป็นนายธนา ตัวจริงหรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทุกอย่างสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ และกรมราชทัณฑ์ก็ยินดีให้ตรวจสอบถ้าทุกคนยังสงสัยเรื่องนี้ ซึ่งกระแสข่าวว่าเป็นตัวปลอมนั้นไม่เป็นความจริง สามารถตรวจดูประวัติ ลายนิ้วมือ และเอกสารขั้นตอนอื่นๆที่ทางเรือนจำได้ดำเนินการกับตัวผู้ต้องหาได้ทุกเมื่อ
นายวันชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของ นายธนา ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ทำใจได้แล้ว และจะประพฤติตนตามระเบียบวินัยของเรือนจำ โดยจะช่วยสอนหนังสือวิชากฎหมายให้กับเพื่อนผู้ต้องขัง ซึ่งระหว่างการสอนทางเรือนจำจะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุม เพื่อให้สอนอยู่ในหลักเกณฑ์ ที่เหมาะสม ในส่วนของ นายพิชิฏ ได้รับรายงานว่า ผู้ต้องขังทำใจได้บ้างแล้ว มีสีหน้าท่าทางสดชื่นขึ้น และรับประทานอาหารที่เรือนจำจัดให้ได้แล้ว
นายวันชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับ น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีสินบน 2 ล้านที่ถูกคุมขังในเรือนจำ เมื่อเช้าที่ผ่านมาญาติได้นำยาเกี่ยวกับโรคไต ซึ่ง น.ส.ศุภศรี ต้องกินเป็นประจำมาฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ตรวจสอบตัวยา และอนุญาตให้นำเข้าไปให้ น.ส.ศุภศรีได้ เพราะเป็นตัวยาที่สำคัญ เกรงว่า น.ส.ศุภศรีจะมีอาการเครียดและเกร็งหากไม่ได้กินยารักษาโรคไตต่อเนื่อง
สำหรับการมอบตำแหน่งดังกล่าวนั้น นายสมัคร เปิดเผยว่า เนื่องจากตนเอง เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ ซึ่งเป็นสาขาของมหาวิทยาลัยภาษาปักกิ่งที่กรุงเทพฯ ทำให้ทางโรงเรียนอัสสัมชัญฯ จึงเป็นต้นคิดและประสานงาน เพื่อมอบตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ให้ในครั้งนี้ให้
ทั้งนี้นายสมัครได้กล่าวสุนทรพจน์ภายหลังการรับมอบตำแหน่งศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์ ราวครึ่งชั่วโมง โดยใจความตอนหนึ่งระบุว่า ตนดีใจที่มีคนเอาเกียรติยศ มามอบให้ เพราะในประเทศไทยไม่ค่อยมีใครอยากเอาความดีให้นักการเมือง นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า ประเทศจีน และประเทศไทยมีความสัมพันธ์การมายาวนานกว่า 600 ปี
ซึ่งนายสมัครเองนั้น ต้นตระกูลก็มีเชื้อสายมาจากจีน แซ่ลี้ (หลี่) ในมณฑลกวางสี (กว่างซี) ซึ่งภายหลังได้มาทำการค้าขายอยู่ที่เมืองดาลัท ประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะอพยพย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองไทย เมื่อ 220 กว่าปีก่อน ดังนั้นจึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับมอบตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์แก่นายกรัฐมนตรี ณ มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่งในครั้งนี้
สำหรับในพิธีการมอบตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยได้ทำการเกณฑ์นักศึกษาจีน มาร่วมเป็นสักขีพยานราว 200 คน ส่วนนักศึกษาไทยนั้นปรากฏว่า มาเข้าร่วมงานเพียง 10 คนเท่านั้น ซึ่งจากการสอบถามพบว่า นักศึกษาไทยบางส่วนอยู่ในช่วงสอบ บ้างเดินทางกลับประเทศในช่วงปิดเทอม และบางส่วนไม่อยากมาร่วมพิธี
หลังจากเสร็จพิธีการดังกล่าว ในช่วงเที่ยงเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน จากนั้นนายสมัครและคณะจะเดินทางไปพบปะกับชุมชนไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้น เวลา 15.15 น. พลเอกเหลียง กวงเลี่ย ณฒซงกลาโหม เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี
ขณะที่เวลา 16.15 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และเวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางออกจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองกวางเจา (กว่างโจว)
++++++
ตร.ลั่นยึดนิติธรรมสอบ2ล.
