00 นาทีนี้ถือว่าเป็นช่วงรอยต่อสำคัญว่าจะเดินหน้า-ถอยหลัง จะเอาแบบไหน เพราะถือว่าเดินมาถึงเส้นแบ่งสำคัญ คนที่มีจิตใจแน่วแน่ มั่นคงเท่านั้นถึงจะยืนหยัดอยู่ได้ และต้องมองปัญหาให้แตกฉานและรู้เท่าทัน
00 ถ้ามองเข้าไปข้างในใจของคนหลายคนเชื่อว่าก็อยากจะ “ถอย” เพราะร้อยทั้งร้อยคงไม่มีใครอยากมาตากแดดตากฝนกันกลางถนนมานานนับสัปดาห์หรอก แถมทุกครั้งก็มักตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของพวกแนวคิดเผด็จการ หรือมองสถานการณ์แบบคับแคบว่า “กีดขวางการจราจร” ซึ่งมักหยิบยกมาไล่กลุ่มผู้ชุมนุมแทบทุกครั้ง ที่มีชาวบ้านมาเข้าร่วมมากขึ้น โดยที่ไม่ได้มองในภาพกว้างว่า การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และต้องชุมนุมในบริเวณศูนย์อำนาจเท่านั้น ถ้าจะไม่ให้กีดขวางจรจร ก็คงต้องไปชุมนุมกันแถวทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งอีกสักสิบชาติก็คงจะได้ผลหรอก
00 อย่างที่บอกแล้วว่า ในยามนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญว่าจะเดินไปข้างหน้า หรือหยุดอยู่กับที่ดี แต่ขณะเดียวกันหากพิจารณาให้ถี่ถ้วน รอบด้าน และไม่ลืมง่ายก็ย่อมเข้าใจดีว่า คนอย่าง “หมัก” เป็นหุ่นเชิด หมดความชอบธรรมในการเป็นผู้นำแล้ว หลังจากแสดงอาการโหดเหี้ยม ประกาศสลายการชุมนุมอย่างแตกหักเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้จะมีการพลิกลิ้นกลับกลอก จนดูสับสนวุ่นวาย อย่างไร้ความรับผิดชอบก็ตาม
00 นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีหุ่นเชิดนี้มีพฤติกรรมทั้งต่อหน้าและลับหลังที่สังคมน่าจะจดจำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น “เหลิม” หรือ “เพ็ญ” ที่เพิ่งลาออกไป หรือถ้าหันไปทางสถาบันนิติบัญญัติ ก็ยังมี “ชัย ชิดชอบ” นั่งเป็นประธานสภา ที่มาทำภารกิจแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ “นายใหญ่” ขณะเดียวกันยังมีพวก “อีแอบ” ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ทั้ง “ยี้ห้อย” กับสมุนมีอยู่อีกเป็นพรวน
00 ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการลาออกของ “เพ็ญ” ที่บางคนมองว่าเป็นการถอดสลักและรัฐบาลถอยมาจนสุดซอยแล้วนั้น หากมองอย่างรู้ทันก็เป็นเพียงแค่แผนอำพราง หลอกให้ตายใจเท่านั้น เพื่อรอทีเผลอแล้วค่อยบุกเข้าไปใหม่ โดยไม่ให้ตั้งตัวติด
00 เพราะจนบัดนี้ “ส.ส.พลังแม้ว” ยังมีความกระเหี้ยนกระหือรือจะยื่นแก้ไขเข้าไปใหม่อยู่ตลอดเวลา ญัตติที่ตกไปไม่ใช่เกิดจากความคิด ส.ส.ส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้แต่อย่างใด ขณะเดียวกันถ้าย้อนกลับไปจับจ้องมอง “เพ็ญ”ที่บังอาจจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์แล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา ก็ลาออกเพียงแค่รักษารักษา “ขุน”เท่านั้น ไม่ได้เกิดจากความสำนึกผิดก็หาไม่ และขุนที่ว่านั้นก็ไม่รู้ว่า “หน้าเหลี่ยมๆ”หรือเปล่า และนี่ล่าสุดยังมีข่าวให้น่าปวดใจอีกว่า “นายกฯหุ่นเชิด” กำลังจะหมดเวลาเต็มที โดยจะดันก้น “น้องเขยแม้ว” มาเสียบแทน มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะยังเป็นวังวนของการสับเปลี่ยนหมุนเวียนอำนาจกันในหมู่พวกพ้อง วงศ์วารแล้วแต่จะชี้นิ้วสั่งการ
00 ดังนั้นเมื่อพิจารณาทุกอย่างรอบด้าน น่าจะพอตัดสินใจได้แล้วว่าพวกเราคนไทยที่ยึดมั่นความถูกต้อง มีธรรมนำหน้าจะต้องเดินหน้าต่อหรือ “หยุดพอ” แค่นี้ ถ้าจะเปรียบเปรยให้เห็นภาพ อุปมาเหมือนโจรกำลังยกขบวนมาปล้นบ้านของเรา แล้วพอถูกจับได้แล้วก็ถอยกลับไปซุ่มอยู่ท้ายซอย ไม่รู้ว่าจะบุกปล้นเรายามไหนอีกไม่รู้ ต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญผวาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมีทางเดียวต้องร่วมแรงร่วมใจขับไล่โจรกลุ่มนี้ออกไปให้ไกลๆเท่านั้นถึงจะนอนตาหลับ !!
