เอเอฟพี - บารัค โอบามา และจอห์น แมคเคน เปิดฉากสัปดาห์แรกแห่งการประจันหน้ากันแบบตัวต่อตัว เพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยต่างฝ่ายต่างประกาศจุดยืนที่จะยกเครื่องปรับเปลี่ยนการจัดวางภูมิทัศน์ทางการเมืองสหรัฐฯ เสียใหม่
ภายหลังจากที่ฮิลลารี คลินตัน ยอมออกจากการเลือกตั้งขั้นต้นและประกาศสนับสนุนโอบามาอย่างเต็มที่เมื่อวันเสาร์(7)ที่ผ่านมา บรรดาผู้สนับสนุนของพรรคเดโมแครต และคู่แข่งคือพรรครีพับลิกันต่างก็รุกหนักสู่ประเด็นหลักของการเลือกตั้งประธานาธิบดีปีนี้ 2 ประเด็น คือ เศรษฐกิจและอิรัก
"ข้อเท็จจริงก็คือว่าจอห์น แมคเคนนั้น ออกเสียง(ในวุฒิสภา)ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ให้กับ (ประธานาธิบดี) จอร์จ บุช เมื่อปีที่แล้ว และเขาออกเสียงให้กับ จอร์จ บุช ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ตลอดสมัยของประธานาธิบดีผู้นี้" จอห์น เคร์รี วุฒิสมาชิกจากมลรัฐแมสซาชูเซตส์ และอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมแครตซึ่งพ่ายแพ้ไปเมื่อปี 2004 บอกกับข่าวโทรทัศน์เอบีซี นิวส์
"นั่นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การปฏิรูป และก็ไม่ใช่ความแตกต่างจากเดิม" เขาย้ำ
ส่วนผู้สนับสนุนแมคเคนก็จัดให้โอบามาเป็นพวกหัวเสรีในเรื่องระบบภาษีและงบประมาณ ซึ่งสัญชาตญาณแรกของเขาก็คือการผลักรัฐบาลสหรัฐฯ ให้จนมุมในทุกภาคส่วนของสังคม และยังว่าการพูดจาที่ฟังแล้วเกิดแรงบันดาลใจของโอบามานั้นไม่ได้วางอยู่บนรากฐานอันมีแก่นสารใดๆ
"ถ้าพูดถึงวุฒิสมาชิกโอบามา เขาก็ดีแต่พูด" ลินซีย์ แกรม วุฒิสมาชิกจากมลรัฐเซาท์แคโรไลนา กล่าวและยังพูดถึงการที่โอบามาพยายามดึงคะแนนจากผู้มีสิทธิออกเสียงกลุ่มที่เป็นอิสระว่า
"(เขา) ไม่เคยพูดอะไรที่พวกซ้ายไม่ชอบฟัง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอิรักหรือเรื่องอื่น ผิดกับจอห์นที่เป็นตัวของตัวเองมานานแล้ว"
แต่โอบามานั้นไม่ยอมเสียคะแนนในส่วนผู้ลงคะแนนที่เป็นพวกสายกลาง ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครควรรับช่วงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากบุชที่จะหมดวาระการทำงานอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปีหน้า
ดังนั้น เขาจึงมีกำหนดการเดินทางหาเสียงในมลรัฐต่างๆ ที่ไม่ใช่ฐานคะแนนของเดโมแครต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลักแหลมในยุทธศาสตร์ของเขาที่จะก้าวสู่การเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ
ในวันจันทร์(9)โอบามาจะเริ่มเดินสายพูดเรื่องเศรษฐกิจทั่วประเทศเป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยเรี่มต้นที่นอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นมลรัฐที่ไม่ได้ให้คะแนนสนับสนุนแก่ผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต นับตั้งแต่ปี 1976 เป็นต้นมา
ส่วนในวันอังคารโอบามาจะไปที่มิสซูรี ซึ่งเป็นมลรัฐที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคเดโมแครตนับตั้งแต่การเลือกตั้งในสมัยของบิล คลินตันเมื่อปี 1996 หลังจากที่เขาได้ไปเยือนเวอร์จิเนีย (ซึ่งเป็นมลรัฐที่พรรคเดโมแครตมีชัยชนะครั้งล่าสุดในปี 1964) แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
นอกจากนั้น หลังจากที่ผ่านพ้นขั้นตอนการเลือกตั้งขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองต่างก็ออกสปอตโฆษณาทางโทรทัศน์เผยแพร่ประวัติชีวิตของตนเพื่อแนะนำตัวกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง
โดยเรื่องราวของโอบามานั้นบอกเล่าถึงผู้ที่ผ่านชีวิตคนผิวสีที่มีประสบการณ์แบบผสมผสาน ซึ่งทำให้ความหวังและความฝันแบบอเมริกันกลายเป็นชีวิตจริงขึ้นมา ส่วนแมคเคนนั้นเป็นทหารผ่านศึกสูงวัย และเป็นวีรบุรุษสงครามที่รอดชีวิตมาได้หลังจากทุกข์ทรมานกับการถูกกุมขังในเวียดนามนานถึงห้าปี
ทั้งนี้ มีผลสำรวจความคิดเห็นระบุว่าชาวอเมริกันกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าประเทศกำลังเดินผิดทิศทาง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกถึงปัญหาของพรรคการเมืองที่กุมอำนาจอยู่ "สภาพการณ์ของพรรครีพับลิกันไม่เคยตกต่ำขนาดนี้มาก่อนนับตั้งแต่ปี 1974" จอห์น วีเวอร์ อดีตที่ปรึกษาของแมคเคน กล่าว