ธนา-พิชิฎถูกจับแยกคุมขัง
ผู้จัดการรายวัน – “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ทำขึงขัง ให้คำมั่นประชาชน ลั่นยึดหลักนิติธรรม สอบคดีสินบน 2 ล้านไปตามกฎหมาย ขณะที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพจับ "ธนา-พิชิฏ" แยกแดนคุมขัง หวั่นเกิดเหตุวิวาท
จากกรณีสำนักงานศาลยุติธรรม ได้มอบหมายให้ตัวแทนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับ นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ และ นายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดี ญาติสนิทคุณหญิงพจมาน ข้อหาสินบนเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ม.144 และความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกทั้ง 3 คน เป็นเวลาคนละ 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีนำถุงขนมสอดไส้เงินสด 2 ล้านบาทมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาลฎีกา
วานนี้(1 ก.ค.)พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.เปิดเผยถึงการสอบสวน คดีดังกล่าวว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายการดำเนินการต่าง ๆก็เป็นไปตามข้อบังคับ ทาง ตร.จะไปบิดเบือนคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจว่า เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนแล้วก็ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยเด็ดขาด
นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการคุมขัง นายธนา ตันศิริ นายพิชิฏ ชื่นบาน และน.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ว่า เจ้าหน้าที่ได้กร้อนผมนายธนา และใส่ชุดนักโทษเช่นเดียวกับผู้ต้องขังทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น และขณะนี้ทางเรือนจำ ได้แยกตัวนายธนา ตันศิริ ไปคุมขังในแดน 4 จากเดิมที่นายธนา ถูกคุมขังในห้องแรกรับผู้ต้องหาซึ่งเป็นห้องเดียวกันกับนายพิชิฏ ชื่นบาน เนื่องจากเจ้าหน้าที่เกรงว่านายธนา จะมีอาการเครียดและอาจเกิดปัญหากับนายพิชิฏ ได้ เพราะที่ผ่านมานายพิชิฏ เคยพูดว่าสาเหตุที่ต้องมาถูกดำเนินคดีจนต้องติดคุกเป็นเพราะนายธนา ทำรุ่มร่ามในศาลฎีกากับเงินสินบน 2 ล้านบาท จึงทำให้ทั้ง 2 คนเป็นคู่กรณีกันอยู่ จึงจำเป็นต้องแยกและแก้ปัญหาไว้ก่อนจะดีกว่า
ทั้งนี้ ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จำเป็นต้องแยกขังนายพิชิฏ และ นายธนา เนื่องจากผู้ต้องขังได้พบหน้ากันแล้วในแดนแรกรับ แต่ทั้ง 2 คนไม่พูดคุยกัน เจ้าหน้าที่จึงต้องแยกขังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุวิวาท
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความสงสัยว่าการจับกุมและควบคุมตัวนายธนา มาคุมขังยังเรือนจำ จะเป็นนายธนา ตัวจริงหรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ทุกอย่างสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ และกรมราชทัณฑ์ก็ยินดีให้ตรวจสอบถ้าทุกคนยังสงสัยเรื่องนี้ ซึ่งกระแสข่าวว่าเป็นตัวปลอมนั้นไม่เป็นความจริง สามารถตรวจดูประวัติ ลายนิ้วมือ และเอกสารขั้นตอนอื่นๆที่ทางเรือนจำได้ดำเนินการกับตัวผู้ต้องหาได้ทุกเมื่อ
นายวันชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของ นายธนา ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ทำใจได้แล้ว และจะประพฤติตนตามระเบียบวินัยของเรือนจำ โดยจะช่วยสอนหนังสือวิชากฎหมายให้กับเพื่อนผู้ต้องขัง ซึ่งระหว่างการสอนทางเรือนจำจะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุม เพื่อให้สอนอยู่ในหลักเกณฑ์ ที่เหมาะสม ในส่วนของ นายพิชิฏ ได้รับรายงานว่า ผู้ต้องขังทำใจได้บ้างแล้ว มีสีหน้าท่าทางสดชื่นขึ้น และรับประทานอาหารที่เรือนจำจัดให้ได้แล้ว
นายวันชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับ น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีสินบน 2 ล้านที่ถูกคุมขังในเรือนจำ เมื่อเช้าที่ผ่านมาญาติได้นำยาเกี่ยวกับโรคไต ซึ่ง น.ส.ศุภศรี ต้องกินเป็นประจำมาฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ตรวจสอบตัวยา และอนุญาตให้นำเข้าไปให้ น.ส.ศุภศรีได้ เพราะเป็นตัวยาที่สำคัญ เกรงว่า น.ส.ศุภศรีจะมีอาการเครียดและเกร็งหากไม่ได้กินยารักษาโรคไตต่อเนื่อง