ท่านผู้อ่านที่ติดตามการชิงชัยเพื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน กับนาย โอบามา ในคอลัมน์ที่ผมเขียนอยู่นี้ คงพอจะจับความได้ว่า ผมถือหางฝ่ายหลังมากกว่า เพราะเชื่อว่าคนหนุ่มแม้ผิวสีก็ตามน่าจะมีภาษีดีกว่า
และผมก็ไม่คิดว่าฮิลลารีนั้นหวังจะเกาะเก้าอี้ในตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วย
ให้เธอไปชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กน่าจะดีกว่า
เธอยังไม่ได้แก่เกินกว่าที่จะกลับมาแข่งชิงเป็นตัวแทนพรรคอีกในสมัยหน้า
เมื่อไม่กี่วันมานี้เธอก็ประกาศยุติการหาเสียงและปวารณาตัวที่จะช่วยนายโอบามาหาเสียงสู้กับพรรครีพับลิกันแล้วครับ นี่เป็นสปิริตของนักการเมืองสตรีอเมริกันที่เราต้องยกย่องไว้เลย แม้จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องประกาศอย่างนี้ก็ตาม
ความจริงแล้วพลพรรคของนายโอบามานั้น ได้เรียกร้องให้ฮิลลารีมาช่วยนายโอบามามานานแล้วนะครับ อย่างน้อยเมื่อต้นเดือนนี้ก็ทำกันอย่างเปิดเผย โดยมองว่า “พวกเราก็ล้วนเป็นชาวเดโมแครตด้วยกันทั้งนั้น”
ทันทีที่รู้เค้าว่าโอบามาชนะแน่
และรู้ว่าฮิลลารีกำลังจะถอนตัวออกจากการแข่งขันก่อนรู้ผลสุดท้ายก็ตาม พวกพลพรรคของโอบามา โดยเฉพาะฝ่ายวางแผนก็เปิดฉากรุกคืบไปยังบรรดาผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ ที่ช่วยระดมทุนให้นางฮิลลารีอย่างเงียบๆ
นอกจากนี้ฝ่ายกลยุทธ์ของโอบามายังเจาะเข้าหาพวกปฏิบัติการทางการเมือง และบรรดาที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของนางฮิลลารีไปพร้อมๆ กันด้วย
ทำไมและเพื่ออะไร
ผมมองว่า ประการแรก นี่แสดงถึงการจัดตั้งและการจัดเตรียมที่ดีและมีประสิทธิภาพของทีมงานคณะนายโอบามาที่ต้องการให้ชัยชนะของนายโอบามานั้นได้รับการ “ตอบสนอง” มากกว่า “ถูกเพิกเฉย” หรือ “ไม่ยอมรับ” จากแกนหลักทั้งด้าน “ทุน” ด้าน “การเมือง” และกลไกของบรรดาที่ปรึกษา
ประการที่สอง เป็นการสร้างปราการแนวร่วมอย่างต่อเนื่อง เพราะการสู้กับต่างพรรคนั้น ปราการนี้สำคัญมาก ต้องขยายทีมและจำเป็นต้องใช้ทีมงานที่มีประสบการณ์
อย่าลืมว่าหลายคนในทีมของฮิลลารี คลินตัน นั้นเป็นมือโปรเฟสชันแนล และบางส่วนได้เป็นทีมงานของอดีตประธานาธิบดีคลินตันมาแล้ว
ประสบการณ์และแต้มคูทางการเมือง ถือว่าอยู่ในระดับ “เจนจัด” และอาจมีมากกว่าทีมงานของนายโอบามาเสียอีก