ภายหลังจากที่ฮิลลารี คลินตัน ยอมออกจากการเลือกตั้งขั้นต้นและประกาศสนับสนุนโอบามาอย่างเต็มที่เมื่อวันเสาร์(7)ที่ผ่านมา บรรดาผู้สนับสนุนของพรรคเดโมแครต และคู่แข่งคือพรรครีพับลิกันต่างก็รุกหนักสู่ประเด็นหลักของการเลือกตั้งประธานาธิบดีปีนี้ 2 ประเด็น คือ เศรษฐกิจและอิรัก
"ข้อเท็จจริงก็คือว่าจอห์น แมคเคนนั้น ออกเสียง(ในวุฒิสภา)ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ให้กับ (ประธานาธิบดี) จอร์จ บุช เมื่อปีที่แล้ว และเขาออกเสียงให้กับ จอร์จ บุช ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ตลอดสมัยของประธานาธิบดีผู้นี้" จอห์น เคร์รี วุฒิสมาชิกจากมลรัฐแมสซาชูเซตส์ และอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเดโมแครตซึ่งพ่ายแพ้ไปเมื่อปี 2004 บอกกับข่าวโทรทัศน์เอบีซี นิวส์
"นั่นไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การปฏิรูป และก็ไม่ใช่ความแตกต่างจากเดิม" เขาย้ำ
ส่วนผู้สนับสนุนแมคเคนก็จัดให้โอบามาเป็นพวกหัวเสรีในเรื่องระบบภาษีและงบประมาณ ซึ่งสัญชาตญาณแรกของเขาก็คือการผลักรัฐบาลสหรัฐฯ ให้จนมุมในทุกภาคส่วนของสังคม และยังว่าการพูดจาที่ฟังแล้วเกิดแรงบันดาลใจของโอบามานั้นไม่ได้วางอยู่บนรากฐานอันมีแก่นสารใดๆ
"ถ้าพูดถึงวุฒิสมาชิกโอบามา เขาก็ดีแต่พูด" ลินซีย์ แกรม วุฒิสมาชิกจากมลรัฐเซาท์แคโรไลนา กล่าวและยังพูดถึงการที่โอบามาพยายามดึงคะแนนจากผู้มีสิทธิออกเสียงกลุ่มที่เป็นอิสระว่า
"(เขา) ไม่เคยพูดอะไรที่พวกซ้ายไม่ชอบฟัง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอิรักหรือเรื่องอื่น ผิดกับจอห์นที่เป็นตัวของตัวเองมานานแล้ว"
แต่โอบามานั้นไม่ยอมเสียคะแนนในส่วนผู้ลงคะแนนที่เป็นพวกสายกลาง ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครควรรับช่วงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากบุชที่จะหมดวาระการทำงานอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปีหน้า
ดังนั้น เขาจึงมีกำหนดการเดินทางหาเสียงในมลรัฐต่างๆ ที่ไม่ใช่ฐานคะแนนของเดโมแครต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลักแหลมในยุทธศาสตร์ของเขาที่จะก้าวสู่การเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ
ในวันจันทร์(9)โอบามาจะเริ่มเดินสายพูดเรื่องเศรษฐกิจทั่วประเทศเป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยเรี่มต้นที่นอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นมลรัฐที่ไม่ได้ให้คะแนนสนับสนุนแก่ผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต นับตั้งแต่ปี 1976 เป็นต้นมา
ส่วนในวันอังคารโอบามาจะไปที่มิสซูรี ซึ่งเป็นมลรัฐที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคเดโมแครตนับตั้งแต่การเลือกตั้งในสมัยของบิล คลินตันเมื่อปี 1996 หลังจากที่เขาได้ไปเยือนเวอร์จิเนีย (ซึ่งเป็นมลรัฐที่พรรคเดโมแครตมีชัยชนะครั้งล่าสุดในปี 1964) แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน
นอกจากนั้น หลังจากที่ผ่านพ้นขั้นตอนการเลือกตั้งขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองต่างก็ออกสปอตโฆษณาทางโทรทัศน์เผยแพร่ประวัติชีวิตของตนเพื่อแนะนำตัวกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง
โดยเรื่องราวของโอบามานั้นบอกเล่าถึงผู้ที่ผ่านชีวิตคนผิวสีที่มีประสบการณ์แบบผสมผสาน ซึ่งทำให้ความหวังและความฝันแบบอเมริกันกลายเป็นชีวิตจริงขึ้นมา ส่วนแมคเคนนั้นเป็นทหารผ่านศึกสูงวัย และเป็นวีรบุรุษสงครามที่รอดชีวิตมาได้หลังจากทุกข์ทรมานกับการถูกกุมขังในเวียดนามนานถึงห้าปี
ทั้งนี้ มีผลสำรวจความคิดเห็นระบุว่าชาวอเมริกันกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าประเทศกำลังเดินผิดทิศทาง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกถึงปัญหาของพรรคการเมืองที่กุมอำนาจอยู่ "สภาพการณ์ของพรรครีพับลิกันไม่เคยตกต่ำขนาดนี้มาก่อนนับตั้งแต่ปี 1974" จอห์น วีเวอร์ อดีตที่ปรึกษาของแมคเคน กล่าว
