รอยเตอร์/เอเอฟพี – มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย เปิดประเด็นเผ็ดร้อนอีกครั้งเมื่อวันพุธ (11) โดยสนับสนุนพร้อมแนะนำบารัค โอบามา ว่าอย่าติดอยู่กับ “ปมด้อย” ที่เป็นคนผิวดำ มิฉะนั้นจะ “ประพฤติตัวแย่ยิ่งกว่าพวกผิวขาว” หากได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
“เรากลัวว่าโอบามาจะรู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาเป็นคนผิวดำที่มีปมด้อย ซึ่งจะทำให้เขาประพฤติตัวแย่ยิ่งกว่าพวกผิวขาว” กัดดาฟีกล่าวสัพยอกโอบามา ซึ่งเขาถือเป็นพี่น้องชาวเคนยาสัญชาติอเมริกัน ระหว่างการปราศรัยเฉลิมฉลองครบรอบ 38 ปีแห่งการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากลิเบีย ณ บริเวณอดีตฐานทัพสหรัฐฯ นอกกรุงตริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย
“นี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกครั้งหนึ่ง” กัดดาฟีขยายความ “เราขอเขาให้มั่นใจในตนเอง และคิดว่าแอฟริกาทั้งหมดสนับสนุนเขา เพราะถ้าหากเขายังติดอยู่กับปมด้อยของตัวเองแล้วล่ะก็ เขาจะมีนโยบายต่างประเทศที่เลวร้ายกว่าของพวกคนผิวขาวที่ผ่าน ๆ มา”
กัดดาฟีนั้นเป็นทื่เลื่องชื่อในเรื่องการพูดจาอย่างเผ็ดร้อน เขาขึ้นสู่อำนาจปกครองลิเบียซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในแอฟริกาเหนือเมื่อปี 1969 ด้วยการทำรัฐประหาร และต้องคอยหลบเลี่ยงข้อกล่าวหาของประเทศตะวันตกที่ระบุว่าเขาให้การสนับสนุนการก่อการร้ายอยู่นานนับทศวรรษ
ทว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกัดดาฟีกับประเทศตะวันตกเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากที่ลิเบียประกาศยกเลิกโครงการผลิตอาวุธทำลายล้างสูงเมื่อปี 2003 และยินยอมจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิตเพราะเครื่องบินของสายการบินสหรัฐฯ และฝรั่งเศสถูกระเบิด
ทั้งนี้ โอบามาซึ่งมีบิดาเป็นชาวเคนยาและมารดาเป็นคนผิวขาวจากมลรัฐแคนซัส และอาจได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของสหรัฐฯ ได้กล่าวในระหว่างหาเสียงก่อนหน้านี้ว่า เขาต้องทนกล้ำกลืนกับการพูดจาถากถางในเรื่องการต่อสู้ทางชาติพันธุ์ แต่เขาก็ได้รับการสนับสนุนทั้งจากคนผิวสีและคนผิวขาว
กัดดาฟีกล่าวว่าโอบามาควรใช้นโยบายให้การสนับสนุนคนจนและอ่อนแออย่างชาวปาเลสไตน์ และผูกมิตรกับผู้ที่เขาเรียกว่าชาวอาหรับเสรี มากกว่า “พวกสายลับ” สหรัฐฯ ในโลกอาหรับที่เป็นที่เกลียดชังแม้ในหมู่ประชาชนของตนเอง
กัดดาฟีเห็นว่าถ้อยแถลงของโอบามา แสดงว่าโอบามาละเลยเรื่องการเมืองระหว่างประเทศและไม่ได้ศึกษาปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือไม่การหาเสียงของเขาก็เป็นเรื่องโกหก
“เรายังหวังว่าเขาจะภูมิใจในแอฟริกา และเปลี่ยนแปลงอเมริกา และปลดปล่อยอเมริกาจากนโยบายในอดีต โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอาหรับ” กัดดาฟีบอก
กัดดาฟีเสริมอีกว่าเขามองเห็นถึงแรงจูงใจด้านมืดที่อยู่ในสุนทรพจน์ของโอบามาเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะ “โอบามาเสนอให้เงินช่วยเหลือแก่อิสราเอลถึง 300,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนด้านการทหาร แต่กลับหลบเลี่ยงไม่พูดเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล”
“เราสงสัยว่าเขาอาจกลัวถูกสายลับอิสราเอลฆ่า และเผชิญชะตากรรม (การถูกลอบสังหาร) แบบเดียวกับ (อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ) เคนเนดี ถ้าเขาสัญญาว่าจะเข้าไปตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล” กัดดาฟีเสริม
