นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ถึงกรณี พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในสภาว่า นายสมัคร เป็นผู้บกพร่องทางจิต ควรลาออกไปรักษาตัวก่อน เพราะถ้าบริหารประเทศต่อไป จะทำให้ประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้ ว่า มาตรวจสุขภาพกันกลางสภา ก็แสดงให้เห็น ไม่ต้องอดทนอะไร เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่เห็นผิดปกติคือว่า เปิดสภาก็มีหมอมาเยอะเพิ่งจะมีคราวนี้ละ หมอมา ไม่อยากใช้คำว่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง
"เธอคิดว่าเธอทำหน้าที่ถูกต้อง วินิจฉัยโรคคนไข้กลางสภา ผมต้องต่อว่าสภา ก็สภาเขาเลี้ยงน้ำแดง ใครไปเขาก็เลี้ยงน้ำแดงกับขนมเค้ก แล้วผมจะทำอย่างไร บอกผมไม่เอา ผมอายุมากแล้ว ผมพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เสียน้ำใจคนที่เขาเลี้ยง ใครไปเขาก็เลี้ยงอย่างนั้นทั้งนั้น กินไม่กินก็เรื่องของใครอย่างไร ไม่คาดคิดเลย ถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์ ฟังดูแล้วแปลกดี ผมต้องว่าเป็นความแปลกอย่างยิ่ง คือในทางการเมืองไม่คาดคิดว่า วิชาชีพหนึ่งจะไปวิจารณ์วิชาชีพหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีคนบอกมา เขาไม่เรียกใบอนุญาต เขาเรียกใบประกอบโรคศิลป ต้องฝากแพทยสภาช่วยดูด้วยแล้วกันว่า งานของท่านเข้ามาอยู่ทางการเมือง การที่นักการเมืองที่เป็นหมอ วิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์คนไข้กลางสภา ท่ามกลางธารกำนัลนั้น ผมไม่ทันจะได้ไปเปิดว่า จรรยาแพทย์นั้นมีอะไร ตรงไหน อย่างไร ไม่ได้เปิด ไม่มีอะไร คนอื่นถามว่า ทำไมถึงเป็นอย่างไร ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คือไม่คาดคิด อันนี้สำนวนผมต้องเรียกว่า เข็มขัดสั้น คือคาดไม่ถึง" นายสมัครกล่าว
**หมอมาลินียันเตือนด้วยเจตนาดี
ด้านพญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสมัคร สุนทรเวช นั้นไม่มีเจตนาติติง ให้ร้ายนายกรัฐมนตรี แต่ด้วยความที่ตนเป็นแพทย์ เมื่อพบผู้ป่วย ก็ต้องตักเตือน และเมื่อมาทำหน้าที่ในสภา จึงเป็นห่วงผู้นำประเทศ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้บริหารธรรมดา ต้องตัดสินใจแน่วแน่ แม่นยำ ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มาเบี่ยงเบน
พญ.มาลินี กล่าวว่าหลายคนเข้าใจว่า การอภิปรายของตน เป็นการดูแคลนนายกรัฐมนตรี
ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้านายกรัฐมนตรีไม่สมบูรณ์ ก็จะพาประเทศเขวได้ อย่าง ฮิตเลอร์ หรือ มุสโสลินี
"นายกรัฐมนตรีเข้าใจผิดว่า สิ่งที่พูดเป็นการวินิจฉัยโรค เพราะเราพูดเชิงวิเคราะห์ วิจารณ์ ว่าควรดูแลปรับปรุงตัวเองอย่างไร เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน และนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจผิดให้แพทยสภามาถอดถอนใบประกอบโรคศิลป เพราะการทำหน้าที่ในสภา เป็นคนละเรื่องกัน และไม่ได้ก้าวล่วงเข้าไปในวิชาชีพแพทย์ เราเพียงแต่วิเคราะห์เท่านั้น" พญ.มาลินีกล่าว
"เธอคิดว่าเธอทำหน้าที่ถูกต้อง วินิจฉัยโรคคนไข้กลางสภา ผมต้องต่อว่าสภา ก็สภาเขาเลี้ยงน้ำแดง ใครไปเขาก็เลี้ยงน้ำแดงกับขนมเค้ก แล้วผมจะทำอย่างไร บอกผมไม่เอา ผมอายุมากแล้ว ผมพูดอย่างนั้นได้อย่างไร เสียน้ำใจคนที่เขาเลี้ยง ใครไปเขาก็เลี้ยงอย่างนั้นทั้งนั้น กินไม่กินก็เรื่องของใครอย่างไร ไม่คาดคิดเลย ถูกจับจ้องวิพากษ์วิจารณ์ ฟังดูแล้วแปลกดี ผมต้องว่าเป็นความแปลกอย่างยิ่ง คือในทางการเมืองไม่คาดคิดว่า วิชาชีพหนึ่งจะไปวิจารณ์วิชาชีพหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีคนบอกมา เขาไม่เรียกใบอนุญาต เขาเรียกใบประกอบโรคศิลป ต้องฝากแพทยสภาช่วยดูด้วยแล้วกันว่า งานของท่านเข้ามาอยู่ทางการเมือง การที่นักการเมืองที่เป็นหมอ วิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์คนไข้กลางสภา ท่ามกลางธารกำนัลนั้น ผมไม่ทันจะได้ไปเปิดว่า จรรยาแพทย์นั้นมีอะไร ตรงไหน อย่างไร ไม่ได้เปิด ไม่มีอะไร คนอื่นถามว่า ทำไมถึงเป็นอย่างไร ผมก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น คือไม่คาดคิด อันนี้สำนวนผมต้องเรียกว่า เข็มขัดสั้น คือคาดไม่ถึง" นายสมัครกล่าว
**หมอมาลินียันเตือนด้วยเจตนาดี
ด้านพญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสมัคร สุนทรเวช นั้นไม่มีเจตนาติติง ให้ร้ายนายกรัฐมนตรี แต่ด้วยความที่ตนเป็นแพทย์ เมื่อพบผู้ป่วย ก็ต้องตักเตือน และเมื่อมาทำหน้าที่ในสภา จึงเป็นห่วงผู้นำประเทศ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ผู้บริหารธรรมดา ต้องตัดสินใจแน่วแน่ แม่นยำ ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มาเบี่ยงเบน
พญ.มาลินี กล่าวว่าหลายคนเข้าใจว่า การอภิปรายของตน เป็นการดูแคลนนายกรัฐมนตรี
ซึ่งไม่เป็นความจริง ถ้านายกรัฐมนตรีไม่สมบูรณ์ ก็จะพาประเทศเขวได้ อย่าง ฮิตเลอร์ หรือ มุสโสลินี
"นายกรัฐมนตรีเข้าใจผิดว่า สิ่งที่พูดเป็นการวินิจฉัยโรค เพราะเราพูดเชิงวิเคราะห์ วิจารณ์ ว่าควรดูแลปรับปรุงตัวเองอย่างไร เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน และนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจผิดให้แพทยสภามาถอดถอนใบประกอบโรคศิลป เพราะการทำหน้าที่ในสภา เป็นคนละเรื่องกัน และไม่ได้ก้าวล่วงเข้าไปในวิชาชีพแพทย์ เราเพียงแต่วิเคราะห์เท่านั้น" พญ.มาลินีกล่าว