ประการสุดท้าย คือสร้างความเป็นมิตร ไม่โดดเดี่ยวกับทั้งทางคลินตัน และทีมงานที่ต้องกระจัดกระจายแตกตัวไปให้รวมตัวกันได้ และอาจมีงานต่อเนื่องเข้ามาอีก ทำให้งานไม่หยุด แต่เดินหน้าในเชิงลึกได้ต่อไป
อีกทั้งยังสามารถดูว่ามีนโยบายอะไรบ้างที่นางคลินตันสามารถสอดแทรกหรือมีอิทธิพลเข้ามายังกลุ่มของโอบามาได้ ความสำคัญส่วนนี้กลุ่มทุนของฮิลลารีย่อมต้องการมากที่สุด เพราะผลประโยชน์ของกลุ่มทุนมีมาก และไม่เสียโอกาส
ทีมงานของนางฮิลลารีบอกกับผู้สื่อข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัลในทำนองว่า กลุ่มที่ระดมทุนมี 25 คน และ “จะทำสิ่งที่จะช่วยชาติได้”
เป็นการแย้มว่าไม่มีข้อน่ารังเกียจที่จะคบหาสมาคมกับกลุ่มของนายโอบามาซึ่งใช้วิธีเข้าหาแบบ “ทำเพื่อชาติ” เช่นกัน
พวกกลุ่มทุนซึ่งภักดีต่อนางฮิลลารี เปิดเผยว่า พวกเขาจะรวมตัวกันไม่แยกจากกัน ในการเข้าหานายโอบามา แต่ก็เป็นเพราะนางฮิลลารีได้แนะนำเช่นนี้
เห็นไหมครับว่าเธอไม่ได้กีดกัน
แต่ได้ช่วยนายโอบามาอย่างจริงใจ โดยแนะนำให้กลุ่มทุนของเธอร่วมกันไปหานายโอบามา
เป็นนโยบาย “ได้ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย” หรือ win-win นั่นแหละครับ
บุคคลมีชื่อเสียงในทีมของคลินตันที่คาดหมายว่าจะมาสมทบช่วยนายโอบามา มี เช่น
แพตตี้ โซลิส ดอยย์ (Patti Solis Doyle)
เธอเป็นอดีตผู้จัดการด้านการรณรงค์ให้กับนางคลินตัน และเธออยู่ในรายชื่อที่นายโอบามาต้องการให้มาช่วยงานด้วย โดยเธอถูกวางว่าควรเข้ามาเป็นที่ปรึกษา
นางเมดาลีน ฮัลไบร์ท (Madeline K. Albright)
ในอดีตเธอเป็นถึง Secretary of State ในสมัยที่บิลล์ คลินตัน เป็นประธานาธิบดี
ถือว่าเธอมากด้วยประสบการณ์เป็นผู้ใหญ่ และเธอก็จะช่วยให้คำปรึกษาในหลายด้านได้อย่างดี
นายโรเจอร์ อัลท์แมน (Roger Altman)
บุคคลนี้เคยเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลคลินตันมาก่อน และโอบามาจัดอยู่ในรายชื่อบุคคลที่ควรมาร่วมทีมด้วย
แพตตี้ โซลิส สนิทสนมกับตัวแทนของโอบามา และชื่นชอบกัน กล่าวว่าจะมาร่วมงานกันหลังรู้ว่าใครชนะ หลังจากนั้นตัวแทนโอบามาก็รุดมาพบเธอทันทีเช่นกัน
แต่ก็นั่นแหละ นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า สองทีมมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะในด้านปฏิบัติการ เพราะเคยสู้กันทั้งทางกลยุทธ์และโจมตีใส่กันมาก่อน รวมทั้งแพร่ข่าวป้ายกับฝ่ายสื่อด้วย
แต่เมื่อมัน “จบ” ก็ต้องจบละครับ ฝรั่งนั้นไม่สู้กันตายไปข้างหนึ่งแน่
ดังนั้น รีพับลิกันคงเหนื่อย เพราะแม้ว่าหากไม่มีคลินตันอยู่ในฐานะรองประธานาธิบดี