“แต่สันติภาพต่างหากที่จะปกป้องอิสราเอล ไม่ใช่อาวุธ และไม่ใช่นิวเคลียร์ เราจะสวดวิงวอนให้ประธานาธิบดี (คนใหม่) ของสหรัฐฯ เป็นคนที่รักสันติภาพ” กัดดาฟีบอก
“เรากลัวว่าโอบามาจะรู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาเป็นคนผิวดำที่มีปมด้อย ซึ่งจะทำให้เขาประพฤติตัวแย่ยิ่งกว่าพวกผิวขาว” กัดดาฟีกล่าวสัพยอกโอบามา ซึ่งเขาถือเป็นพี่น้องชาวเคนยาสัญชาติอเมริกัน ระหว่างการปราศรัยเฉลิมฉลองครบรอบ 38 ปีแห่งการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากลิเบีย ณ บริเวณอดีตฐานทัพสหรัฐฯ นอกกรุงตริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย
“นี่จะเป็นโศกนาฏกรรมอีกครั้งหนึ่ง” กัดดาฟีขยายความ “เราขอเขาให้มั่นใจในตนเอง และคิดว่าแอฟริกาทั้งหมดสนับสนุนเขา เพราะถ้าหากเขายังติดอยู่กับปมด้อยของตัวเองแล้วล่ะก็ เขาจะมีนโยบายต่างประเทศที่เลวร้ายกว่าของพวกคนผิวขาวที่ผ่าน ๆ มา”
กัดดาฟีนั้นเป็นทื่เลื่องชื่อในเรื่องการพูดจาอย่างเผ็ดร้อน เขาขึ้นสู่อำนาจปกครองลิเบียซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในแอฟริกาเหนือเมื่อปี 1969 ด้วยการทำรัฐประหาร และต้องคอยหลบเลี่ยงข้อกล่าวหาของประเทศตะวันตกที่ระบุว่าเขาให้การสนับสนุนการก่อการร้ายอยู่นานนับทศวรรษ
ทว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกัดดาฟีกับประเทศตะวันตกเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากที่ลิเบียประกาศยกเลิกโครงการผลิตอาวุธทำลายล้างสูงเมื่อปี 2003 และยินยอมจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิตเพราะเครื่องบินของสายการบินสหรัฐฯ และฝรั่งเศสถูกระเบิด
ทั้งนี้ โอบามาซึ่งมีบิดาเป็นชาวเคนยาและมารดาเป็นคนผิวขาวจากมลรัฐแคนซัส และอาจได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของสหรัฐฯ ได้กล่าวในระหว่างหาเสียงก่อนหน้านี้ว่า เขาต้องทนกล้ำกลืนกับการพูดจาถากถางในเรื่องการต่อสู้ทางชาติพันธุ์ แต่เขาก็ได้รับการสนับสนุนทั้งจากคนผิวสีและคนผิวขาว
กัดดาฟีกล่าวว่าโอบามาควรใช้นโยบายให้การสนับสนุนคนจนและอ่อนแออย่างชาวปาเลสไตน์ และผูกมิตรกับผู้ที่เขาเรียกว่าชาวอาหรับเสรี มากกว่า “พวกสายลับ” สหรัฐฯ ในโลกอาหรับที่เป็นที่เกลียดชังแม้ในหมู่ประชาชนของตนเอง
กัดดาฟีเห็นว่าถ้อยแถลงของโอบามา แสดงว่าโอบามาละเลยเรื่องการเมืองระหว่างประเทศและไม่ได้ศึกษาปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หรือไม่การหาเสียงของเขาก็เป็นเรื่องโกหก
“เรายังหวังว่าเขาจะภูมิใจในแอฟริกา และเปลี่ยนแปลงอเมริกา และปลดปล่อยอเมริกาจากนโยบายในอดีต โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอาหรับ” กัดดาฟีบอก
กัดดาฟีเสริมอีกว่าเขามองเห็นถึงแรงจูงใจด้านมืดที่อยู่ในสุนทรพจน์ของโอบามาเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะ “โอบามาเสนอให้เงินช่วยเหลือแก่อิสราเอลถึง 300,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนด้านการทหาร แต่กลับหลบเลี่ยงไม่พูดเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล”
“เราสงสัยว่าเขาอาจกลัวถูกสายลับอิสราเอลฆ่า และเผชิญชะตากรรม (การถูกลอบสังหาร) แบบเดียวกับ (อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ) เคนเนดี ถ้าเขาสัญญาว่าจะเข้าไปตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล” กัดดาฟีเสริม
“แต่สันติภาพต่างหากที่จะปกป้องอิสราเอล ไม่ใช่อาวุธ และไม่ใช่นิวเคลียร์ เราจะสวดวิงวอนให้ประธานาธิบดี (คนใหม่) ของสหรัฐฯ เป็นคนที่รักสันติภาพ” กัดดาฟีบอก