กาฬสินธุ์ - ผลกระทบน้ำมันราคาแพง นอกจากจะทำให้ต้นทุนการทำนาเพิ่มสูงแล้วยังพบว่าเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้ใช้แรงงานต้องการค่าแรงเพิ่มถึงวันละ 200 บาท ทำให้เจ้าของนาหลายรายที่ไม่มีเงินสำหรับจ้างแรงงานต้องหันมาใช้แรงงานในครอบครัวแทน
จากการติดตามปัญหาของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวนาที่กำลังปักดำทำนากันอยู่ในช่วงนี้พบว่า นอกจากจะประสบปัญหาค่าน้ำมันที่ใช้สำหรับรถไถนาเดินตาม ที่จำหน่ายตามปั๊มในเขตชนบทราคาสูงถึงลิตรละ 42.30 บาทแล้ว ในส่วนของค่าแรงทั้งถอนกล้าและปักดำที่เริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกจ้างกันวันละ 150 บาท ซึ่งขณะนี้มีการขอปรับค่าแรงถึงวันละ 200 บาทแล้ว ทำให้เจ้าของนาหลายรายที่ไม่มีเงินจ้าง ต้องใช้แรงงานในครัวเรือน ถึงแม้จะใช้เวลาในการทำนาหลายวันก็ตาม
นางคำกอง ภูแล่นคู่ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 13 หมู่ 2 ชาวนาบ้านวังเกาะเหล็ก ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันดังกล่าว ทำให้ค่าแรงในการจ้างทำนามีการปรับขึ้นเป็นเงาตามตัวโดยกลุ่มผู้รับจ้างอ้างว่าต้องเสียค่าน้ำมันในการเดินทางมายังแปลงนาที่สูงขึ้น จึงขอปรับขึ้นค่าแรงดังกล่าว จึงทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงอีกหลายเท่าตัว
นางคำกอง กล่าวอีกว่า ไม่เพียงแต่ชาวนาจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงในด้านค่าแรงงานเท่านั้น นอกจากนี้จะยังต้องซื้อปุ๋ยเคมีที่มีการปรับราคาสูงถึงถุงละ 1,250 บาทอีกด้วย จึงอยากขอร้องให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่มีการกักตุนสินค้า และถือโอกาสขึ้นราคาด้วย เนื่องจากชาวนาถูกเอาเปรียบมาก
จากการติดตามปัญหาของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวนาที่กำลังปักดำทำนากันอยู่ในช่วงนี้พบว่า นอกจากจะประสบปัญหาค่าน้ำมันที่ใช้สำหรับรถไถนาเดินตาม ที่จำหน่ายตามปั๊มในเขตชนบทราคาสูงถึงลิตรละ 42.30 บาทแล้ว ในส่วนของค่าแรงทั้งถอนกล้าและปักดำที่เริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูกจ้างกันวันละ 150 บาท ซึ่งขณะนี้มีการขอปรับค่าแรงถึงวันละ 200 บาทแล้ว ทำให้เจ้าของนาหลายรายที่ไม่มีเงินจ้าง ต้องใช้แรงงานในครัวเรือน ถึงแม้จะใช้เวลาในการทำนาหลายวันก็ตาม
นางคำกอง ภูแล่นคู่ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 13 หมู่ 2 ชาวนาบ้านวังเกาะเหล็ก ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันดังกล่าว ทำให้ค่าแรงในการจ้างทำนามีการปรับขึ้นเป็นเงาตามตัวโดยกลุ่มผู้รับจ้างอ้างว่าต้องเสียค่าน้ำมันในการเดินทางมายังแปลงนาที่สูงขึ้น จึงขอปรับขึ้นค่าแรงดังกล่าว จึงทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงอีกหลายเท่าตัว
นางคำกอง กล่าวอีกว่า ไม่เพียงแต่ชาวนาจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงในด้านค่าแรงงานเท่านั้น นอกจากนี้จะยังต้องซื้อปุ๋ยเคมีที่มีการปรับราคาสูงถึงถุงละ 1,250 บาทอีกด้วย จึงอยากขอร้องให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายปุ๋ยเคมีที่มีการกักตุนสินค้า และถือโอกาสขึ้นราคาด้วย เนื่องจากชาวนาถูกเอาเปรียบมาก