รอยเตอร์ - เครื่องบินของสายการบินซูดาน ซึ่งออกเดินทางจากกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน และผ่านกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ได้เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ขณะนำเครื่องลงจอดที่กรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน ในคืนวันอังคาร (10) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คน จากจำนวนผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้งหมด 217 คน
แพทย์และเจ้าหน้าที่บอกว่าหน่วยเก็บศพท้องถิ่นได้รับศพผู้เสียชีวิตไว้ทั้งหมด 28 รายในเวลาตีสามของวันพุธ (ตรงกับ 7.00 น.เวลาเมืองไทย) และมีผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าทีมหน่วยกู้ภัยได้นำผู้เสียชีวิตอีก 5 รายออกมาจากซากเครื่องบินในช่วงรุ่งเช้า
สำนักงานการบินพลเรือนของซูดานระบุว่า นับจำนวนผู้รอดชีวิตได้ 113 ราย แต่มีบางส่วนที่เดินทางกลับบ้านไปก่อนโดยไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ กาซี ซาลาฮัดดิน ที่ปรึกษาประธานาธิบดีบอกว่ามีผู้โดยสารที่ไม่ได้นับรวมกับผู้รอดชีวิตของทางการ มีราว 50-60 คน และความสับสนวุ่นวายในช่วงกลางคืนทำให้รายงานตัวเลขของทางการขัดแย้งกันเอง
นอกจากนั้น ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ตาย ทว่า เจ้าหน้าที่ทูตที่เข้าไปตรวจสอบหลักฐานกล่าวว่า ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มีชื่อเป็นภาษาอาหรับ เจ้าหน้าที่สนามบินระบุด้วยว่าส่วนใหญ่เป็นชาวซูดาน
สถานีโทรทัศน์ซูดานเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพากันวิ่งเข้าไปฉีดน้ำดับเพลิงบริเวณตัวเครื่องบิน
"เรากำลังดำเนินการนำเอาผู้เสียชีวิตออกมาจากเครื่องบินอยู่ แต่เป็นงานที่ยากเพราะร่างของผู้เสียชีวิตบางรายนั้นถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียม บางรายก็เหลือเพียงชิ้นส่วนของร่างกายบางชิ้นส่วนเท่านั้น"อัล อาเดล อาเจ็บ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์
รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ของซูดานระบุว่ามีผู้โดยสารในเครื่องบินของซูดาน แอร์เวยส์ ลำนี้อยู่ 203 คน และลูกเรืออีก 14 คน โดยเครื่องบินลำดังกล่าวออกเดินทางมาจากกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน และในรายงานระบุเพียงแค่ว่าเป็นเครื่องแอร์บัส แต่ไม่ได้ระบุรุ่นของเครื่องบิน
มาบรูค มูบารัค ซาลิม รัฐมนตรีกิจการขนส่ง บอกว่าเกิดระเบิดที่บริเวณเครื่องยนต์ด้านปีกขวาของเครื่องบิน "จนถึงตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่เราคิดว่าสภาพอากาศเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น"
**สภาพอากาศเลวร้าย**
ก่อนหน้านี้ในวันอังคารได้เกิดพายุฝุ่นและมีฝนตกหนักในบริเวณสนามบิน ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเล่าว่าเครื่องบินพยายามจะลงจอดที่สนามบินคาร์ทูม "แต่แล้วกัปตันก็ประกาศว่าเราไม่สามารถลงจอดได้เพราะสภาพอากาศเลวร้าย"
เขาเล่าว่า หลังจากนั้นเครื่องบินก็มุ่งหน้าต่อไปทางด้านทะเลแดงเพื่อไปยังเมืองพอร์ตซูดาน แต่อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังก็บินวกกลับมาที่คาร์ทูมอีกครั้งหนึ่ง
"ตอนที่ (นักบิน) พยายามนำเครื่องลงจอดนั้น เกิดการชนขึ้นครั้งหนึ่ง" ผู้โดยสารคนดังกล่าวบอกผู้สื่อข่าว
ผู้รอดชีวิตอีกรายหนึ่งคือ อัล ฮัจ เบซีร์ เล่าว่าการนำเครื่องลงจอดที่คาร์ทูมนั้น "ไม่เป็นปกติ" และหลังจากที่เครื่องบินลงแตะพื้นดินเพียงสองสามนาทีก็เกิด "ระเบิดดังขึ้นทางปีกขวา" และทันทีที่เกิดระเบิด ดูเหมือนไฟได้ลุกท่วมบริเวณตัวเครื่องและบริเวณห้องนักบิน ลูกเรือหน่วยภู้ภัยจึงได้เข้ามาจัดการดับไฟอย่างเร่งด่วน
"เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าที่เกิดไฟไหม้เป็นเพราะปัญหาทางเทคนิคใช่หรือไม่" ยูซุฟ อิบราฮิม ผู้อำนวยการสนามบินให้สัมภาษณ์ เขากล่าวว่า "เครื่องบินเดินทางมาจากอัมมานและซีเรีย ... การนำเครื่องลงที่คาร์ทูมเป็นไปอย่างปลอดภัย และนักบินก็ได้ติดต่อกับหอบังคับการบินเพื่อขอทราบตำแหน่งลานบินด้วย แต่พอถึงตอนนี้ก็เกิดระเบิดขึ้น"