แต่เขี้ยวเล็บพร้อมสรรพาวุธของทีมงานเธอหนุนโอบามาอย่างเต็มที่ ก็ยากที่รีพับลิกันจะเอาชนะนายโอบามาได้ง่ายๆ
และผมก็ไม่คิดว่าฮิลลารีนั้นหวังจะเกาะเก้าอี้ในตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วย
ให้เธอไปชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กน่าจะดีกว่า
เธอยังไม่ได้แก่เกินกว่าที่จะกลับมาแข่งชิงเป็นตัวแทนพรรคอีกในสมัยหน้า
เมื่อไม่กี่วันมานี้เธอก็ประกาศยุติการหาเสียงและปวารณาตัวที่จะช่วยนายโอบามาหาเสียงสู้กับพรรครีพับลิกันแล้วครับ นี่เป็นสปิริตของนักการเมืองสตรีอเมริกันที่เราต้องยกย่องไว้เลย แม้จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องประกาศอย่างนี้ก็ตาม
ความจริงแล้วพลพรรคของนายโอบามานั้น ได้เรียกร้องให้ฮิลลารีมาช่วยนายโอบามามานานแล้วนะครับ อย่างน้อยเมื่อต้นเดือนนี้ก็ทำกันอย่างเปิดเผย โดยมองว่า “พวกเราก็ล้วนเป็นชาวเดโมแครตด้วยกันทั้งนั้น”
ทันทีที่รู้เค้าว่าโอบามาชนะแน่
และรู้ว่าฮิลลารีกำลังจะถอนตัวออกจากการแข่งขันก่อนรู้ผลสุดท้ายก็ตาม พวกพลพรรคของโอบามา โดยเฉพาะฝ่ายวางแผนก็เปิดฉากรุกคืบไปยังบรรดาผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ ที่ช่วยระดมทุนให้นางฮิลลารีอย่างเงียบๆ
นอกจากนี้ฝ่ายกลยุทธ์ของโอบามายังเจาะเข้าหาพวกปฏิบัติการทางการเมือง และบรรดาที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของนางฮิลลารีไปพร้อมๆ กันด้วย
ทำไมและเพื่ออะไร
ผมมองว่า ประการแรก นี่แสดงถึงการจัดตั้งและการจัดเตรียมที่ดีและมีประสิทธิภาพของทีมงานคณะนายโอบามาที่ต้องการให้ชัยชนะของนายโอบามานั้นได้รับการ “ตอบสนอง” มากกว่า “ถูกเพิกเฉย” หรือ “ไม่ยอมรับ” จากแกนหลักทั้งด้าน “ทุน” ด้าน “การเมือง” และกลไกของบรรดาที่ปรึกษา
ประการที่สอง เป็นการสร้างปราการแนวร่วมอย่างต่อเนื่อง เพราะการสู้กับต่างพรรคนั้น ปราการนี้สำคัญมาก ต้องขยายทีมและจำเป็นต้องใช้ทีมงานที่มีประสบการณ์
อย่าลืมว่าหลายคนในทีมของฮิลลารี คลินตัน นั้นเป็นมือโปรเฟสชันแนล และบางส่วนได้เป็นทีมงานของอดีตประธานาธิบดีคลินตันมาแล้ว
ประสบการณ์และแต้มคูทางการเมือง ถือว่าอยู่ในระดับ “เจนจัด” และอาจมีมากกว่าทีมงานของนายโอบามาเสียอีก
ประการสุดท้าย คือสร้างความเป็นมิตร ไม่โดดเดี่ยวกับทั้งทางคลินตัน และทีมงานที่ต้องกระจัดกระจายแตกตัวไปให้รวมตัวกันได้ และอาจมีงานต่อเนื่องเข้ามาอีก ทำให้งานไม่หยุด แต่เดินหน้าในเชิงลึกได้ต่อไป