00 ถ้ามองเข้าไปข้างในใจของคนหลายคนเชื่อว่าก็อยากจะ “ถอย” เพราะร้อยทั้งร้อยคงไม่มีใครอยากมาตากแดดตากฝนกันกลางถนนมานานนับสัปดาห์หรอก แถมทุกครั้งก็มักตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของพวกแนวคิดเผด็จการ หรือมองสถานการณ์แบบคับแคบว่า “กีดขวางการจราจร” ซึ่งมักหยิบยกมาไล่กลุ่มผู้ชุมนุมแทบทุกครั้ง ที่มีชาวบ้านมาเข้าร่วมมากขึ้น โดยที่ไม่ได้มองในภาพกว้างว่า การชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ และต้องชุมนุมในบริเวณศูนย์อำนาจเท่านั้น ถ้าจะไม่ให้กีดขวางจรจร ก็คงต้องไปชุมนุมกันแถวทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งอีกสักสิบชาติก็คงจะได้ผลหรอก
00 อย่างที่บอกแล้วว่า ในยามนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญว่าจะเดินไปข้างหน้า หรือหยุดอยู่กับที่ดี แต่ขณะเดียวกันหากพิจารณาให้ถี่ถ้วน รอบด้าน และไม่ลืมง่ายก็ย่อมเข้าใจดีว่า คนอย่าง “หมัก” เป็นหุ่นเชิด หมดความชอบธรรมในการเป็นผู้นำแล้ว หลังจากแสดงอาการโหดเหี้ยม ประกาศสลายการชุมนุมอย่างแตกหักเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้จะมีการพลิกลิ้นกลับกลอก จนดูสับสนวุ่นวาย อย่างไร้ความรับผิดชอบก็ตาม
00 นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีหุ่นเชิดนี้มีพฤติกรรมทั้งต่อหน้าและลับหลังที่สังคมน่าจะจดจำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น “เหลิม” หรือ “เพ็ญ” ที่เพิ่งลาออกไป หรือถ้าหันไปทางสถาบันนิติบัญญัติ ก็ยังมี “ชัย ชิดชอบ” นั่งเป็นประธานสภา ที่มาทำภารกิจแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ “นายใหญ่” ขณะเดียวกันยังมีพวก “อีแอบ” ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ทั้ง “ยี้ห้อย” กับสมุนมีอยู่อีกเป็นพรวน
00 ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการลาออกของ “เพ็ญ” ที่บางคนมองว่าเป็นการถอดสลักและรัฐบาลถอยมาจนสุดซอยแล้วนั้น หากมองอย่างรู้ทันก็เป็นเพียงแค่แผนอำพราง หลอกให้ตายใจเท่านั้น เพื่อรอทีเผลอแล้วค่อยบุกเข้าไปใหม่ โดยไม่ให้ตั้งตัวติด
00 เพราะจนบัดนี้ “ส.ส.พลังแม้ว” ยังมีความกระเหี้ยนกระหือรือจะยื่นแก้ไขเข้าไปใหม่อยู่ตลอดเวลา ญัตติที่ตกไปไม่ใช่เกิดจากความคิด ส.ส.ส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้แต่อย่างใด ขณะเดียวกันถ้าย้อนกลับไปจับจ้องมอง “เพ็ญ”ที่บังอาจจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์แล้วถูกจับได้คาหนังคาเขา ก็ลาออกเพียงแค่รักษารักษา “ขุน”เท่านั้น ไม่ได้เกิดจากความสำนึกผิดก็หาไม่ และขุนที่ว่านั้นก็ไม่รู้ว่า “หน้าเหลี่ยมๆ”หรือเปล่า และนี่ล่าสุดยังมีข่าวให้น่าปวดใจอีกว่า “นายกฯหุ่นเชิด” กำลังจะหมดเวลาเต็มที โดยจะดันก้น “น้องเขยแม้ว” มาเสียบแทน มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะยังเป็นวังวนของการสับเปลี่ยนหมุนเวียนอำนาจกันในหมู่พวกพ้อง วงศ์วารแล้วแต่จะชี้นิ้วสั่งการ
00 ดังนั้นเมื่อพิจารณาทุกอย่างรอบด้าน น่าจะพอตัดสินใจได้แล้วว่าพวกเราคนไทยที่ยึดมั่นความถูกต้อง มีธรรมนำหน้าจะต้องเดินหน้าต่อหรือ “หยุดพอ” แค่นี้ ถ้าจะเปรียบเปรยให้เห็นภาพ อุปมาเหมือนโจรกำลังยกขบวนมาปล้นบ้านของเรา แล้วพอถูกจับได้แล้วก็ถอยกลับไปซุ่มอยู่ท้ายซอย ไม่รู้ว่าจะบุกปล้นเรายามไหนอีกไม่รู้ ต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญผวาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมีทางเดียวต้องร่วมแรงร่วมใจขับไล่โจรกลุ่มนี้ออกไปให้ไกลๆเท่านั้นถึงจะนอนตาหลับ !!