เมื่อห้าปีก่อน เครื่องโบอิ้ง 737 ของซูดาน แอร์เวส์ เคยเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่นำเครื่องทะยานขึ้นในบริเวณใกล้กับพอร์ตซูดาน จนเป็นเหตุให้มีผู้โดยสาร 114 คน กับลูกเรืออีก 11 คนเสียชีวิต
แพทย์และเจ้าหน้าที่บอกว่าหน่วยเก็บศพท้องถิ่นได้รับศพผู้เสียชีวิตไว้ทั้งหมด 28 รายในเวลาตีสามของวันพุธ (ตรงกับ 7.00 น.เวลาเมืองไทย) และมีผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่าทีมหน่วยกู้ภัยได้นำผู้เสียชีวิตอีก 5 รายออกมาจากซากเครื่องบินในช่วงรุ่งเช้า
สำนักงานการบินพลเรือนของซูดานระบุว่า นับจำนวนผู้รอดชีวิตได้ 113 ราย แต่มีบางส่วนที่เดินทางกลับบ้านไปก่อนโดยไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ กาซี ซาลาฮัดดิน ที่ปรึกษาประธานาธิบดีบอกว่ามีผู้โดยสารที่ไม่ได้นับรวมกับผู้รอดชีวิตของทางการ มีราว 50-60 คน และความสับสนวุ่นวายในช่วงกลางคืนทำให้รายงานตัวเลขของทางการขัดแย้งกันเอง
นอกจากนั้น ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสัญชาติของผู้ตาย ทว่า เจ้าหน้าที่ทูตที่เข้าไปตรวจสอบหลักฐานกล่าวว่า ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มีชื่อเป็นภาษาอาหรับ เจ้าหน้าที่สนามบินระบุด้วยว่าส่วนใหญ่เป็นชาวซูดาน
สถานีโทรทัศน์ซูดานเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพากันวิ่งเข้าไปฉีดน้ำดับเพลิงบริเวณตัวเครื่องบิน
"เรากำลังดำเนินการนำเอาผู้เสียชีวิตออกมาจากเครื่องบินอยู่ แต่เป็นงานที่ยากเพราะร่างของผู้เสียชีวิตบางรายนั้นถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียม บางรายก็เหลือเพียงชิ้นส่วนของร่างกายบางชิ้นส่วนเท่านั้น"อัล อาเดล อาเจ็บ ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์
รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ของซูดานระบุว่ามีผู้โดยสารในเครื่องบินของซูดาน แอร์เวยส์ ลำนี้อยู่ 203 คน และลูกเรืออีก 14 คน โดยเครื่องบินลำดังกล่าวออกเดินทางมาจากกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน และในรายงานระบุเพียงแค่ว่าเป็นเครื่องแอร์บัส แต่ไม่ได้ระบุรุ่นของเครื่องบิน
มาบรูค มูบารัค ซาลิม รัฐมนตรีกิจการขนส่ง บอกว่าเกิดระเบิดที่บริเวณเครื่องยนต์ด้านปีกขวาของเครื่องบิน "จนถึงตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่เราคิดว่าสภาพอากาศเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น"
**สภาพอากาศเลวร้าย**
ก่อนหน้านี้ในวันอังคารได้เกิดพายุฝุ่นและมีฝนตกหนักในบริเวณสนามบิน ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเล่าว่าเครื่องบินพยายามจะลงจอดที่สนามบินคาร์ทูม "แต่แล้วกัปตันก็ประกาศว่าเราไม่สามารถลงจอดได้เพราะสภาพอากาศเลวร้าย"
เขาเล่าว่า หลังจากนั้นเครื่องบินก็มุ่งหน้าต่อไปทางด้านทะเลแดงเพื่อไปยังเมืองพอร์ตซูดาน แต่อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังก็บินวกกลับมาที่คาร์ทูมอีกครั้งหนึ่ง
"ตอนที่ (นักบิน) พยายามนำเครื่องลงจอดนั้น เกิดการชนขึ้นครั้งหนึ่ง" ผู้โดยสารคนดังกล่าวบอกผู้สื่อข่าว
ผู้รอดชีวิตอีกรายหนึ่งคือ อัล ฮัจ เบซีร์ เล่าว่าการนำเครื่องลงจอดที่คาร์ทูมนั้น "ไม่เป็นปกติ" และหลังจากที่เครื่องบินลงแตะพื้นดินเพียงสองสามนาทีก็เกิด "ระเบิดดังขึ้นทางปีกขวา" และทันทีที่เกิดระเบิด ดูเหมือนไฟได้ลุกท่วมบริเวณตัวเครื่องและบริเวณห้องนักบิน ลูกเรือหน่วยภู้ภัยจึงได้เข้ามาจัดการดับไฟอย่างเร่งด่วน
"เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าที่เกิดไฟไหม้เป็นเพราะปัญหาทางเทคนิคใช่หรือไม่" ยูซุฟ อิบราฮิม ผู้อำนวยการสนามบินให้สัมภาษณ์ เขากล่าวว่า "เครื่องบินเดินทางมาจากอัมมานและซีเรีย ... การนำเครื่องลงที่คาร์ทูมเป็นไปอย่างปลอดภัย และนักบินก็ได้ติดต่อกับหอบังคับการบินเพื่อขอทราบตำแหน่งลานบินด้วย แต่พอถึงตอนนี้ก็เกิดระเบิดขึ้น"
เมื่อห้าปีก่อน เครื่องโบอิ้ง 737 ของซูดาน แอร์เวส์ เคยเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่นำเครื่องทะยานขึ้นในบริเวณใกล้กับพอร์ตซูดาน จนเป็นเหตุให้มีผู้โดยสาร 114 คน กับลูกเรืออีก 11 คนเสียชีวิต