อีกทั้งยังสามารถดูว่ามีนโยบายอะไรบ้างที่นางคลินตันสามารถสอดแทรกหรือมีอิทธิพลเข้ามายังกลุ่มของโอบามาได้ ความสำคัญส่วนนี้กลุ่มทุนของฮิลลารีย่อมต้องการมากที่สุด เพราะผลประโยชน์ของกลุ่มทุนมีมาก และไม่เสียโอกาส
ทีมงานของนางฮิลลารีบอกกับผู้สื่อข่าวของวอลล์สตรีท เจอร์นัลในทำนองว่า กลุ่มที่ระดมทุนมี 25 คน และ “จะทำสิ่งที่จะช่วยชาติได้”
เป็นการแย้มว่าไม่มีข้อน่ารังเกียจที่จะคบหาสมาคมกับกลุ่มของนายโอบามาซึ่งใช้วิธีเข้าหาแบบ “ทำเพื่อชาติ” เช่นกัน
พวกกลุ่มทุนซึ่งภักดีต่อนางฮิลลารี เปิดเผยว่า พวกเขาจะรวมตัวกันไม่แยกจากกัน ในการเข้าหานายโอบามา แต่ก็เป็นเพราะนางฮิลลารีได้แนะนำเช่นนี้
เห็นไหมครับว่าเธอไม่ได้กีดกัน
แต่ได้ช่วยนายโอบามาอย่างจริงใจ โดยแนะนำให้กลุ่มทุนของเธอร่วมกันไปหานายโอบามา
เป็นนโยบาย “ได้ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย” หรือ win-win นั่นแหละครับ
บุคคลมีชื่อเสียงในทีมของคลินตันที่คาดหมายว่าจะมาสมทบช่วยนายโอบามา มี เช่น
แพตตี้ โซลิส ดอยย์ (Patti Solis Doyle)
เธอเป็นอดีตผู้จัดการด้านการรณรงค์ให้กับนางคลินตัน และเธออยู่ในรายชื่อที่นายโอบามาต้องการให้มาช่วยงานด้วย โดยเธอถูกวางว่าควรเข้ามาเป็นที่ปรึกษา
นางเมดาลีน ฮัลไบร์ท (Madeline K. Albright)
ในอดีตเธอเป็นถึง Secretary of State ในสมัยที่บิลล์ คลินตัน เป็นประธานาธิบดี
ถือว่าเธอมากด้วยประสบการณ์เป็นผู้ใหญ่ และเธอก็จะช่วยให้คำปรึกษาในหลายด้านได้อย่างดี
นายโรเจอร์ อัลท์แมน (Roger Altman)
บุคคลนี้เคยเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลคลินตันมาก่อน และโอบามาจัดอยู่ในรายชื่อบุคคลที่ควรมาร่วมทีมด้วย
แพตตี้ โซลิส สนิทสนมกับตัวแทนของโอบามา และชื่นชอบกัน กล่าวว่าจะมาร่วมงานกันหลังรู้ว่าใครชนะ หลังจากนั้นตัวแทนโอบามาก็รุดมาพบเธอทันทีเช่นกัน
แต่ก็นั่นแหละ นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า สองทีมมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะในด้านปฏิบัติการ เพราะเคยสู้กันทั้งทางกลยุทธ์และโจมตีใส่กันมาก่อน รวมทั้งแพร่ข่าวป้ายกับฝ่ายสื่อด้วย
แต่เมื่อมัน “จบ” ก็ต้องจบละครับ ฝรั่งนั้นไม่สู้กันตายไปข้างหนึ่งแน่
ดังนั้น รีพับลิกันคงเหนื่อย เพราะแม้ว่าหากไม่มีคลินตันอยู่ในฐานะรองประธานาธิบดี
แต่เขี้ยวเล็บพร้อมสรรพาวุธของทีมงานเธอหนุนโอบามาอย่างเต็มที่ ก็ยากที่รีพับลิกันจะเอาชนะนายโอบามาได้ง่ายๆ
